“เต๋าดาบ…”
“เนื่องจากมันถูกเรียกว่าเต๋า จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏ”
“องค์ประกอบหลักสามข้อของเต๋าดาบก็คือ ความแข็งแกร่ง ความเร็ว และเทคนิค เทคนิคดาบของคุณมุ่งเน้นไปแค่ความแข็งแกร่ง แม้ว่าความเร็วของคุณจะไม่ช้า แต่ในบางด้านก็ไร้ประโยชน์เกินไป ไม่ต้องกล่าวถึงเทคนิค”
…
ในพื้นที่โล่งของวัดหลานรั่ว
หยานซีเซียถือดาบทองเหลืองในมือและ ‘สั่งสอน’ จีเย่ผู้ที่กวัดแกว่งดาบงูดำ
มันช่วยไม่ได้ เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าหมาป่าเทาที่มีชื่อว่าบลอนดี้เป็นสัตว์เลี้ยงของจีเย่
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็เปลี่ยนไปหลังจากที่จีเย่พาเขาออกไปจากวัดหลานรั่วและทำให้เขาเห็นฝูงหมาป่าที่อยู่ด้านนอกกำลังหมอบลงด้านหน้าเขา หัวหน้าหมาป่าตาสีดำที่จีเย่เรียกว่า ‘ฮัสกี้’ ส่งเสียงครวญครางและถูกับขาของจีเย่ราวกับมันกำลังร้องไห้ให้กับชะตากรรมที่น่าเศร้าของพวกพ้อง
ในสถานการณ์เช่นนี้ หยานซีเซียก็ไม่มีทางเลือก เขาสามารถชดเชยได้โดยการแนะนำจีเย่เพื่อให้ศิลปะดาบสังหารปีศาจสมบูรณ์
“ดังนั้นยอดคนก็อาจถูกบังคับโดยสิ่งที่คิดว่าจำเป็นต้องทำ!”
จีเย่ผู้ที่ได้ยินหยานซีเซียสอนเต๋าดาบให้กับเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามที่นี่ก็คือโลกแห่งโชคชะตา หากเขาพลาดโอกาสนี้ไปก็ยากที่จะพูดได้ว่าเขาจะได้รับคำแนะนำจากนักดาบ ‘อันดับหนึ่ง’ อย่างหยานซีเซีย!
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปลี่ยนแต้มเกียรติยศให้เป็นสกิลโดยตรงเพื่อรับคำแนะนำของวีรบุรุษในโลกแห่งโชคชะตา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องทำความเข้าใจการสั่งสอนของหยานซีเซียด้วยความสามารถของเขาเท่านั้น
โชคดีที่ก่อนจะเข้าสู่เมืองแห่งมนุษย์ เขาได้ถามอู่ซงเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ เทคนิคการเคลื่อนไหว และท่าเท้า ดังนั้นเขาจึงมีพื้นฐานเพียงพอ
เป็นผลให้ไม่มีปัญหาเรื่องสกิลพื้นฐานของเขา สิ่งที่เขาขาดก็คือเทคนิคในตอนที่ใช้ดาบ
“ถูกต้อง คุณเข้าใจเร็วมาก!”
แม้ว่าหยานซีเซียก็ค่อนข้างประหลาดใจกับการรับรู้ของจีเย่ เขาถูกบังคับให้ต้องสอน แต่ยิ่งสอนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพยายามสอนมากขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่ามีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ มันเป็นเพราะว่าในตอนที่เขากลับมาพร้อมกับหมาป่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาก็ตระหนักว่าชายหนุ่มคนนี้ได้ส่งผีสาวที่มีชื่อว่าเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนออกไป
…
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ในขณะที่หยานซีเซียหรี่ตาและพึมพำ หยานซีเซียก็ได้ยินชายหนุ่มกล่าวตักเตือนผีสาว เขากล่าวว่าที่เขาส่งเธอกลับไปอยู่ในบ้านเพราะเธอบรรเลงพิณริมทะเลสาบในตอนเย็นในขณะที่สวมชุดน้อยชิ้น เขากลัวว่าเธอจะเป็นหวัด
เขาไม่ได้มีความคิดที่ไม่เหมาะสม ตอนนี้เธอเริ่มอุ่นขึ้นมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไล่ผีสาวออกไป
“ฉันเข้าใจเด็กคนนี้ผิดงั้นเหรอ?”
แววตาของหยานซีเซียแหลมคมมาก เขาสามารถบอกได้ว่าผีสาวไม่ได้ดูดซับพลังหยางเลน ในทางทฤษฏีแล้ว เนื่องจากเขาเพิ่งจากไป ปีศาจต้นไม้พันปีก็น่าจะลงมือหากมีอะไรเกิดขึ้น!
“ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง… จำไว้ว่าผู้ที่ใช้ดาบจะต้องไม่หุนหันพลันแล่นเกินไป คุณต้องบ่มเพาะจิตใจให้สงบ ตัวอย่างเช่น ฉันที่สงบจิตใจมานานกว่าสองทศวรรษแล้ว!”
หยานซีเซียผู้ที่รู้สึกงุนงงอยู่ชั่วขณะก็ได้สั่งสอนจีเย่ต่อไป
…
จีเย่ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการฝึกดาบกับหยานซีเซีย
อย่างไรก็ตามในตอนที่ใกล้จะค่ำ การฝึกดาบของเขาก็ถูกขัดจังหวะ
“บรูววว!”
เสียงเห่าหอนหมาป่าดังมาจากป่าด้านนอก บ่งบอกว่ามีใครบางคนกำลังเข้าใกล้วัดหลานรั่ว
นี่เป็นสิ่งที่จีเย่กำชับฝูงหมาป่าเป็นพิเศษ แม้ว่าหมาป่าธรรมดาจะขาดสติปัญญา แต่หัวหน้าหมาป่าที่เขาตั้งชื่อให้ว่า ‘ฮัสกี้’ ก็มีสติปัญญาค่อนข้างสูง มันสามารถทำงานเป็นยามได้อย่างสมบูรณ์
แน่นอนว่าเพื่อป้องกันการตายของหมาป่าไม่ให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เขาจึงกำชับให้หมาป่าอยู่ห่างจากผู้บุกรุกเป็นพิเศษ
เหตุผลที่เขามอบหมายให้หมาป่าเหล่านี้เป็นยามก็คือรอให้ ‘ผู้เข้าร่วม’ อีกสองคนจากฝ่ายเดียวกันมาหา
นี่เป็นเพราะตามทฤษฏีแล้ว คนส่วนใหญ่ที่สามารถเข้าสู่เมืองแห่งมนุษย์นั้นเป็นผู้เล่นเบต้า และดูจากอายุของพวกเขา พวกเขาก็น่าจะคุ้นเคยกับโปเยโปโลเยเป็นอย่างดี การมาที่วัดหลานรั่วจึงเป็นเรื่องที่แน่นอน
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถขจัดความเป็นไปได้ของผู้เล่นชาวต่างชาติ
อย่างไรก็ตามจีเย่ก็คาดว่าด้วยภูมิหลังอย่างโปเยโปโลเย โอกาสที่จะมีผู้เล่นจากประเทศเดียวกันกับเขาจะสูงกว่า
อย่างไรก็ตามเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นคนทั้งสองที่หลู่จือเซินพาเข้ามาในวัดหลานรั่ว
“ฮ่าๆๆๆ พี่ชายจี ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง!”
“เราไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้วใช่มั้ย? ฉันบังเอิญไปเจอฝูงหมาป่าของคุณและฉันก็รู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น มันเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้!”
เจ้าอ้วนจูนั้นสวมเกราะรูนที่มีรูปร่างผิดปกติเนื่องจากความอ้วนของเขา เขาถือกระเป๋าใบใหญ่ที่บรรจุสิ่งของมากมายและยิ้มจนตาของเขาหรี่ลง
“น้องจู่ ฉันกลัวว่ามันจะนานมากกว่า 1 ปี!”
จีเย่ยิ้มตอบ
วีรบุรุษผมแดงที่มีชื่อว่าคาตาร์รีน่าที่อยู่กับเจ้าอ้วนจู เธอไม่ได้กล่าวอะไรสักคำเหมือนก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามดวงตาที่มีแผลเป็นของเธอก็อยู่ที่หยานซีเซียสักพักหนึ่งด้วยความสงสัย
…
“อันที่จริง ฉันคิดว่าคุณจะพาหนิงไฉ่เฉินมาด้วย”
ในห้อง จีเย่กล่าวกับเจ้าอ้วนจู่ผู้ที่ถอดเกราะและวางบนโซฟาซึ่งมันหนักมากจนโซฟาแทบจะพัง
นี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่รีบไปหาหนิงไฉ่เฉิน
เนื่องจากเขาและหลู่จือเซินปรากฏในวัดหลานรั่ว และอีกสองคนยังไม่มาจนกระทั่งเช้านี้
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไปตามหาตัวเอกอย่างหนิงไฉ่เฉิน
นอกจากนี้ตราบใดที่พวกเขาไม่โง่ พวกเขาก็ควรปกป้องหนิงไฉ่เฉิน
“อันที่จริงเราพบหนิงไฉ่เฉินแล้ว นอกจากนี้เรายังช่วยเขากำจัดคนสองสามคนที่เข้าใจผิดวา่าเขาเป็นอาชญากรที่ถูกตามล่า!”
เจ้าอ้วนจู่หรี่ตาลงและยิ้มออกมา
“อ่า…”
จีเย่รอให้เขากล่าวต่อ เนื่องจากรู้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น
“จากนั้นเราก็พาเขาไปหาเจ้าของโรงเตี้ยมและช่วยให้เขาได้เงินคืน และเราก็จับตัวอาชญากรที่ถูกตามล่าอย่างหลิวเต๋า และนำไปแลกเป็นเงินที่ราชสำนัก เราจ้างรถม้าและ ‘ผู้คุ้มกัน’ สองคนเพื่อพาเขากลับบ้าน”
“ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรแล้ว!”
เจ้าอ้วนจูหัวเราะเบาๆ
“นั่น… เยี่ยมมาก!”
จีเย่จ้องมองเจ้าอ้วนด้วยความประหลาดใจ
ในตอนแรกเขาสงสัยว่าจะทำยังไงกับอีกสองคนดีหากพวกเขาพาหนิงไฉ่เฉินกลับมา
พวกเขาต้องจัดเตรียมผู้คนเพื่อปกป้องนักวิชาการที่อ่อนแอคนนี้เป็นพิเศษตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาถูกศัตรูสังหารงั้นเหรอ?
วิธีการจัดการเรื่องต่างๆ ของเจ้าอ้วนจู่นั้นไม่เลวเลย
แม้ว่าอีกฝ่ายจะรู้เกี่ยวกับหนิงไฉ่เฉิน แต่ก็คงยากมากที่จะไล่ตามเขา!
“ฮ่าๆๆ ฉันจะปล่อยให้เขาพบกับเทพธิดาของฉันได้ยังไงกัน?”
อน่างไรก็ตามรอยยิ้มอันล้ำลึกบนใบหน้าของเจ้าอ้วนจู่ก็เปลี่ยนไปเป็นน่าสมเพชในขณะที่เขาเผยสีหน้ามั่นใจในตัวเองออกมา