Earth’s Best Gamer – ตอนที่ 119

ตอนที่ 119

Earth’s Best Gamer ตอนที่ 119 วีรบุรุษ : หยางจื้อ

ในวัดแห่งโชคชะตา เครื่องบูชายัญชิ้นสุดท้ายก็คือ “เซ็ต” ของเครื่องบูชายัญ

มันคือเซ็ตของเกราะเต็มตัวสีดําที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วยบนผิวเกราะ และเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาอย่างชัดเจน

[เกราะภูเขาทมิฬ]

[ระดับ : วิสามัญอันดับ 5]

[ขั้น : เหนือชั้น (เครื่องบูชายัญ)]

[รายละเอียด : เกราะนี้ติดตามภูเขาทมิฬตลอดการต่อสู้ครึ่งชีวิตและหลับไหลไปกับเขาหลังจากที่เขาเสียชีวิต โดยเป็นสักขีพยานในวัยอันรุ่งโรจน์ของเขาและการสิ้นสุดที่น่าเสียใจ มันยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเจตจํานงการต่อสู้ของเขา เฉพาะวีรบุรุษที่ถูกยอมรับเท่านั้นจึงจะคู่ควรที่จะสวมเกราะนี้]

เกราะภูเขาทมิฬทั้งหมดสิบเซ็ตถูกนําออกมาจากสนามรบแห่งโชคชะตา พวกมันเป็นเกราะของผู้พิทักษ์ทั้งหมด ยกเว้นชุดเกราะตัวนี้

จีเย่ได้พิจารณาที่จะละลายเกราะภูเขาทมิฬสองชุดและสร้างเครื่องบูชายัญขั้นสมบูรณ์อีกหนึ่ง

แต่สุดท้าย เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้น

มีเหตุผลสองข้อ ข้อแรกมีไอเทมที่รอการผสานมากเกินไป ข้อสองเกราะภูเขาทมิฬนี้เคยเป็นของแม่ทัพ และมันมีรูปแบบและวัสดุที่แตกต่างจากเกราะของผู้พิทักษ์

หากพวกมันผสานเข้าด้วยกัน ผลิตภัณฑ์สุดท้ายอาจไม่ใช่ “ขั้นสมบูรณ์”

ในกรณีนี้ เขาจะสูญเสียเกราะของผู้พิทักษ์ไปหนึ่งชุด

รูปขบวนภูเขาทมิฬ เป็นอีกหนึ่งรางวัลที่เขาได้รับจากภูเขาทมิฬ มันต้องการคนอย่างน้อยสิบคนจึงจะสามารถใช้พลังของมันได้อย่างเต็มที่!

ดังนั้นหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว จีเย่ก็เลือกเกราะภูเขาทมิฬให้กับพิธีกรรมในคุณภาพขั้นเหนือชั้น

อย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะเป็นเพียงขั้นเหนือชั้น แต่ภูเขาทมิฬที่แท้จริงนั้นก็น่าจะอยู่ระดับเหนือธรรมชาติ ด้วยการเปิดใช้งานจากพลังแห่งโชคชะตา เกราะจึงเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในวัดเหมือนกับฟันมังกรลวงตา

ในสนามรบที่มีไฟและควันกับเสียงคํารามดังก้อง ชายร่างสูงที่สวมเกราะภูเขาทมิฬกําลังนั่งอยู่บนหลังสัตว์ร้ายที่แปลกปลาดซึ่งมีกีบที่เท้าและดวงตาที่เปล่งประกาย เขาถือดาบสีดําและแดงยาวประมาณ 2 เมตรซึ่งอยู่ตรงใจกลางสนามรบ!

แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวอะไร แต่กลิ่นอายของเลือดและความน่าเกรงขามที่เป็นของนักรบที่แข็งแกร่งนั้นก็ได้สร้างความประทับใจให้กับทุกคนในภูเขามังกรคู่ที่อยู่นอกวัดแห่งโชคชะตา

มันคือการต่อสู้ของแม่ทัพภูเขาทมิฬกับวีรบุรุษจากดาวเคราะห์ดวงอื่น นอกจากนี้เขายังไม่ได้อยู่ในสถานะผีเหมือนกับตอนที่จีเย่เผชิญหน้าในสนามรบแห่งโชคชะตา แต่เป็นคนที่มีชีวิต!

เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตจํานงการต่อสู้ที่ท่วมท้น วิญญาณแห่งอารยธรรมก็มีการตอบสนองในอีกด้านหนึ่งและเริ่มเปลี่ยนแปลง

“หอกและธนูของฉันสามารถพิชิตจักรวาลได้ ฉันแข็งแกร่งราวกับเสือและคล่องแคล่วราวกับลิง ฉันขี่ม้าได้รวดเร็วราวกับมังกร…”

ในเวลาเดียวกัน การประกาศบทกวีที่ไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่งและแม้แต่เสียงคํารามของการต่อสู้ก็เบาลง

คนที่มีใบหน้าเลือนลางมาถึงสนามรบ เขาสวมเกราะมาตรฐานของราชวงศ์ซ่งและขี่ม้าสีดํา บนอานม้ามีหอกที่ปลายเปล่งประกายไอเย็น และคันธนูเหล็กที่เป็นสีน้ำเงินดํา!

ในทางตรงกันข้าม ภูเขาทมิฬจากดาวเคราะห์ของผู้บ่มเพาะนั้นก็น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย

ท้ายที่สุดแล้ว สัตว์ขี่ที่แปลกประหลาดซึ่งมีกีบเท้าลุกเป็นไฟ และชุดเกราะและกระบี่ภูเขาทมิฬของเขาก็ดูงดงามยิ่งกว่าสิ่งของโบราณบนโลก

อย่างไรก็ตามการต่อสู้ครั้งนี้ก็เป็นการแข่งขันแห่งเจตจํานง สัตว์ขี่และอาวุธที่ปรากฏจะไม่ส่งผลต่อผลลัพธ์อย่างแท้จริง!

หลังจากที่วีรบุรุษก่อตัวขึ้นจากวิญญาณแห่งอารยธรรม ภูเขาทมิฬก็มองไปที่เขาทันที เขาฟันกระบี่ยาวสีดําของเขาและกระตุ้นสัตว์ขี่ของเขาซึ่งกีบเท้าลุกเป็นไฟเพื่อพุ่งเข้าหาวีรบุรุษโดยไม่พูดพร่ำทําเพลง!

หวูดดดด!

วีรบุรุษบนม้าดํายังไม่ได้พุ่งออกไป แต่เขากลับหยิบคันธนูขึ้นมาและยิงลูกศรสีเงินไปทางหน้าผากของภูเขาทมิฬ

สามารถอนุมานได้จากการประกาศบทกวีว่าวีรบุรุษที่มาถึงไม่เพียงแค่เก่งกาจด้านหอก แต่ยังเก่งกาจด้านธนูด้วย!

เคร้งง!

อย่างไรก็ตามภูเขาทมิฬนั้นแข็งแกร่งมากจนสามารถกําหนดวิถีลูกศรได้อย่างแม่นยําในระหว่างการพุ่ง

เขาเพียงแค่ใช้กระบี่ของเขาเป็นโล่และปัดลูกศรออกไป

ฟิ้วววปิ้ววว!

วีรบุรุษบนหลังม้าดํายิงลูกศรของเขาออกไปอีกครั้งด้วยลูกศรสองลูกติดต่อกันไปที่ภูเขาทมิฬ ซึ่งยังคงพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูง!

บูมม!

ไม่มีใครสามารถมองเห็นสีหน้าของภูเขาทมิฬภายใต้หมวกได้ แต่มือของเขานั้นนิ่งมาก เปลวไฟสีแดงลุกโชนออกไปไกลกว่าสิบเมตรจากกระบี่ยาวที่ยาวสองเมตรและเผาขนบนลูกศรทั้งสอง

จากนั้นเขาก็หมอบร่างกายของเขาบนสัตว์ขี่เพื่อหลบลูกศรที่สูญเสียความแม่นยํา

สัตว์ร้ายที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟนั้นเคลื่อนที่เร็วมากจนทั้งสองฝ่ายนั้นอยู่ห่างกันเพียงแค่หนึ่งร้อยเมตรหลังจากการยิงลูกศรสามนัด

วีรบุรุษเขาเหลียงซานหน้าซีดเล็กน้อย เมื่อเห็นเช่นนั้น จากนั้นเขาก็ทิ้งคันธนู คว้าหอกและพุ่งเข้าหาภูเขาทมิฬ!

เคร้งงง เคร้งงง..

ชั่วพริบตาที่ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าหากันในระยะหนึ่งร้อยเมตร พวกเขาก็โจมตีกันและกันด้วยหอกกับกระบี่

เปลวไฟสีแดงที่พุ่งออกมาจากกระบี่ของภูเขาทมิฬทําให้เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน

จะเห็นได้เพียงว่าสัตว์ขี่ทั้งสองแยกออกจากกันภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีก่อนที่จะขี่ออกไปหลายสิบเมตร

จากนั้นภูเขาทมิฬก็ค่อยๆ หายไปในควันสีดําของสัตว์ร้าย!

ด้านบนของม้าดําที่อยู่อีกด้านหนึ่ง วีรบุรุษที่ถูกอัญเชิญมาตัวสั่นอย่างรุนแรง มีบาดแผลที่หน้าอกซึ่งเกือบถูกผ่าครึ่ง

แต่หลังจากที่ภูเขาทมิฬหายไป บาดแผลก็ค่อยๆ หายเป็นปกติด้วยวิญญาณแห่งอาร ยธรรมและพลังแห่งโชคชะตาของภูเขามังกรคู่

“น่าเสียดายที่แกเป็นเพียงเจตนงต่อสู้ที่เหลืออยู่ของเขา และแกสามารถโจมตีได้เพียงแค่ครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นคนที่พ่ายแพ้!”

วีรบุรุษที่มีใบหน้าเลือนลางตั้งข้อสังเกตด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเป

“ขอบคุณมาก แม่ทัพมนุษย์จากต่างโลก!”

จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ภูเขาทมิฬที่หายตัวไปในควันด้วยความขอบคุณ

วีรบุรุษต้องผ่านการทดสอบของเครื่องบูชายัญเพื่อการอัญเชิญที่ประสบความสําเร็จ เครื่องบูชายัญส่วนใหญ่มาจากมนุษย์ต่างดาว และบางส่วนก็มาจากมอนเตอร์

พวกเขาทุกคนจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านและไม่ยอมแพ้อย่างง่ายดายในระหว่างพิธีกรรม

แต่เกราะภูเขาทมิฬนั้นแตกต่าง มันถูกสร้างขึ้นโดยพื้นฐานของพลังแห่งโชคชะตาของอารยธรรมมนุษย์แห่งอื่น แม้ว่ามันจะอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป แต่ก็ยังเป็นของมนุษย์ ดังนั้นการทดสอบของเกราะทมิฬจึงไม่เข้มงวดเท่ากับของมอนเตอร์ลวงตา

ในระหว่างการทดสอบ มันทําการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง เพียงเพื่อจุดประสงค์ในการยืนยันว่ามนุษย์จากโกนั้นมีคุณสมบัติที่จะสวมเกราะนี้

ไม่อย่างนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจตจํานงต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือธรรมชาติ แม้แต่วีรบุรุษขั้นสมบูรณ์ก็อาจไม่สามารถเอาชนะได้

หลังจากที่สนามรบลวงตาหายไป วีรบุรุษคนที่หกจากเขาเหลียงซานก็ไม่เลือนลางอีกต่อไป เขาถอดหมอกออกและแสดงใบหน้ากับปานสีน้ำเงินที่ครอบครองเกือบหนึ่งในสามของใบหน้า!

[หยางจื้อ]

[ระดับ : วิสามัญอันดับ 5]

[การประเมิน : ผู้บัญชาการ]

[รายละเอียด : ฉายาอสูรหน้านิล เขาเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการกองทหารม้าในบึงเหลียง ซานและเขาเก่งกาจทั้งด้านธนูและหอก]

“น้องหยาง!”

“ผู้นําหยาง!”

หลู่จือเซินดีใจที่ได้พบกับหยางจื้อ ประชากรและทหารจํานวนมากของภูเขามังกรคู่ก็เรียกเขาเช่นกัน

นั่นเป็นเพราะหยางจื้อเป็นหนึ่งในสามผู้นําของป้อมปราการภูเขามังกรคู่ สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านเกิดของเขา

ในที่สุดเขาก็กลับมา

“จางเหิง ซุนหนิว เป่ยซาน…”

เมื่อเดินออกจากวัดแห่งโชคชะตา หยางจื้อก็ไม่ได้ดุดันเหมือนตอนที่เขาต่อสู้กับภูเขามังกรคู่ และทักทายผู้คนมากมาย

“กงซุน…”

อย่างไรก็ตามเมื่อหยางจื้อเห็นกงซุนเซิ่ง เขาก็หยุดชั่วขณะและมีสีหน้าค่อนข้างแปลก

“ฮ่าๆ ฉันลืมไปเลย”

ทันใดนั้นจีเย่ก็จําได้ว่าเหตุผลที่หยางจื้อลงเอยที่บึงเหลียงซานก็เพราะว่าสมบัติที่เขาคุ้มกันอยู่ถูกขโมย ไม่อย่างนั้นหยางจื้อจะยังคงทํางานเป็นทหารใหกับราชสํานักต่อไป

กงซุนเซิ่งเป็นหนึ่งในคนที่ปล้นเขา!

แม้ว่าพวกเขาทั้งคู่จะมีความทรงจําในอนาคตของบึงเหลียงซาน แต่สิ่งที่พวกเขาจําได้ชัดเจนที่สุดก็คือเหตุการณ์ล่าสุด

ในขณะนั้นเอง สิ่งที่หยางจื้อจําทําหลังจากเห็นกงซุนเซิ่งบนภูเขามังกรคู่คืออะไร?

“ …ที่ปรึกษา!”

หลังจากเงียบไปหลายวินาที ในที่สุดหยางจื้อก็กล่าวออกมา

การเรียกกงซุนเซิงว่าที่ปรึกษาหมายความว่าหยางจื้อได้ยกโทษให้กับเขาสําหรับการขโมย

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาทํางานร่วมกันในบึงเหลียงซานในเวลาต่อมาและต่อสู้เคียงข้างกันในสนามรบมากกว่าหนึ่งครั้ง

เป็นเพราะว่าหยางจื้อรู้ว่าสมบัติที่เขาคุ้มกันนั้นเป็นสิ่งชั่วร้าย และเป็นความผิดที่เขายอมรับภารกิจคุ้มกันพวกมัน

แน่นอนว่าเหตุผลที่สําคัญที่สุดก็คือเขาอยู่ในดินแดนแห่งมรดก และไม่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ซ่งอีกต่อไป สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นเพียงอดีต

สําหรับเหล่าวีรบุรุษ เป้าหมายร่วมกันก็คือการพัฒนาถิ่นฐานที่พวกเขามาถึงและต่อสู้เพื่อพลังแห่งโชคชะตาสําหรับมนุษย์ในดินแดนแห่งมรดก

“ผู้นําหยางมีเกราะที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่มีอาวุธ เราไม่มีหอกที่เหมาะสมในป้อมปราการ แต่เรามีดาบ ฉันสงสัยว่านายจะใช้มันได้มั้ย”

เมื่อเห็นว่าไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างหยางจื้อและกงซุนเซิ่ง จีเย่ก็รู้สึกโชคดีที่หลีกเลี่ยงปัญหาของเขาได้ เขาคิดอะไรบางอย่างและหยิบดาบยาวออกมาจากห้องของเขาให้กับหยางจื้อ

กระบี่เล่มนี้เกือบจะเหมือนกับเล่มที่ภูเขาทมิฬถืออยู่ในสนามรบ

แต่สีของพวกมันแตกต่างกันเล็กน้อย กระบี่ของภูเขาทมิฬนั้นเป็นสีแดงที่มีเปลวไฟและกระบี่ เล่มนี้เป็นสีน้ำเงินม่วงราวกับว่ามีสายฟ้า

อันที่จริง นี่คือกระบี่ที่ภูเขาทมิฬเคยใช้

ย้อนกลับไปในตอนนั้น จีเย่ได้นําอาวุธนี้ที่ไม่มีค่าสถานะสินสงครามออกมาจากสนามรบแห่งโชคชะตาโดยการใช้ “การผสาน”

มันจึงแตกต่างจากอาวุธดั้งเดิมเพราะว่าภูเขาทมิฬที่อ่อนแอในสนามรบแห่งโชคชะตา ในตอนที่ถูกโจมตีจากเขาและคาตาร์รีน่าก็ได้ทําการโจมตีครั้งสุดท้ายโดยค่าใช้จ่ายก็คือพลังระดับวิสามัญในกระบี่และทําร้ายพวกเขาทั้งสอง

หลังจากนั้นจีเย่ก็ได้ผสาน “หินแม่เหล็กไฟฟ้า” ที่หายากซึ่งเขาได้รับมาจากผู้เข้าร่วมแข่งขันศัตรูด้วยดาบที่หัก เพื่อสร้างกระบี่ภูเขาทมิฬเล่มใหม่!

[กระบี่ภูเขาทมิฬ]

[ระดับ : วิสามัญอันดับ 3]

[ขั้น : เหนือชั้น]

[รายละเอียด : นี่คืออาวุธขั้นเหนือชั้นที่สร้างมาจากกระบี่ภูเขาทมิฬและหินแม่เหล็กไฟฟ้ามันสามารถกีดกันชิ้นส่วนโลหะที่มีพลังระดับวิสามัญ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้กระบี่เล่มนี้ได้!]

“กระบี่ที่ยอดเยี่ยม!”

หลังจากรับกระบี่จากจีเย่ หยางจื้อก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งราวกับปานสีน้ำเงินบนใบหน้าของเขาเคลื่อนไหว

คนทั่วไปจะไม่สามารถควบคุมกระบี่เล่มนี้ได้

อย่างไรก็ตามเพียงแค่การต่อสู้กับภูเขาทมิฬและได้รับการอนุมันติบางส่วน หยางจื้อก็สามารถใช้งานมันได้

แม้ว่าเขาจะใช้หอกบนหลังม้าเป็นหลัก แต่เขาก็ยังเก่งกาจกว่าหากใช้กระบี่เมื่อเดินเท้า!

เขาไม่คุ้นเคยกับกระบี่ใหญ่แบบเล่มนี้ แต่บนดินแดนแห่งมรดก เราจะสามารถเชี่ยวชาญอาวุธได้อย่างรวดเร็วด้วยค่าประสบการณ์

ฉ่าา!

เมื่อหยางจื้อฟันดาบบนสนามฝึกและมันกระแทกพื้น กระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินก็พุ่งออกจากกระบี่และกระจายออกไปหลายสิบฟุต!

นั่นคือพลังแม่เหล็กระดับวิสามัญของกระบี่

ตามนิยายบ่มเพาะ มันเป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดสําหรับต้านทานโลหะ!

หลังจากทําการวิจัย ผู้อาวุโสเจี้ยวก็พบว่ากระบี่เล่มนี้สามารถปลดปล่อยพลังระดับวิสามัญที่คล้ายกับระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า อุปกรณ์โลหะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียร์ที่มีการนําไฟฟ้าสูงอาจจะทํางานผิดปกติเมื่อถูกกระบี่ฟัน

นั่นเป็นความสามารถที่ใช้งานได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมนุษย์โลหะเป็นเผ่ามนุษย์ต่างดาว เพียงเผ่าเดียวที่อยู่ใกล้กับภูเขามังกรคู่ นอกเหนือจากมอนเตอร์พงไพรที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัว

หลังจากากรสังเกตมาหลายวัน พวกเขาก็พบว่าสมาชิกของเผ่านั้นเป็นโลหะอย่างสมบูรณ์ และพวกมันก็เป็นอารยธรรมทางเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาถึงระดับหนึ่ง!

นั่นคือเหตุผลที่จีเย่มอบกระบี่เล่มนี้ให้กับหยางจื้อ

“ผู้นําหยาง ได้โปรดร่วมมือกับผู้นําอู่และเผชิญหน้ากับมนุษย์โลหะทางทิศตะวันออก!”

“ผู้นําหมู่และลุงเก้า โปรดปกป้องทิศเหนือและระวังพวกมนุษย์อินทรี!”

ผู้บัญชาการสองคนและกึ่งผู้บัญชาการหนึ่งคนมาถึงหลังจากพิธีกรรมต้อนรับ ดังนั้นป้อมปราการภูเขามังกรคู่จึงสามารถทําการโจมตีได้อีกครั้งในไม่ช้า

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น พวกเขาต้องจํากัดมอนเตอร์พงไพรให้หมดไปก่อน

“กงซุนเซิ่ง ฉันจะขอให้นายและผู้นําหลิงไปอาณาเขตของมอนเตอร์พงไพรกันฉัน”

มอนเตอร์พงไพรสามารถปีนขึ้นต้นไม้สูงร้อยเมตรได้ซึ่งทําให้การโจมตีปกติไม่สามารถไปถึง พวกมันได้แต่ในตอนนี้แตกต่างจากป้อมปราการภูเขามังกรคู่ที่มี “มังกรดั้นเมฆ?!”

Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน

Link: https://www.facebook.com/translatemoth

Earth’s Best Gamer

Earth’s Best Gamer

Status: Ongoing

เวทมนตร์ เรื่องเหนือจินตนาการ การบ่มเพาะ เทคโนโลยี…

เครื่องจักร สิ่งมีชีวิตทางชีวภาพ พลังงาน วิญญาณ…

อารยธรรมและสายพันธุ์ที่แตกต่างกันได้เข้าสู่โลกที่มีกฏเหมือนกับเกม ในฐานะหนึ่งในหนึ่งล้านคนแรกจากโลกที่เข้ามาในโลกนี้ จีเย่ผู้ซึ่งทำงานสตรีมวิดีโอแนวเอาชีวิตรอดของเขาก็ได้รับสกิลมรดกการผสาน เขาจึงมาพร้อมกับชุดค่าการผสานมากมาย!

ชิปเอไอ + รถถัง = ทรานส์ฟอร์เมอร์ส!

T-X + คัมภีร์จักรพรรดิปีศาจบรรพกาล + ศิลปะปีศาจครอบงำจิตวิญญาณ = ปีศาจอมตะสีเงิน!

ยีนหินศักดิ์สิทธิ์ + ลูกท้อหมื่นปี + โอสถทองคำเก้าแปรผัน + ลิงจิตวิญญาณสัตว์เลี้ยง = ?

เทพเจ้าแห่งการลงทุน = แสงสว่างแห่งอนาคตของมนุษย์ + พลังแห่งความศรัทธา + สินสงความเป็นเทพเจ้า + ? + ?

ถุงมืออินฟินิตี้ = ? + ? +? + ? + ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท