เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1034

ตอนที่ 1034

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1034 ภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น

แปลโดย iPAT

ภาคใต้ ภูเขาโคลนเน่าเปื่อย

มันเป็นเวลาเที่ยงวันที่อากาศแจ่มใส

กลางป่าบนภูเขาโคลนเน่าเปื่อย เด็กหนุ่มกำลังต่อสู้กับหมีตัวโต

บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

มันเป็นหมีสีน้ำตาลสูงสามเมตร ปากของมันเผยให้เห็นคมเขี้ยวอันแหลมคมขณะที่ดวงตาสีแดงจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยความโหดเหี้ยม

เด็กหนุ่มที่กำลังเผชิญหน้ากับหมีสีน้ำตาลตัวนี้มีอายุเพียงสิบห้าหรือสิบหกปี

เขาดูตัวเล็กและอ่อนแอมากเมื่อเปรียบเทียบกับหมี

อย่างไรก็ตามดวงตาของเขากลับไม่ปรากฏความหวาดกลัวใดๆ

“โฮก…”

หมีสีน้ำตาลอ้าปากคำรามและพุ่งเข้าโจมตีเด็กหนุ่ม

แม้ร่างกายของมันจะใหญ่โตและหนักหน่วง แต่มันเป็นนักล่าที่รู้วิธีระเบิดพลัง

ความเร็วของมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน

การแสดงออกของเด็กหนุ่มเปลี่ยนแปลงไป เขากระตุ้นใช้วิญญาณในช่วงเวลาสำคัญ

ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณ เขาสามารถสร้างระยะห่างออกไปเล็กน้อย

หมีสีน้ำตาลพลาดเป้าและพุ่งชนต้นไม้อย่างรุนแรง

ต้นไม้ถูกโค่นลงทันทีด้วยพลังทำลายล้างของหมีสีน้ำตาล

ฝูงนกบินแตกรังและหลบหนีกระจัดกระจายออกไปด้วยความตื่นตระหนก

เด็กหนุ่มสูดหายใจลึก ‘โชคดีที่ข้าหลบได้ทันเวลา หากข้าถูกโจมตี แม้ข้าจะมีวิญญาณสายป้องกัน แต่ข้าอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งเดียว’

หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย เด็กหนุ่มยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้น

เขาตะโกนด้วยดวงตาที่ส่องประกาย “หมีโง่! รับปราณดาบของข้า!”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค นิ้วชี้กับนิ้วกลางของเขาก็สะบัดตัวออกไปข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว

ในเสี้ยวพริบตาต่อมา

“ฟิ้ว…”

ปราณดาบสีขาวพุ่งออกจากนิ้วของเด็กหนุ่ม

มันบินผ่านอากาศก่อนจะปะทะแผ่นหลังของหมีสีน้ำตาล

แต่วิญญาณป่าในร่างของหมีสีน้ำตาลยังปกป้องมันเอาไว้

ปราณดาบปะทะแผ่นหลังที่แข็งราวกับเหล็กกล้าทำให้มันแตกสลายไป

ร่างกายใหญ่โตของหมีสีน้ำตาลไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

มันหันหน้ากลับมาทางเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มตกตะลึง

“หมีตัวนี้มีวิญญาณสายป้องกัน! เช่นนี้ปราณดาบของข้าจะทำร้ายมันได้อย่างไร? ท่านปู่จงใจวางวิญญาณป่าไว้ในร่างของหมีตัวนี้ใช่หรือไม่?” เด็กหนุ่มตะโกน

“ฮ่าฮ่าฮ่า หลานชายของข้า ข้าเดินทางมากว่าสิบลี้เพื่อตามหาหมีสีน้ำตาลตัวนี้ มันเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีของเจ้า” เสียงดังลงมาจากต้นไม้

ปรากฏว่าปู่ของเด็กหนุ่มนั่งมองการต่อสู้อยู่บนยอดไม้

การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเด็กหนุ่มคือวิญญาณปราณดาบ

แต่มันมีผลกับหมีสีน้ำตาลน้อยมาก ปราณดาบแต่ละเล่มของเด็กหนุ่มสามารถตัดขนของหมีตัวนี้ออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหลบไปรอบๆ

หมีสีน้ำตาลโจมตีอย่างดุเดือด แต่สติปัญญาของมันไม่สูงนัก

แม้เด็กหนุ่มจะไม่สามารถเอาชนะ แต่เขาก็สามารถหลบเลี่ยงและทำให้หมีสีน้ำตาลพุ่งชนต้นไม้อย่างต่อเนื่อง

เห็นสภาพที่น่าอนาถของเด็กหนุ่ม ชายชราหัวเราะ “เด็กโง่ ตอนนี้เจ้ารู้จุดอ่อนของวิญญาณปราณดาบแล้วหรือยัง? มันโจมตีด้วยการเจาะทะลวง หากฝ่ายตรงข้ามสามารถป้องกัน เจ้าจะสูญเสียพลังวิญญาณไปโดยเปล่าประโยชน์ เอาล่ะ รับวิญญาณดวงนี้ไป”

หลังกล่าวจบคำ ชายชราโยนวิญญาณดวงหนึ่งให้กับเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มพยายามรับวิญญาณดวงนั้นกระทั่งเกือบล้มลงและถูกโจมตีโดยหมีสีน้ำตาล

หลังจากสร้างระยะห่างออกมา เขาจึงสามารถยืนอย่างมั่นคงอีกครั้ง

“นี่คือวิญญาณบ่อโคลน!”

เด็กหนุ่มจำวิญญาณดวงนี้ได้

มันไม่ใช่วิญญาณของเขาแต่ปู่ของเขาให้เขายืม

หลังจากส่งพลังวิญญาณให้กับวิญญาณบ่อโคลน มันจึงส่องประกายขึ้น

เด็กหนุ่มสะบัดมือส่งลำแสงพุ่งออกไปใต้เท้าหมีสีน้ำตาล

“ปุด ปุด ปุด…”

ฟองอากาศจำนวนมากผุดขึ้นมาและทำให้พื้นกลายเป็นบ่อโคลนเล็กๆ

สองเท้าของหมีสีน้ำตาลจมลงไปทันที

มันพยายามหลบหนีออกจากบ่อโคลน นั่นทำให้เศษโคลนกระเด็นเข้าปะทะใบหน้าและร่างกายของเด็กหนุ่มแต่เขาไม่สนและกระตุ้นใช้วิญญาณบ่อโคลนอีกครั้ง

บ่อโคลนขยายวงกว้างและลึกขึ้น

หมีสีน้ำตาลที่กำลังจะหลุดจากบ่อโคลนกลับถูกกักขังเอาไว้อีกหน

ยิ่งมันดิ้นรนเท่าใด มันก็ยิ่งจมลึกลงไปเท่านั้น

สุดท้ายจึงเหลือเพียงศีรษะของหมีสีน้ำตาลที่โผล่ขึ้นมาจากบ่อโคลน มันคำรามด้วยความโกรธและไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้

“ในที่สุดข้าก็ชนะ” เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดขาว พลังวิญญาณของเขาถูกใช้ไปจนเกือบหมด

ด้วยเสียงอันแผ่วเบา ปู่ของเด็กหนุ่มกระโดดลงมาจากต้นไม้และลอยลงบนพื้นด้านหน้าเด็กหนุ่มอย่างช้าๆ

“เด็กโง่ ตอนนี้เข้ารู้ข้อดีของวิญญาณบ่อโคลนแล้วหรือยัง? ปราศจากวิญญาณดวงนี้ เจ้าจะเอาชนะหมีตัวนี้ได้อย่างไร?” ชายชรากล่าว

เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ท่านปู่ ท่านจงใจทำเรื่องนี้เพราะต้องการให้ข้ายอมแพ้ต่อเส้นทางแห่งดาบและฝึกฝนเส้นทางแห่งปฐพีของตระกูลหนี่ถูกต้องหรือไม่?”

ปู่ยกนิ้วโป้งขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก “เด็กบ้า เจ้าเป็นคนฉลาด หากเจ้าใช้สติปัญญาในการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี มันจะยอดเยี่ยมมาก”

เด็กหนุ่มกล่าวต่อ “แต่ข้าชอบปราณดาบ มันดูดีมากเมื่อข้าปลดปล่อยปราณดาบออกไป เส้นทางแห่งปฐพีน่าขยะแขยง ดูสภาพข้าตอนนี้ ร่างกายของข้าเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน มันดูแย่มาก”

ได้ยินเช่นนี้ช่วยไม่ได้ที่ปู่จะต้องการเปิดปากอบรมต่อไป

แต่ในจังหวะนี้เสียงระฆังสัญญาณกลับดังขึ้น

ทั้งสองสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนี้

เด็กหนุ่มกระโดดลุกขึ้นจากพื้นและมองลงที่ตีนเขา “เสียงสัญญาเตือนภัยของตระกูลงั้นหรือ?”

“ไป!” ปู่คว้าร่างเด็กหนุ่มและวิ่งลงจากภูเขาไปอย่างรวดเร็ว

เด็กหนุ่มตกใจมาก ‘นี่คือพลังอำนาจของผู้ใช้วิญญาณระดับห้างั้นหรือ? ช่างรวดเร็วนัก!’

หลังจากไม่กี่สิบลมหายใจ ชายชราก็วางร่างเด็กหนุ่มลง

เด็กหนุ่มรู้สึกเวียนศีรษะและเกือบอาเจียนออกมา

“ท่านผู้นำ”

“คารวะท่านผู้นำ”

เสียงทักทายจากกลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลดังขึ้น

เด็กหนุ่มลุกขึ้นอย่างยากลำบากก่อนจะตระหนักว่าเขาอยู่ที่กำแพงหมู่บ้านตระกูลหนี่

ปู่ของเขาคือหนี่คุน ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลหนี่และเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า

หนี่คุนขมวดคิ้วถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ท่านผู้นำ มีเหตุด่วน เชิญดู”

ผู้อาวุโสของตระกูลกระตุ้นการทำงานของค่ายกลวิญญาณสายตรวจสอบและส่งข้อมูลให้กับหนี่คุน

หนี่คุนมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยลี่อย่างชัดเจน

ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความสับสน “ฝูงสัตว์อสูร! แปลกมาก เราพึ่งกวาดล้างฝูงสัตว์อสูรไปเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกมันไม่ควรรวมตัวกันได้รวดเร็วเช่นนี้”

“ถูกต้อง เราก็คิดว่ามันแปลก”

“ความผิดปกตินี้ต้องมีเบื้องหลัง”

“อย่างไรก็ตามเราต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเป็นอันดับแรก แต่คำถามก็คือพวกเราสามารถปกป้องหมู่บ้านจากคลื่นสัตว์อสูรครั้งนี้ได้หรือไม่?”

การแสดงออกของหนี่คุนกลายเป็นมืดครึ้ม

อันตรายพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันขณะที่พวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัว

หลานชายของหนี่คุนจ้องมองด้วยความงุนงง ก่อนหน้านี้มันยังเป็นวันเวลาที่สงบสุข แต่ตอนนี้หมู่บ้านกลับกำลังจะถูกทำลาย

“คลื่นสัตว์อสูรครั้งนี้รุนแรงเกินไป เราไม่พบการโจมตีระดับนี้มานับสิบปีแล้ว ตระกูลหนี่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์แห่งชีวิตและความตาย ใช้การป้องกันทั้งสามชั้นของเรา ผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสสามเร่งนำกลุ่มผู้อาวุโสไปกระตุ้นการทำงานของค่ายกลวิญญาณเพลิงสวรรค์! ผู้อาวุโสหก ดูแลห้องโถงพยาบาล ผู้อาวุโสเจ็ด ตรวจสอบค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ หากไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ส่งเด็กๆของเราออกไป!” หนี่คุนออกคำสั่ง

ผู้อาวุโสทุกคนตระหนักถึงสถานการณ์และเร่งเคลื่อนไหวทันที

ฝูงสัตว์อสูรพุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

เด็กหนุ่มหนี่เจี้ยนที่อยู่บนกำแพงหมู่บ้านเห็นสิ่งนี้และรู้สึกหวาดกลัวกระทั่งใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว

เขาไม่เคยเห็นฝูงสัตว์อสูรที่ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน

โดยปกติคลื่นสัตว์อสูรมักจะเป็นสัตว์อสูรสายพันธุ์เดียวแต่ครั้งนี้มันกลับเป็นฝูงสัตว์อสูรหลากหลายสายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นหมาป่า เสือ วัว จิ้งจอก อสรพิษ และอื่นๆ ปะปนกันอยู่

“แปลก เหตุใดสัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ต่อสู้กันเองแต่สามารถรวมกลุ่มและโจมตีหมู่บ้านของเรา?” หนี่คุนพึมพำ

ในเวลาต่อมาร่างกายของหนี่คุนก็สั่นสะท้านขึ้นขณะที่ผู้ใช้วิญญาณตระกูลหนี่จ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ฝูงสัตว์อสูรหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน

พวกมันอยู่ห่างจากกำแพงหมู่บ้านประมาณหนึ่งหมื่นก้าว

นี่ทำให้ผู้ใช้วิญญาณตระกูลหนี่มองหน้ากันด้วยความงุนงงและหวาดกลัว

เสือภูเขาที่มีร่างกายใหญ่โตตัวหนึ่งเดินออกมาด้านหน้า

ฟางหยวนเอนกายอยู่บนแผ่นหลังของมันด้วยดวงตาครึ่งเปิดครึ่งปิดขณะจ้องมองไปยังหมู่บ้านตระกูลหนี่

เมื่อเห็นการปรากฏตัวของฟางหยวน ผู้ใช้วิญญาณตระกูลหนี่ยิ่งตกใจมากขึ้น

ดวงตาของหนี่เจี้ยนเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าคลื่นสัตว์อสูรครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติแต่เป็นภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้น!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท