เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1060

ตอนที่ 1060

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1060 ตรวจสอบโชค

แปลโดย iPAT

แม่น้ำหม้อหลอมรวมเหมือนเข็มขัดสีเขียวที่ทอดตัวยาวอยู่ทางทิศตะวันออกของภาคกลาง

อิงอู๋เซี่ยยืนอยู่ริมแม่น้ำ เขากำลังรอฟงฉานซื่อ

ในขณะเดียวกันไห่ลั่วหลัน ซื่อหนิว และไท่เป่ยหยุนเฉิงก็ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับอิงอู๋เซี่ย

น้ำไหลอย่างเอื่อยเฉื่อย แมลงปอสองตัวบินลงมายังกอหญ้าที่อยู่ใกล้ๆ

มันเป็นกอหญ้าที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำเรียกว่าหญ้าหม้อหลอมรวม

ปลายก้านใบของมันมีผลสีน้ำตาล

ผลไม้ชนิดนี้มีขนาดเท่ากำปั้น มันมีช่องว่างเปิดออกเล็กน้อยขณะที่ด้านในว่างเปล่า

เมื่อแมลงปอบินตามกลิ่นผลไม้เข้าไปภายใน พวกมันจะไม่สามารถกลับออกมา

อิงอู๋เซี่ยเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ

เขารู้ว่าอีกไม่กี่เดือนผลไม้จะเติบโตขึ้นและจะดึงดูดแมลงรวมถึงปลาและกุ้งได้มากขึ้น เมื่อมันเติบโตเต็มที่ ผลของมันจะปิดตัวลงทำให้มันดูเหมือนหม้อสีน้ำตาล

เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก ผลไม้เหล่านี้จะถูกพัดพาไปตามกระแสน้ำ

ผู้ใช้วิญญาณจะเก็บเกี่ยวผลไม้ทั้งหมด

หลังจากทุบทำลายหม้อใบนี้ พวกเขาอาจได้รับวิญญาณบางดวงที่ถือกำเนิดขึ้นภายใน

วิญญาณเหล่านี้สามารถปรับแต่งได้อย่างง่ายดาย

นิกายเมฆาวายุเป็นหนึ่งในสิบนิกายโบราณที่รับผิดชอบแม่น้ำสายนี้ ในช่วงเวลานี้ของทุกปีพวกเขาจะจัดงานเทศกาลรอบแม่น้ำหม้อหลอมรวม ผู้ใช้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนจะเดินทางมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมเทศกาลนี้

ขณะที่อิงอู๋เซี่ยมองหญ้าหม้อหลอมรวม จิตใจของเขาล่องลอยไปอื่น

เพื่อให้ได้รับแสงแรกกำเนิด เขารออยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว

ภายนอกเขาดูสงบนิ่งแต่ภายในกลับปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ

‘ข้ามีวิญญาณกาลเวลา แต่ตอนนี้มันถูกปิดผนึกและไม่สามารถใช้งาน ก่อนที่ข้าจะปรับแต่งมัน ข้าจะถูกจับตามองโดยเจตจำนงสวรรค์ นอกจากนั้นเจตจำนงสวรรค์ยังส่งอิทธิพลต่ออารมณ์ของข้าอย่างลับๆ มันสามารถวางแผนให้ผู้อื่นโจมตีข้า ข้าไม่ควรปล่อยให้เจตจำนงสวรรค์มีเวลาเตรียมตัว ข้าไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้เป็นเวลานาน หากฟงฉานซื่อไม่ปรากฏตัวอีก ข้าต้องยอมแพ้เรื่องนี้’ อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจ

เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างสีเขียวบินเข้ามาหาอิงอู๋เซี่ย

“มันคือหุ่นเชิดพฤกษา!”

“ระวังตัว อาจเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด!”

สมาชิกนิกายเงาลอบถ่ายทอดเสียงถึงกันอย่างลับๆ

หุ่นเชิดพฤกษาแสดงออกด้วยความเย่อหยิ่ง “แสงแรกกำเนิดมีอยู่ที่นี่ แต่นายท่านบอกว่าราคาก่อนหน้านี้ยังไม่เพียงพอ เจ้าต้องจ่ายเพิ่มอีกสามสิบส่วน”

“อันใด? สามสิบส่วน?”

“นี่เป็นการกรรโชกทรัพย์ชัดๆ ฟงฉานซื่อช่างกล้าหาญนัก!”

“ราคาสูงมาก เพิ่มอีกสามสิบส่วน มันแพงเกินไป!”

ซื่อหนิวและไท่เป่ยหยุนเฉิงแสดงความคิดเห็น

อิงอู๋เซี่ยโกรธมากเช่นกันแต่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องการแสงแรกกำเนิดเพื่อหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ แสงแรกกำเนิดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด

หลังจากเงียบอยู่ชั่วขณะ อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “ข้าตกลง”

อิงอู๋เซี่ยเตรียมตัวมาแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงสามารถทำธุรกรรมกันอย่างรวดเร็ว

หุ่นเชิดพฤกษานับเงินก่อนจะแสดงออกด้วยท่าทางพึงพอใจ

อิงอู๋เซี่ยประสบความสูญเสียครั้งใหญ่แต่ในที่สุดเขาก็ได้รับแสงแรกกำเนิด โดยรวมแล้วเขาค่อนข้างพอใจกับเรื่องนี้

เขาเผยรอยยิ้ม “มันเป็นธุรกรรมที่น่าพอใจ เราควรแลกเปลี่ยนกันอีกในอนาคต”

หุ่นเชิดพฤกษาตอบ “หือ อีกงั้นหรือ? นั่นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนายท่านของข้า แท้จริงแล้วก่อนหน้านี้นายท่านไม่ต้องการแลกเปลี่ยน แต่ท่านแพ้พนันให้กับหลางจื้อชิวและต้องการชดเชยความสูญเสีย หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้นายท่านย่อมไม่ขายแสงแรกกำเนิดให้กับเจ้าอย่างแน่นอน!”

“ข้าเข้าใจ ที่นี่มีสมบัติมากมาย แสงแรกกำเนิดไม่ถือเป็นสิ่งใด แม้มันจะหายไปก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น” อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างสุภาพ

“เอาล่ะ เสร็จธุระแล้วก็รีบไป อย่าอยู่ที่นี่นานนัก” หุ่นเชิดพฤกษาตัดบทและจากไป

แม้จะไม่มีการแจ้งเตือน อิงอู๋เซี่ยก็ต้องการจากไปอย่างรวดเร็วที่สุดอยู่แล้ว

หลังจากบินมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยลงไปในป่าไร้นามเพื่อพักผ่อน

“ตอนนี้แม้เราจะได้รับแสงแรกกำเนิด แต่ราคาของมันก็สูงเกินไป เรายังต้องหาทรัพยากรอื่นอีก”

“โชคดีที่ได้แสงแรกกำเนิดมากล้ว เรื่องอื่นสามารถแก้ไข” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าว

“สิ่งสำคัญก็คือแสงแรกกำเนิดที่มีสามารถหลอมรวมวิญญาณได้กี่ครั้ง?” ไห่ลั่วหลันถามเข้าประเด็นสำคัญ

เมื่อผู้อมตะต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะ ทรัพยากรเพียงชุดเดียวยังไม่เพียงพอ

ปราศจากวิธีการหลอมรวมของมนุษย์ขน วิธีการหลอมรวมของมนุษย์มีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยกว่าหนึ่งส่วนร้อย

ในทางทฤษฎี อิงอู๋เซี่ยควรเตรียมทรัพยากรหนึ่งร้อยชุด

แต่ในทางปฏิบัติ มันยิ่งโหดร้ายมากกว่า

โอกาสประสบความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณทรัพยากรเท่านั้น แม้จะมีทรัพยากรมากกว่าร้อยชุด พวกเขาก็อาจไม่ประสบความสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว

“แสงแรกกำเนิดที่มีสามารถหลอมรวมได้เก้าครั้ง” อิงอู๋เซี่ยตอบ

เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะอย่างลับๆ

มันคือวิญญาณอมตะตรวจสอบโชคระดับหก

เดิมทีวิญญาณอมตะดวงนี้เป็นของฉินไป่เฉิง แต่ซื่อหนิวได้รับมันมาก่อนหน้านี้

หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน นิกายเงาล่มสลาย สุดท้ายวิญญาณอมตะตรวจสอบโชคจึงย้ายมาอยู่กับอิงอู๋เซี่ย

นี่คือวิญญาณที่สามารถตรวจสอบโชคของผู้คน

ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยส่องประกายขึ้นขณะที่เขามองขึ้นไปด้านบน

เขาเห็นเสาแสงขนาดใหญ่

อิงอู๋เซี่ยตกใจ ‘หือ เหตุใดโชคของข้าจึงดีนัก?”

เขาตรวจสอบโชคของตนเองมาก่อนหน้านี้แต่มันแย่มาก อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

‘อย่าบอกข้าว่า…’ ความคิดหนึ่งพุ่งผ่านจิตใจของอิงอู๋เซี่ย

เขานึกถึงฟางหยวน

‘นิกายเงาบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและได้รับส่วนหนึ่งของคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวม พวกเรากระทั่งทำลายวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขไปโดยบังเอิญ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเตรียมหลอมรวมมันขึ้นมาอีกครั้งและพึ่งประสบความสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้ บางทีวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขอาจถูกยืมไปโดยฟางหยวน’

อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่าสิ่งนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้รับแจ้งจากสายลับที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาว่าภัยพิบัติของฟางหยวนมาถึงแล้ว

‘ต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน!’

‘เดิมทีฟางหยวนเชื่อมโยงโชคของเขากับหลายคน โชคของพวกเขาจะถูกแบ่งปันอย่างเท่าเทียม หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ร่างกายของข้าเป็นของฟางหยวน ขณะที่เขายังใช้ดวงวิญญาณเดิม’

‘เมื่อเขาใช้วิญญาณอมตะโชคอึสุนัขเพื่อปรับปรุงโชคของตนเอง โชคดีของเขาจึงไหลไปหาเย่ฟาน ฮันหลี่ หงอี้ ไห่ลั่วหลัน รวมถึงร่างกายของข้าก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน’

‘ไม่แปลกใจเลยที่ข้าประสบความสำเร็จในการแลกเปลี่ยนแสงแรกกำเนิด’

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยจึงตระหนักถึงคุณค่าอันยิ่งใหญ่ของฟางหยวน

‘มิติช่องว่างของเขาต้องผ่านภัยพิบัติทุกสองเดือน เขาต้องใช้วิญญาณอมตะโชคอึสุนัขอย่างต่อเนื่องเพื่อลดพลังอำนาจของภัยพิบัติ ด้วยวิธีนี้ข้าจะได้รับประโยชน์จากมัน! ข้าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปที่ภาคเหนือเพื่อยืมโชคจากถ้ำสวรรค์นิรันดร!’

‘แม้เขาจะรู้ตัวว่าสิ่งนี้จะทำให้ศัตรูแข็งแกร่งขึ้น แต่เขาไม่มีทางเลือกเพราะภัยพิบัติจากมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องทำทุกสิ่งเพื่อความอยู่รอด อย่างไรก็ตามเขาเลือกรับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ มันเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เจตจำนงสวรรค์จะทำให้ภัยพิบัติรุนแรงขึ้นแต่ที่แดนน้ำแข็ง เขาจะได้รับความหมายที่แท้จริงส่วนหนึ่งจากเทพปีศาจคลั่ง ฮืม ข้าหวังว่าเจ้าจะรอดชีวิตจากสิ่งนี้ แล้วข้าจะนำร่างกายของเจ้ากลับมาในวันหนึ่ง!’

หลังจากพักผ่อนอยู่ในป่าไร้นามระยะหนึ่ง อิงอู๋เซี่ยกับคนอื่นๆก็ออกเดินทางอีกครั้ง

อิงอู๋เซี่ยเคลื่อนไหวเร็วมากเพราะเขาถูกกดดันโดยกรอบเวลา

ไม่เพียงร่างหลักของเขาจะติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน เขายังต้องอาศัยโชคดีในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ

ภาคเหนือ แดนน้ำแข็ง

“ท่านอาจารย์ เราต้องอยู่ที่นี่นานเท่าใด?” ผู้อมตะใหม่บนเส้นทางความแข็งแกร่งถาม

ชูตู๋มองแดนน้ำแข็งตรงหน้าและถอนหายใจ

เขาไม่ตอบศิษย์แต่ลอบเสียใจอยู่ภายใน

‘ก่อนหน้านี้ข้ารีบร้อนเกินไป เหตุใดข้าจึงโจมตีเขาโดยไม่คิดให้รอบคอบ?’

‘เมื่อเขารู้วิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา มันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะได้รับวิธีการนี้ไม่ว่ามันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะหรือคฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ตาม’

‘แม้ข้าจะฆ่าเขา แต่ข้าก็ต้องป้องกันไม่ให้เขาระเบิดวิญญาณของตนเอง มิฉะนั้นทุกอย่างจะกลายเป็นความว่างเปล่าและทำให้ข้าสูญเสียโอกาสอันยิ่งใหญ่’

‘ข้าต้องรอบคอบกว่านี้ อย่างน้อยข้าก็ควรสุภาพก่อนจะใช้กำลัง!’

‘ตอนนี้เขาซ่อมแซมมิติช่องว่างเรียบร้อยแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ข้าจะเจาะทะลวงเข้าไป’

‘มันยังไม่สายเกินไปที่จะกอบกู้สถานการณ์ บางทีข้าอาจสามารถพูดคุยกับเขา สิ่งสำคัญก็คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของเขาอยู่กับข้า ข้าสามารถใช้มันในการต่อรอง!’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท