เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1059

ตอนที่ 1059

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1059 อึสุนัขแบ่งโชค

แปลโดย iPAT

ทะเลทรายตะวันตก

“ฆ่าพวกเขา สมบัติทั้งหมดต้องเป็นของพวกเรา!”

“ปล้น!”

“ป้องกัน หากสินค้าสูญหาย ตระกูลจะไม่ปล่อยพวกเราไป!”

เสียงการต่อสู้ดังขึ้นรอบๆเนินทราย กลุ่มโจรและสมาชิกขบวนสินค้ากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

โจรกลุ่มนี้เป็นกองโจรทะเลทรายที่ดุร้ายและค่อนข้างแข็งแกร่ง

ด้านขบวนสินค้า มีมนุษย์ไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์วิหค

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหคบางส่วนปกป้องสินค้าอยู่บนพื้นขณะที่บางส่วนบินอยู่บนท้องฟ้าและต่อสู้กับกลุ่มโจร

คลื่นเพลิงทำให้อุณหภูมิของทะเลทรายยิ่งร้อนแรงมากขึ้น บางครั้งดาบสายลมก็ถูกส่งออกมาและตัดร่างกายของผู้คนที่อยู่ตรงหน้าทำให้เกิดฉากนองเลือด

ผู้ใช้วิญญาณส่วนใหญ่ของทะเลทรายตะวันตกมักบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟหรือเส้นทางแห่งวายุ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะใช้การโจมตีบนเส้นทางทั้งสองสาย

หลังจากชั่วระยะเวลาหนึ่งฝ่ายกองโจรสามารถชิงความได้เปรียบ พวกเขาพบกับความสูญเสียเพียงเล็กน้อยขณะที่สมาชิกของขบวนสินค้าได้รับบาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก

ฮันหลี่นอนอยู่บนกองสินค้าด้วยใบหน้าที่ไหม้เกรียมและร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยเลือด

‘บัดซบ! วันนี้เป็นวันตายของข้างั้นหรือ?’ ฮันหลี่รู้สึกสิ้นหวัง

ชีวิตของเขาเริ่มต้นด้วยความยากลำบากก่อนจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณโดยบังเอิญ เขาถูกไล่ออกจากหมู่บ้านและกลายเป็นคนเร่ร่อน

เพื่อความอยู่รอด เขาต้องเข้าร่วมกับขบวนสินค้าแต่เขาไม่เคยคิดว่าขบวนสินค้าขบวนนี้จะตกเป็นเป้าหมายของกองโจรที่แข็งแกร่ง

“วิ่ง!”

“ขบวนสินค้าขบวนนี้จบสิ้นแล้วแต่ข้าจะไม่ตายไปพร้อมกับพวกเขา!”

“คนฉลาดต้องหนีไปกับข้า มนุษย์วิหคกลุ่มนี้จบสิ้นแล้ว แม้พวกเขาจะรอดชีวิต แต่พวกเขาก็จะถูกประหารโดยตระกูล!”

สมาชิกบางส่วนของขบวนสินค้าเริ่มหลบหนี

พวกเขาล้วนเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ที่ถูกว่าจ้างมาเป็นผู้รักษาความปลอดภัย

“เจ้าพวกนี้!”

“อย่าสนใจพวกเขา แม้ต้องตาย พวกเราก็จะต่อสู้จนถึงที่สุด!”

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหคกัดฟันกล่าวด้วยความโกรธ

‘เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?’ ฮันหลี่รู้สึกงุนงง เขายังเด็กและขาดประสบการณ์ เขาไม่สามารถตอบสนองต่อความจริงที่เกิดขึ้น

“เหตุใดเจ้าไม่หนีไป?” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหคผู้หนึ่งเดินเข้ามาหาฮันหลี่

ฮันหลี่อ้าปากค้าง เขาไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร เขารู้จักผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหคผู้นี้เพราะนี่ก็คือผู้นำขบวนสินค้า

“แม้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าจะต่ำ แต่ในบางแง่มุม เจ้าก็ยังเหนือกว่ามนุษย์ที่หลบหนีการต่อสู้เหล่านั้น!” ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคถอนหายใจก่อนจะตบไหล่ฮันหลี่พร้อมกับแสงที่ส่องประกายขึ้น

‘โอ้ น่าทึ่ง! นี่คือความสามารถของผู้ใช้วิญญาณระดับสี่งั้นหรือ?’ ฮันหลี่ตกใจเมื่ออาการบาดเจ็บของเขาได้รับการรักษา เขาต้องการขอบคุณแต่ผู้นำขบวนสินค้ากลับพุ่งเข้าสู่สนามรบเรียบร้อยแล้ว

แนวหน้าอยู่ในสถานการณ์คับขัน ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคจึงต้องเข้าร่วมการต่อสู้

เมื่อผู้ใช้วิญญาณระดับสี่โจมตี ฝ่ายกองโจรเริ่มพบกับความสูญเสีย

กลุ่มโจรมีผู้ใช้วิญญาณระดับสี่เช่นกัน แต่ตอนนี้พวกเขานั่งมองอยู่ด้านหลังด้วยรอยยิ้มเย็นชา

ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคควบคุมสนามรบได้อย่างรวดเร็ว เขาสังหารศัตรูจำนวนมากขณะที่ฮันหลี่เฝ้าดูด้วยความกระตือรือร้น

แต่ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคกลับไม่มีความสุข

เขารู้ว่านี่เป็นกลยุทธ์ลดพลังวิญญาณของศัตรู เมื่อผู้เชี่ยวชาญตัวจริงของฝ่ายกองโจรปรากฏตัว เขาจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ฟิ้ว…”

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงลมดังมาจากระยะไกล

มันราวกับเสียงโหยหวนของสัตว์ป่า

ทุกคนมองไปยังต้นกำเนิดเสียงและตะโกน “โอ้ ไม่ มันคือพายุหมุนไหมทอง!”

พายุหมุนในทะเลทรายตะวันออกมีหลายประเภท ตัวอย่างเช่น พายุหมุนไหมทอง พายุหมุนไหมเงิน พายุหมุนไหมทองแดง และอื่นๆ พายุหมุนไหมทองคือพายุหมุนที่ทรงพลังที่สุด กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ก็ยังไม่สามารถรักษาชีวิตหากติดอยู่ภายใน

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของมนุษย์วิหคหรือฝ่ายกองโจร พวกเขาต่างตื่นตกใจ

ฝ่ายกองโจรพุ่งเข้าหาขบวนสินค้าและต้องการนำสินค้าไปก่อนที่พายุหมุนไหมทองจะมาถึง

สำหรับมนุษย์วิหค พวกเขาสามารถบินได้ตามธรรมชาติ สถานการณ์ของพวกเขาจึงค่อนข้างดีกว่า

การต่อสู้บรรลุถึงจุดสำคัญ

ทุกวินาทีมีผู้เสียชีวิต

ฮันหลี่ซ่อนตัวอยู่ระหว่างขบวนสินค้าและซุ่มโจมตีฝ่ายตรงข้าม

การบ่มเพาะของเขาค่อนข้างต่ำและไม่ใช่เป้าหมายสำคัญ กลุ่มโจรไม่คิดว่าเขาเป็นภัยคุกคาม

กลุ่มโจรไม่ต้องการสร้างความเสียหายให้กับสินค้า ดังนั้นฮันหลี่ที่ซ่อนตัวอยู่จึงค่อนข้างปลอดภัย

สายลมพัดมากระทบร่างกายของฮันหลี่และทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด

“ถอย!” แม้จะไม่เต็มใจ แต่ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลบหนี

ฝ่ายกองโจรตัดสินใจล่าถอยเช่นกัน

“เร็ว! ย้ายสินค้า!” ผู้นำขบวนสินค้าเผ่ามนุษย์วิหคได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขายังให้ความสำคัญกับสินต้า

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์วิหครีบร้อนเคลื่อนย้ายสินค้าโดยไม่มีผู้ใดสนใจฮันหลี่

ฮันหลี่ถูกดูดเข้าไปในพายุหมุนไหมทองพร้อมกับมนุษย์วิหคและสินค้าจำนวนมาก

เขาหมุนไปรอบๆก่อนจะชนกับหินหรือสินค้าบางอย่างและเป็นลมไปทันที

หลังจากไม่นานเขาค่อยๆตื่นขึ้น

“เด็กน้อย ในที่สุดเจ้าก็ตื่น” ชายชราผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างกล่าวอย่างแผ่วเบา

“ท่านคือผู้ใด?” ฮันหลี่ยังงุงงง เขามองไปรอบๆและตระหนักว่าเขานอนอยู่บนพื้นทรายที่เต็มไปด้วยซากศพและกองสินค้า

“พายุหมุนหยุดแล้วและข้ารอดชีวิตงั้นหรือ?” ฮันหลี่ตะลึงก่อนจะแสดงออกอย่างมีความสุข

“หากข้าไม่ช่วยเจ้า เจ้าจะรอดมาได้อย่างไร?” ชายชรายิ้ม

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิต!” ฮันหลี่แสดงความขอบคุณด้วยความจริงใจ

ขายชราพยักหน้า “ย้อนกลับไปก่อนที่ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะ ข้าก็ไม่ต่างจากเจ้า พายุหมุนที่นำเจ้ามาที่นี่เกิดจากข้า ข้าแพ้เดิมพันของเทียนจิน ก่อนตาย ข้าจะมอบมรดกที่แท้จริงของข้าให้เจ้า”

…..

ภาคกลาง

หุบเขาดาบหัก

“วิญญาณปราณดาบอยู่ที่ใด?”

“ตามหามัน!”

“วิญญาณปราณดาบเป็นของข้า ผู้ใดก็อย่าคิดจะฉกชิง!”

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณตะโกนและพุ่งเข้าไปในหุบเขา

“เจ้าบ้า! อย่าขวางทางข้า!”

“ผู้ใดกีดขวางข้าต้องตาย!”

หงอี้อยู่นอกหุบเขาเมื่อกลุ่มผู้ใช้วิญญาณที่บ้าคลั่งพุ่งผ่านเขาไป

ใบหน้าของหงอี้กลายเป็นซีดขาวและรีบหลบหนี

ผู้ใช้วิญญาณกลุ่มหนึ่งวิ่งแซงหงอี้ไป

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” หัวใจของหงอี้แทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

บางคนอธิบายสถานการณ์ให้เขาฟัง

“ข้าได้ยินมาว่ามีวิญญาณปราณดาบระดับสี่”

“ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนมากมายพยายามไล่ล่ามัน”

“บางทีอาจเป็นพวกเราที่พบวิญญาณปราณดาบระดับสี่”

“นานเท่าใดตั้งแต่หุบเขาดาบหักแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น? มีวิญญาณปราณดาบระดับสี่อยู่เพียงดวงเดียว อย่าหวังสูงเกินไป”

“วิญญาณปราณดาบ…ระดับสี่?” หงอี้ตกใจ

เขาวิ่งไปในหุบเขาอย่างรวดเร็ว

เขาเคยสำรวจหุบเขาแห่งนี้มาก่อนแต่ก่อนหน้ามันไม่เหมือนตอนนี้

เมื่อโป้ชิงตื่นขึ้น หนึ่งในดาบแสงของเขาตกลงมาที่นี่และตัดภูเขาออกเป็นสองลูก

นี่คือต้นกำเนิดของหุบเขาดาบหัก

เดิมทีผู้คนไม่ได้สนใจมันแต่ในไม่ช้าผู้ใช้วิญญาณภาคกลางก็ตระหนักว่าหุบเขาแห่งนี้ให้กำเนิดวิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบขึ้นมาโดยไม่คาดคิด

ดาบแสงของโป้ชิงเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า มันไม่แปลกที่หุบเขาแห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่พิเศษและสามารถให้กำเนิดวิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบ

ความจริงเรื่องนี้ไม่สามารถปกปิด ดังนั้นผู้ใช้วิญญาณจึงเดินทางมาที่เพื่อค้นหาสมบัติมากขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้านี้บางคนพบวิญญาณปราณดาบระดับสี่ มันสร้างความปั่นป่วนขึ้นทันที

‘วิญญาณปราณดาบระดับสี่หายากมาก แม้ข้าจะเจอมันแต่ข้าก็ไม่สามารถจับมัน มันอันตรายเกินไป’ หงอี้คิดขณะสำรวจพื้นที่รอบๆ

เขาเดินเข้าไปในสถานที่ที่ดูธรมดามากแต่เขากลับเห็นบางสิ่งที่น่าตกใจ

มันเป็นวิญญาณแรกกำเนิด

หงอี้ตกตะลึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นดีใจ “ข้าช่างโชคดีนักที่พบวิญญาณที่พึ่งถือกำเนิด กลิ่นอายของมัน…แข็งแกร่งมาก! มันคือวิญญาณระดับสี่หรืออาจจะระดับห้า?”

หงอี้ไม่าสามารถอดทนรอและรีบคว้ามันมาไว้ในมือ

เขาเร่งไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยมากขึ้นและเริ่มปรับแต่งมันทันที

ครู่ต่อมา เขาประสบความสำเร็จในการปรับแต่งและกลายเป็นเจ้าของวิญญาณระดับห้าบนเส้นทางแห่งดาบ! มันมีรูปร่างเหมือนฝักดาบที่ทำจากเหล็กขนาดเล็ก

วิญญาณฝักดาบระดับห้า!

“วิญญาณดวงนี้ใช้งานอย่างไร? มันเป็นวิญญาณระดับห้า พลังวิญญาณของข้าไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นใช้งานมัน” หงอี้ถอนหายใจแต่ในจังหวะนี้วิญญาณบนเส้นทางแห่งดาบที่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ใกล้ๆกลับบินมาหาเขาและเข้าไปในฝักดาบที่อยู่บนมือของหงอี้โดยไม่คาดคิด

หงอี้ตกใจและรู้สึกพูดไม่ออก

…..

ภาคใต้ ภูเขาไร้นามแห่งหนึ่ง

มันเป็นเวลาเที่ยงคืนที่พายุฝนกำลังโหมกระหน่ำ

“เฉิงซินซื่อ ชีวิตของเจ้าจะจบลงวันนี้” ชายมัดกล้ามเดินไปยังจุดสูงสุดของยอดเขาด้วยมือไพล่หลัง

มีผู้ใช้วิญญาณสามคนอยู่ที่นี่

หนึ่งชาย สองหญิง

ผู้ใช้วิญญาณหญิงผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส นางคือสาวใช้ของเฉิงซินซื่อ เสี่ยวหลาน

ผู้ใช้วิญญาณหญิงอีกคนมีเส้นผมสีดำที่ทิ้งตัวลงมาราวกับน้ำตก นางมีผิวขาวราวหิมะและมีรูปโฉมที่งดงามมาก นางก็คือเฉิงซินซื่อ

เห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา เฉิงซินซื่อเผยรอยยิ้มขมขื่น “เฉิงไป่ซื่อ เป็นเจ้าจริงๆ เหตุใดเจ้าต้องสังหารข้า?”

เฉิงไป่ซื่อหัวเราะเสียงดัง “ท่านพ่อตาย พี่ใหญ่ตาย จ้าวเฟิงก็ตาย ตราบเท่าที่ข้าฆ่าเจ้า พี่แปดจะได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล ดังนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย!”

ร่างของเฉิงซินซื่อสั่นสะท้านและแทบจะล้มลงบนพื้นราวกับมีพลังงานที่มองไม่เห็นผลักนาง

นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้า “เพื่อตำแหน่งผู้นำตระกูล เฉิงปู้เหลาช่างโหดเหี้ยมนัก”

เฉิงไป่ซื่อหัวเราะเสียงเย็น “ถูกต้อง เจ้าช่วยชีวิตพี่แปดเอาไว้ แต่แล้วอย่างไร? เจ้าต้องการให้เขาตอบแทนความเมตตาและมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เจ้างั้นหรือ? ฮืม ผู้นำตระกูลเฉิงคือเจ้าเหนือหัวของเมือง เจ้าเป็นคนใจอ่อน เจ้าจะแข่งขันกับพี่แปดได้อย่างไร?”

เฉิงซินซื่อส่ายศีรษะ “เมื่อข้าช่วยเขา ข้าไม่เคยคิดที่จะแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลกับเขา”

“แน่นอน นั่นคือเหตุผลที่เจ้ามาอยู่ในสภาพนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉิงไป่ซื่อกล่าว

“ท่านหญิงซินซื่อ ยังมีสิ่งใดต้องพูดคุยกับคนเลวผู้นี้!” เย่ฟานขมวดคิ้วกล่าวด้วยความรังเกียจที่มีต่อเฉิงไป่ซื่อ

“คุณชายเย่ ท่านควรจากไป เขาไม่ต้องการชีวิตของท่าน ท่านไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่าเข้ามายุ่ง รีบไป!” เฉิงซินซื่อกระตุ้นให้เย่ฟานจากไป

“ข้าไม่ไป!” เย่ฟานตะโกน “ท่านหญิงซินซื่อ ท่านช่วยข้าไว้ ข้าต้องตอบแทนความเมตตา แล้วข้าจะทอดทิ้งท่านได้อย่างไร?”

“ฮืม ไร้สาระ แม้เจ้าจะต้องการจากไป เจ้าก็ไม่สามารถจากไป วันนี้พวกเจ้าทั้งสามต้องตายที่นี่!” เฉิงไป่ซื่อกล่าว

เย่ฟานกัดฟันแน่น แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาก็ยังยืนอยู่ด้านหน้าเฉิงซินซื่อ

“หือ วีรบุรุษปกป้องหญิงงามงั้นหรือ?” เฉิงไป่ซื่อหัวเราะก่อนจะผลักเย่ฟานให้ล้มลง

“หากเจ้าอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ข้าอาจต้องระวังเจ้า แต่ตอนนี้พลังวิญญาณของเจ้าหมดแล้ว เจ้าไม่ใช่ภัยคุกคามของข้าอีกต่อไป ฮ่าฮ่าฮ่า” เฉิงไป่ซื่อหัวเราะและเดินตรงเข้าไปหาเฉิงซินซื่อ

เฉิงซินซื่อปิดเปลือกตาลงและไม่ต่อต้าน

แต่ก่อนที่นางจะถูกสังหาร ภาพของชายผู้หนึ่งกลับปรากฏขึ้นในใจของนาง

นางคิด ‘หากข้าได้พบเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตายก็คงดี’

อย่างไรก็ตามหลังจากชั่วครู่นางกลับไม่รู้สึกถึงการโจมตีของเฉิงไป่ซื่อ

เฉิงซินซื่อเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความสับสน นางเห็นเพียงเฉิงไป่ซื่อที่ไม่ขยับเขยื้อน

ร่างกายของเขาแข็งค้างราวกับรูปปั้น

“ฮืม เพื่ออำนาจ เจ้าไม่สนใจเครือญาติ เจ้าคือความอัปยศของตระกูลเฉิงอย่างแท้จริง!” ผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้น

“ท่านคือ?” เฉิงซินซื่อตกใจ

ผู้อมตะหญิงมองเฉิงซินซื่อและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่ากังวล ข้าคือบรรพชนของตระกูลเฉิง เฉิงซินซื่อ ข้าตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นผู้นำตระกูลเฉิง”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท