เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1058

ตอนที่ 1058

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1058 วิญญาณอมตะสมบัติเลือด

แปลโดย iPAT

สามวันต่อมาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

หลังจากภัยพิบัติผ่านพ้น ฟางหยวนรักษาอาการบาดเจ็บอยู่บนสวรรค์ชั้นแรก

ร่างกายของเขาจมอยู่ใต้บ่อเลือดขนาดใหญ่

บ่อเลือดเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เยี่ยวยารักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสของฟางหยวน

ทันใดนั้นฟางหยวนพลันเปิดเปลือกตาขึ้น

‘วิธีหลอมรวมร่างกายบนเส้นทางแห่งเลือดสามารถรักษาร่างอมตะของข้า’ ฟางหยวนคิด

วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากที่อยู่ในบ่อเลือดส่องประกายขึ้นพร้อมกับวิญญาณอมตะระดับหกดวงหนึ่ง

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด สมบัติเลือด!

นี่เป็นวิญญาณอมตะที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาสร้างเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้จากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งเลือดที่ซื้อมาจากสวรรค์สีเหลือง

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดสามารถปกป้องทรัพยากรอมตะหรือวิญญาณระหว่างการหลอมรวม หากการหลอมรวมล้มเหลว ทรัพยากรอมตะหรือวิญญาณบางส่วนจะถูกรักษาไว้

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะดวงนี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถประหยัดทรัพยากรไปได้มาก หากเป็นบุคลิกก่อนหน้าของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาจะไม่ใช้มันในการแลกเปลี่ยนไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น

แต่หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป ความสนใจของเขาไม่เหมือนเดิม

สุดท้ายวิญญาณอมตะดวงนี้จึงตกอยู่ในมือของฟางหยวน

เมื่อฟางหยวนได้รับมัน เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมาแต่ลอบมีความสุขมากอยู่ภายใน

วิญญาณอมตะถือเป็นมือเท้าที่คอยช่วยเหลือผู้อมตะในการหลอมรวมวิญญาณ แต่สำหรับฟางหยวนที่เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด เขาสามารถใช้มันได้มากกว่านั้น

เช่นในเวลานี้

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดราวกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุขึ้นใต้บ่อเลือด

มันลอยอยู่เหนือศีรษะของฟางหยวนและดึงดูดพลังงานแห่งชีวิตปริมาณมหาศาลเข้ามาให้เขาอย่างไม่รู้จบสิ้น

กระดูกที่แตกหักของฟางหยวนค่อยๆเชื่อมต่อกัน เนื้อหนังที่ฉีกขาดค่อยๆผสานตัว อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาได้รับการเยี่ยวยา

ในเวลาไม่นานร่างกายของฟางหยวนก็กลับมาสมบูรณ์แบบอีกครั้ง!

“บึม!”

ฟางหยวนทะยานร่างออกจากบ่อเลือดราวกับลูกศรพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

เขากวาดตามองร่างกายของตนและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ร่างนี้เกิดจากวิญญาณทารกอมตะ มันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท นอกจากนั้นพวกมันยังไม่ต่อต้านกัน เพราะเหตุนี้ข้าจึงสามารถใช้วิธีรักษาบนเส้นทางที่หลากหลายและได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม”

ฟางหยวนยกมือขึ้นขณะที่วิญญาณอมตะสมบัติเลือดพุ่งขึ้นมาจากบ่อเลือดและบินมาอยู่บนฝ่ามือของเขา

ฟางหยวนมองวิญญาณอมตะดวงนี้ด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะเก็บมัน

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดกลายเป็นรอยสักรูปไข่มุกสีแดงอยู่บนหน้าอกของเขา

ในความเป็นจริงการจัดเก็บลักษณะนี้ไม่ปลอดภัย หากร่างกายของฟางหยวนถูกทำลาย วิญญาณอมตะสมบัติเลือดจะถูกทำลายไปด้วย

วิญญาณอมตะเปราะบางมาก กระทั่งเด็กวัยหัดเดินยังสามารถทำลายวิญญาณอมตะระดับเก้า

วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือเก็บไว้ในมิติช่องว่างของผู้อมตะ

แต่ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในมิติช่องว่างของตน ตราบเท่าที่เขาระมัดระวัง มันจะไม่มีปัญหา

“ห้าร้อยปีก่อนหน้า ข้าไม่สามารถครอบครองวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดแม้แต่ดวงเดียว สุดท้ายข้าต้องหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก ในเวลานั้นหากข้ามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด ข้าจะประสบความสำเร็จมากขึ้น กระทั่งนิกายโบราณทั้งสิบจะปิดล้อมข้า ข้าก็สามารถต่อสู้ได้ด้วยความมั่นใจ”

ฟางหยวนคุยโม้เล็กน้อย

ในชีวิตก่อนหน้าเขามีความแข็งแกร่งอยู่บนจุดสูงสุดของระดับหก เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับเจ็ดทั่วไปสองคนพร้อมกัน เขายังสามารถเอาชนะ

แม้จะใช้หลายวิธีเพื่อบรรลุผลลัพธ์แต่การเอาชนะผู้อมตะระดับเจ็ดด้วยการบ่มเพาะระดับหกถือเป็นความสำเร็จที่น่ายกย่องอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าหากเปรียบเทียบกับโป้ชิงหรือฟงจิวเก้อ เขายังห่างไกลนัก แต่สิ่งสำคัญคือฟางหยวนสามารถเอาชนะผู้อมตะระดับเจ็ดได้โดยที่เขาไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว

ในช่วงเวลานั้นฟางหยวนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดและยังสามารถสร้างเส้นทางของตนเองรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์และท่าไม้ตายระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งเลือดอีกมากมาย

ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดของฟางหยวนคือระดับปรมาจารย์ เขาไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดยกเว้นวิญญาณอมตะ

หากเขามีวิญญาณอมตะ เขาจะสามารถยกระดับท่าไม้ตายระดับมนุษย์เป็นท่าไม้ตายอมตะและมีพลังการต่อสู้ที่สูงขึ้นอีกมาก

แต่ตลอดห้าร้อยปีและกระทั่งหลังจากกำเกิดใหม่ ฟางหยวนก็ไม่เคยได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดแม้แต่ดวงเดียว

ในความเป็นจริงเรื่องนี้อาจเกิดจากอิทธิพลของเจตจำนงสวรรค์

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่เขาได้รับวิญญาณอมตะสมบัติเลือดจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

อย่างไรก็ตามผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดจะถูกไล่ล่าโดยวังสวรรค์ การเป็นปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดถือเป็นเรื่องอันตรายมาก

ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะสมบัติเลือด เขาคิด ‘ยิ่งข้าใช้งานมันน้อยเท่าใด มันก็จะยิ่งดีต่อข้ามากเท่านั้น’

แต่โชคชะตาไม่สามารถคาดเดา

ในช่วงเวลาที่เขาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ เขากลับพบชูตู๋ ชีวิตของเขาตกอยู่ในความเสี่ยง เขาต้องใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเพื่อซ่อมแซมมิติช่องว่างจักรพรรดิอย่างเร่งด่วน

เมื่อฟางหยวนต้องการรักษาอาการบาดเจ็บของตน เขาก็มีเพียงทักษะบนเส้นทางแห่งเลือดเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ในเวลาสั้นๆ

ฟางหยวนไม่ต้องการขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ยิ่งเขาเปิดเผยข้อมูลมากเท่านั้น โอกาสที่ข้อมูลจะรั่วไหลก็ยิ่งมีมากเท่านั้น ฟางหยวนสงวนข้อมูลบางอย่างจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาปกปิดความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ในฐานะปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด มันเป็นเรื่องง่ายที่ฟางหยวนจะสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เขาแตกต่างจากไห่ลั่วหลันที่พบกับความยากลำบากในการยกระดับความแข็งแกร่งของตน

แท้จริงแล้วเขาเคยคิดค้นเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดมากมายในชีวิตก่อนหน้า แต่มันเป็นเพราะความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและเส้นทางแห่งปัญญาของเขาที่ค่อนข้างต่ำ เขาจึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

หลังจากเก็บวิญญาณอมตะสมบัติเลือด ฟางหยวนคิดกับตนเอง ‘สามวันมาแล้ว ชูตู๋ไม่ได้บุกเข้ามา ดูเหมือนเขาจะไม่มีวิธีเจาะทะลวงมิติช่องว่าง’

ฟางหยวนซ่อมแซมกำแพงมิติด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาล หากชูตู่มีวิธีการบางอย่าง เขาจะใช้มันและบุกเข้ามานานแล้ว

แม้เขาจะมีวิธีการบางอย่าง เขาก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัวว แต่มันไม่ควรใช้เวลานานถึงสามวัน

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

หลังจากมิติช่องว่างถูกวางลง ตราบเท่าที่ประตูทางเข้าออกไม่ถูกเปิดจากภายใน มันจะตัดขาดกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์

ย้อนกลับไปเมื่อนิกายกระเรียนอมตะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู พวกเขาต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งเลือดกับฟางเจิ้งเพื่อตรวจสอบตำแหน่งที่แน่นอนของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

ชูตู๋เป็นผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่วิธีเจาะทะลวงมิติช่องว่างเกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งห้วงมิติ

ฟางหยวนเดาถูกแต่เขายังไม่สามารถผ่อนคลาย

แม้ชูตู๋จะไม่เจาะทะลวงเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่เขายังสามารถเฝ้ารออยู่ด้านนอก

สถานการณ์นี้มีความเป็นไปได้สูง

เมื่อคิดจากมุมมองของชูตู๋ ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่ต้องการความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง เขาจะยอมทิ้งโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร

ในอดีตชูตู๋เคยเฝ้ารออยู่ด้านนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหลิวกระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดอันดับหนึ่งของเผ่าหลิวไม่สามารถอดทนและต้องออกมาต่อสู้กับเขา ตอนนี้ฟางหยวนเพียงลำพัง แล้วเขาจะสามารถเปรียบเทียบกับเผ่าหลิวทั้งเผ่าได้อย่างไร แม้จะนับรวมสมาชิกนิกายหลางหยา แต่พลังการต่อสู้ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ไม่สามารถแข่งขันกับเผ่าหลิว

นอกจากนี้แม้ชูตู๋จะไม่สามารถเจาะทะลวงกำแพงมิติแต่เขายังสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

‘ดูเหมือนข้าจะติดอยู่ที่นี่ หากข้าเก็บมิติช่องว่างและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ข้าจะสามารถหลบหนีจากชูตู๋หรือไม่?’

‘วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติอาจรวดเร็วแต่มันสามารถเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเท่านั้น หากต้องการเปลี่ยนทิศ ข้าต้องหยุดและเริ่มใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติอีกครั้ง สำหรับผู้อมตะทั่วไป มันไม่มีปัญหา แต่เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะชูตู๋ มันยังไม่เพียงพอ ข้าต้องมีท่าไม้ตายอมตะ’

ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิด เขาบินลงมาจากสวรรค์ชั้นแรก

เมื่อฟางหยวนลงมาถึงระดับหนึ่ง อสูรหิมะจากภัยพิบัติครั้งก่อนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขา พวกมันเงยศีรษะคำรามและพยายามโจมตีด้วยก้อนหิมะขนาดใหญ่

หลังจากถอนหายใจ ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจากไปเท่านั้น

‘ภัยพิบัติพิภพจบลงแล้วแต่อสูรหิมะยังอยู่รอบๆ ข้าจะเพิกเฉยต่อพวกมันเป็นการชั่วคราว นอกจากนั้นมิติช่องว่างแห่งนี้ก็ไม่มีสิ่งใดให้พวกมันทำลาย’

‘ข้ามีวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติแต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งดาบของข้ายังต่ำเกินไป ข้าควรฝากความหวังไว้กับเส้นทางแห่งเลือด ตอนนี้ข้าควรสร้างท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดโดยใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดเป็นแกนกลางเพื่อใช้ประโยชน์ในการเคลื่อนที่’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท