เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1062

ตอนที่ 1062

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1062 จุดอ่อนของชูตู๋

แปลโดย iPAT

เมื่อได้ยินว่าฟางหยวนต้องการวิญญาณอมตะดาบบินกลับคืน ชูตู๋ยิ้มและกล่าว “ตราบเท่าที่เราประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรม ไม่เพียงข้าจะส่งคืนวิญญาณอมตะของเจ้า ข้ายังจะมอบค่าตอบแทนที่น่าพอใจให้เจ้าอีกด้วย”

แน่นอนว่าเขาต้องเก็บวิญญาณอมตะดาบบินเอาไว้เพื่อควบคุมฟางหยวน

ชูตู๋จะคืนมันได้อย่างไร

เขาแสดงออกด้วยความอบอุ่นและเป็นมิตร แต่เขาเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน

ฟางหยวนหัวเราะและไม่รู้สึกผิดหวัง

เขารู้คำตอบอยู่แล้ว ดังนั้นการแสดงออกของเขาจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ท่านชูตู๋ ท่านไม่มีความจริงใจ! เช่นนั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย!”

หลังกล่าวจบคำ เขาใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที

“สหาย โปรดรอก่อน!” การแสดงออกของชูตู๋เปลี่ยนไป เขารีบไล่ตาม

ฟางหยวนเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากชั่วครู่ร่างของชูตู๋จึงปรากฏขึ้นด้านหลัง

‘ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหว…’

ฟางหยวนมองกลับไปและรู้สึกถึงกลิ่นอายของวิญญาณจำนวนมากที่ปะทุออกมาจากร่างของชูตู๋

นอกจากนั้นมันยังเป็นท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวระดับเจ็ดที่เร็วกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง สถานการณ์นี้ไม่เป็นผลดีต่อเขา

ในความเป็นจริงเขาคาดหวังกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติค่อนข้างมาก หลังจากทั้งหมดกระทั่งสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลก็ไม่สามารถติดตามความเร็วของเขา

แต่ผู้ใดจะคิดว่าจักรพรรดิอมตะชูตู๋จะมีท่าไม้ตายอมตะด้านการบินที่รวดเร็วกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

‘ข้าเกรงว่าในช่วงร้อยปีที่ผ่านมาชูตู๋จะได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งมากมายและมีความสำเร็จบนเส้นทางความแข็งแกร่งที่เกินกว่าจะจินตนาการถึง’

‘เมื่อวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไม่มีประโยชน์ เช่นนั้นก็ลองใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด’

ฟางหยวนหยุดใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด

กระแสเลือดพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับอสรพิษสีแดงที่เลื้อยคลานอยู่กลางอากาศ

ฟางหยยวนหันหลังกลับและบินไปทางด้านซ้าย

การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปได้อย่างราบรื่น นี่ทำให้เขารู้สึกพอใจ ‘ข้าลดวิญญาณระดับมนุษย์ลง มันช่วยลดความล้มเหลวขณะที่ข้าสามารถใช้มันได้เร็วขึ้น ทั้งหมดต้องขอบคุณการฝึกฝนอย่างหนักของข้า’

ความคิดเหล่านี้พุ่งผ่านจิตใจของฟางหยวนแต่ความสนใจส่วนใหญ่ของเขายังอยู่ที่จักรพรรดิอมตะชูตู๋

ฟางหยวนเปลี่ยนทิศทางเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของชูตู๋

‘หากชูตู๋สามารถติดตามข้า ข้าจะหยุดและเจรจากับเขา’

ฟางหยวนวางแผนสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด แต่ชูตู๋เหมือนรถไฟหัวกระสุนที่พุ่งผ่านฟางหยวนไป

หลังจากหลายสิบลี้ ความเร็วของชูตู๋ก็เริ่มลดลงจนหยุดนิ่ง

จากนั้นเขาก็ระเบิดความเร็วพุ่งเข้าหาฟางหยวนอีกครั้ง

ความเร็วของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆกระทั่งเหนือกว่าความเร็วของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเปลี่ยนทิศทาง

สถานการณ์เดิมเกิดขึ้นอีกหน

จักรพรรดิอมตะชูตู๋บินผ่านเขาไป

ฟางหยวนมีความสุขมาก

เขากังวลเกี่ยวกับวิธีการบินเป็นเส้นตรงของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ดังนั้นเขาจึงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเพื่อปิดจุดอ่อนนี้

อย่างไรก็ตามจุดอ่อนนี้ยิ่งร้ายแรงกว่าสำหรับจักรพรรดิอมตะชูตู๋

สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ฟางหยวนคิดอย่างรวดเร็วก่อนตัดสินใจหยุดเคลื่อนไหว

มันง่ายมากที่จะหลบหนีจากชูตู๋ ตราบเท่าที่เขาระวังตัว เขาจะไม่ล้มเหลว

“น่าสนใจ” ฟางหยวนพึมพำ

ชูตู๋มีความสุขเมื่อเห็นฟางหยวนหยุดบิน เขาคิด ‘ดูเหมือนวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่อยู่กับข้ายังมีประโยชน์ เขากำลังพิจารณามันอีกครั้ง!’

ฟางหยวนรอให้ชูตู๋บินเข้ามาหาก่อนจะยกมือขึ้น “หยุดและมาคุยกันในระยะห่างนี้’

ฟางหยวนระวังตัวมาก แม้เขาจะมีข้อได้เปรียบด้านการเคลื่อนไหวแต่มันจะดีกว่าหากรักษาระยะห่างเอาไว้

ชูตู๋หยุดและเผยรอยยิ้มน่าสงสารเล็กน้อย

ฟางหยวนกล่าว “พี่ชูช่างน่าเหลือเชื่อนัก ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ท่าไม้ตายนี้ยอดเยี่ยมมาก กระทั่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของข้ายังไม่สามารถเปรียบเทียบ”

“ท่าไม้ตายนี้เรีกยว่าการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเอง ข้าสร้างมันขึ้นมาหลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก มันสามารถเพิ่มความเร็วของข้าโดยใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มันมีจุดอ่อนที่ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทาง ข้าไม่ได้ฝึกฝนมันมามากพอ ข้าใช้มันในวันนี้เพราะความตื่นตระหนก ช่างน่าอับอายนัก” ชูตู๋ยอมรับความอ่อนแอของตนเองอย่างตรงไปตรงมา

ฟางหยวนพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่จริงจัง “พี่ชูทรงพลังมากในการต่อสู้ มีไม่กี่คนที่สามารถบังคับให้พี่ชูใช้ท่าไม้ตายนี้เพื่อล่าถอย”

“ขอบคุณสำหรับคำชม โลกของผู้อมตะกว้างใหญ่ ชื่อเสียงของข้ายังไม่ถือเป็นสิ่งใด แต่ยิ่งข้าฝึกฝนมากเท่าใด ข้าก็ยิ่งตระหนักถึงความไม่ดีพอของตนเอง ภาคเหนือมีผู้อมตะระดับแปดห้าคน ท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ด น้องชายเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ข้าต้องระวังตัว แต่น่าละอายใจนักที่ข้าไม่รู้กระทั่งชื่อเสียงอันทรงเกียรติของน้องชาย” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

คำกล่าวของชูตู๋ไม่เพียงสุภาพมากขึ้นแต่มันยังเป็นความคิดที่แท้จริงของเขา

ฟางหยวนไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับจักรพรรดิอมตะชูตู๋มากนัก แต่ชูตู๋ยิ่งรู้เรื่องของฟางหยวนน้อยกว่า

หลังจากฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ความเร็วของเขาทำให้ชูตู๋ตกใจ

ชูตู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีประสบการณ์ เขามีวิธีการเคลื่อนไหวมากมาย แต่หากเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ พวกมันยังด้อยกว่า มีเพียงท่าไม้ตายอมตะการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเองเท่านั้นที่สามารถใช้งานในสถานการณ์นี้

การคาดเดาของฟางหยวนถูกต้อง ท่าไม้ตายอมตะการเดินทางด้วยความแข็งแกร่งของตนเองถูกสร้างขึ้นเพื่อหลบหนี

ชูตู๋เก็บตัวมาตลอดหลายปี ข้อมูลของเขาจึงไม่ถูกเผยแพร่ออกไป

ขณะที่ฟางหยวนพยายามตรวจสอบข้อมูลของชูตู๋ ชูตู๋ก็พยายามตรวจสอบฟางหยวนเช่นกัน

แต่เขาไม่มีกำไร

ในมุมมองของเขา ฟางหยวนเหมือนกระโดดออกมาจากความว่างเปล่า บุคคลเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในภาคเหนือ

ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เพียงกลิ่นอายของฟางหยวนก็แปลกมากแล้ว เดิมทีชูตู๋คิดว่าฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับเจ็ด

อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของฟางหยวนบอกว่าเขาเป็นผู้อมตะของภาคเหนืออย่างชัดเจน

แต่เขาฝึกฝนบนเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางแห่งดาบ?

นี่คือคำถามที่ชูตู๋อยากรู้มาก

หลังจากทั้งหมดเส้นทางทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย! หากเป็นเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เส้นทางแห่งทาส เส้นทางแห่งกฎ หรือเส้นทางแห่งปัญญา มันยังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

แต่เส้นทางแห่งเลือดกับเส้นทางแห่งดาบ?

เขาไม่กลัวว่าพวกมันจะต่อต้านกันงั้นหรือ?

ไม่เพียงฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะระดับเจ็บบนเส้นทางแห่งดาบ เขายังมีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด นี่ทำให้ชูตู๋อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

นอกจากนั้นหากเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางแห่งดาบ เหตุใดเขายังต้องการความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง?

ชูตู๋เค้นสมองคิดอย่างหนักก่อนจะจบลงด้วยความล้มเหลว

สิ่งสำคัญอีกประการก็คือการดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมาควรต้องใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญา

นั่นหมายความว่าความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของเขาก็ไม่ต่ำต้อยเช่นกัน!

ในการติดตามครั้งนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก แต่ชูตู๋ก็ไม่สามารถตามจับฟางหยวน

เมื่อเห็นฟางหยวนไม่หลบหนีไปแต่หยุด ชูตู๋รู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

ความแข็งแกร่งตัดสินทุกสิ่ง ดังนั้นตอนนี้ชูตู๋จึงปฏิบัติต่อฟางหยวนอย่างเท่าเทียม

ฟางหยวนเงียบก่อนจะเปิดปากกล่าวอีกครั้ง “แท้จริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำธุรกรรม…”

ชูตู๋ไม่ได้ตอบแต่ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ

แต่หลังจากนั้นฟางหยวนกลับหยุดกล่าวและแสดงออกราวกับกำลังคิดบางสิ่ง

ชูตู๋ไม่สามารถอดทนได้อีกและเป็นฝ่ายเปิดปากถาม “ข้าเชื่อว่าด้วยความมั่งคั่งของข้าจะทำให้เจ้าพอใจอย่างแน่นอน”

ฟางหยวนมองชูตู๋ก่อนกล่าว “ท่านไม่ได้เข้าร่วมการประมูลครั้งใหญ่ของภาคเหนือเมื่อเร็วๆนี้งั้นหรือ?”

การแสดงออกของชูตู๋สงบลง เขาถาม “เจ้าเข้าร่วมการประมูลด้วยงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” ฟางหยวนยอมรับ ‘ระหว่างการประมูล ข้ากระทั่งใช้ประโยชน์จากเจ้า’ แน่นอนว่าประโยคหลังอยู่ในความคิดของฟางหยวนเท่านั้น

“เจ้าต้องการสิ่งใด?” ชูตู๋กระตุ้น

“เป็นเรื่องยากที่จะกล่าวออกมา” ฟางหยวนถอนหายใจ เขาขมวดคิ้วและแสดงออกด้วยท่าทางลำบากใจ

ชูตู๋รู้สึกไม่สามารถอดทน

หากเป็นผู้อื่น เขาคงลงมือไปแล้ว

“ไม่มีสิ่งใดที่ไม่สามารถกล่าว แม้ข้าจะไม่มีในเวลานี้ แต่ข้าจะพยายามหามาให้เจ้า” ชูตู๋กล่าว

เขาตัดสินใจที่จะไม่สนค่าใช้จ่าย

ฟางหยวนถอนหายใจอีกครั้ง “ข้าพูดเช่นนั้นเพราะข้ายังไม่ได้คิดว่าจะแลกเปลี่ยนสิ่งใดกับพี่ชู”

ชูตู๋โกรธมาก

ฟางหยวนแสดงท่าทางลำบากใจเพียงเพราะเขายังไม่ได้ตัดสินใจงั้นหรือ?

ชูตู๋ขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าอยู่ที่นี่เพียงเพราะต้องการล้อข้าเล่นงั้นหรือ?”

“พี่ชูอย่าพึ่งโกรธ ไม่ใช่อย่างแน่นอน!” ฟางหยวนเร่งกล่าว “ผู้อมตะต้องผ่านภัยพิบัติเป็นครั้งคราว พวกเรามีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้าเพียงยังไม่ได้คิดว่าสิ่งใดจะมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของข้ามากที่สุดเท่านั้น สำหรับตอนนี้ ให้เวลาข้าคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วข้าจะกลับมาตอบพี่ชูภายหลัง”

ใบหน้าของชูตู๋กลายเป็นน่าเกลียด แต่หลังจากไตร่ตรอง เขาต้องพยักหน้ายอมรับอย่างช่วยไม่ได้ “ตกลง”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท