เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1066

ตอนที่ 1066

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1066 รวบรวมทรัพยากรอมตะ

แปลโดย iPAT

เทพโลหิตเป็นแผนการระยะยาวของฟางหยวน

ฟางเจิ้งเป็นขั้นที่สองของแผนการนี้

ขั้นแรกของแผนการคือหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต ฟางหยวนต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้า เขากระทั่งวางแผนต่อต้านอสูรสายฟ้าเพื่อให้ได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมมัน

หลังจากหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตและสังเวยญาติที่เกี่ยวข้องทางสายเลือด เขาจะสามารถสร้างเทพโลหิต

ตอนนี้ฟางหยวนมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตที่มีความสมบูรณ์เจ็ดสิบส่วน เมื่อเขายังเป็นผีดิบอมตะ เขาขาดแคลนทรัพยากรและไม่ได้พัฒนาเคล็ดลับนี้ให้สมบูรณ์ ตอนนี้แม้เขาจะฟื้นคืนสู่ชีวิต แต่เขาก็ไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกต่อไป

‘แม้ข้าจะไม่สามารถใช้แสงแห่งปัญญา แต่ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางแห่งปัญญา ข้าจะสามารถพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิต มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาและความพยายามเท่านั้น’

‘เพื่อสร้างเทพโลหิต ข้าต้องเปลี่ยนทัศนคติของฟางเจิ้ง อย่างน้อยที่สุดข้าก็ต้องทำให้เขาไม่เกลียดชังข้า มิฉะนั้นเทพโลหิตจะกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวข้าเอง’

แท้จริงแล้วมีหลายวิธีที่สามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดและจิตใจของบางคน โดยเฉพาะผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญา พวกเขายิ่งเชี่ยวชาญในเรื่องนี้

ฟางหยวนมีหลายวิธี ตราบเท่าที่เขาต้องการ เขาสามารถใช้มันเพื่อทำให้ฟางเจิ้งภักดีต่อเขา

แต่การทำเช่นนั้นไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ หากเขากลายเป็นเทพโลหิต ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาอาจถูกลบออกไป เมื่อเวลานั้นมาถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาจะกลับมา

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเปลี่ยนความคิดและมุมมองของฟางเจิ้งอย่างช้าๆ

เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนมุมมองของฟางเจิ้งเป็นกระบวนการที่ยาวนานและการพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตก็เป็นแผนการที่ยาวไกล อย่างน้อยก็ไม่ใช่เวลานี้

แต่ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด ตราบเท่าที่เขาก้าวไปข้างหน้าทีละขั้นอย่างอดทนและไม่ยอมแพ้ สุดท้ายเขาจะประสบความสำเร็จในที่สุด

ฟางหยวนใช้เวลาว่างฝึกฝนฟางเจิ้งเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างช้าๆ

การเดินทางหนึ่งหมื่นลี้ต้องเริ่มจากก้าวแรกเสมอ

หลังจากเข้าใจสถานการณ์ของฟางเจิ้ง ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณและส่งเจตจำนงปลอมบินออกไปอีกครั้ง

เจตจำนงปลอมบินเข้าสู่จิตใจของฟางเจิ้งและเติมเต็มเจตจำนงปลอมที่ถูกใช้งานไปจากก่อนหน้า

ไม่กี่วันผ่านไปเมื่อฟางหยวนคุ้นเคยกับฝนในร่ม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็มอบทรัพยากรอมตะอีกชนิดหนึ่งให้กับเขา

ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนกำลังฝึกฝนทักษะการหลอมรวมวิญญาณเพื่อเตรียมตัวหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์

เมื่อเขาว่าง เขาจะตรวจสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิและจัดการมัน

มิติช่องว่างของผู้อมตะไม่เพียงสามารถสร้างพลังงานอมตะ มันยังสามารถผลิตทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้อมตะต้องเฝ้าดูแลมันตลอดเวลา

หากมิติช่องว่างได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะให้กำเนิดทรัพยากรที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้อมตะและจะผลิตอาหารให้แก่วิญญาณอมตะของพวกเขาอีกด้วย สิ่งสำคัญก็คือมีโอกาสที่วิญญาณอมตะดวงใหม่จะถือกำเนิดขึ้นเองในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

ฟางหยวนตรวจสอบมิติช่องว่างของเขา

มันแบ่งออกเป็นเก้าชั้นฟ้าห้าภูมิภาค

เหตุใดจึงมีการแบ่งชั้นเช่นนี้ มันถูกสร้างขึ้นด้วยความต้องการของเทพปีศาจจิตวิญญาณหรือมันกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ? ฟางหยวนไม่สามารถหยั่งรู้เรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ เขาเป็นเพียงผู้โชคดีที่สามารถฉกชิงมันมาในช่วงเวลาสุดท้ายเท่านั้น

ฟางหยวนตั้งชื่อตามสะดวกโดยอ้างอิงห้าภูมิภาคและสวรรค์ทั้งเก้าแต่เพิ่มคำว่าน้อยไว้ด้านหลังเช่น ภาคเหนือน้อย ทะเลตะวันออกน้อย และอื่นๆ

หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์ ฟางหยวนพบความลึกลับบางอย่างของมิติช่องว่างจักรพรรดิ

สิ่งที่เขาค้นพบคือพื้นที่ของสวรรค์ทั้งเก้าและภูมิภาคทั้งห้าไม่เพียงแต่คล้ายกับโลกภายนอก ในแง่ของสภาพแวดล้อม พวกมันก็ไม่ต่างกัน

ตัวอย่างเช่นภาคเหนือน้อย มันเป็นที่ราบทุ่งหญ้าและมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวายุมากที่สุด

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟมีอยู่ในทะเลทรายตะวันตกน้อย ภาคใต้น้อยมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีและเส้นทางแห่งพิษมากที่สุด

หลังจากค้นพบเรื่องนี้ ฟางหยวนจึงนำทรัพยากรต่างๆเก็บไว้ในสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับพวกมัน

อสรพิษเพลิงอยู่ในทะเลทรายตะวันตกน้อย

ปลามังกรอยู่ในทะเลตะวันออกน้อย

แมงมุมหน้าคนอยู่ภาคใต้น้อย

ไผ่ลูกศร หญ้าสะเก็ดดาว และอื่นๆถูกวางไว้บนสวรรค์สีน้ำเงินน้อย

สำหรับภาคเหนือน้อย มีอสูรหิมะอยู่ที่นั่น สัตว์อสูรเหล่านี้มากจากภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของเขา มันมีทั้งอสูรหิมะเดียวดายและอสูรหิมะบรรพกาล

ฟางหยวนไม่มีเวลาจัดการอสูรหิมะเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงทิ้งพวกมันไว้ที่นี่ เหตุผลเป็นเพราะภาคเหนือน้อยไม่มีทรัพยากรล้ำค่าและยังมีพื้นที่กว้างใหญ่ อสูนหิมะสามารถเคลื่อนไหวไปรอบๆ แต่พวกมันไม่เหมือนค้างคาวมรณะและไม่สามารถเจาะทะลวงมิติ

ปลาฟองอากาศ หมาป่าครีบฉลาม ปลาคราฟศิลปิน เกาะเขาเดี่ยวเดียวดาย มนุษย์หิน เห็ดหลินจือโลหิต ต้นหลิวกระจก และอื่นๆถูกจัดสรรตามความเหมาะสม

อย่างไรก็ตามป่าไผ่ลูกศร ทุ่งหญ้าสะเก็ดดาว และอื่นๆที่ถูกย้ายไปยังสวรรค์สีน้ำเงินน้อยกลับผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาวได้น้อยลงอย่างมาก ในขณะเดียวกันอสรพิษเพลิงและปลามังกรก็แพร่พันธุ์ได้น้อยลง แมงมุมหน้าคนยังมีอัตราการถือกำเนิดใกล้เคียงกับก่อนหน้า

ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่และศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดของมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่ตอนนี้มันพึ่งผ่านภัยพิบัติพิภพมาเพียงครั้งเดียว

แม้มันจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกเส้นทาง แต่มันก็มีเส้นทางละประมาณหนึ่งร้อยร่องรอยเท่านั้น

การเติบโตของแมงมุมหน้าคนพึ่งพาร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา ปลามังกรใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีและเส้นทางอาหาร ขณะที่รังของอสรพิษเพลิงต้องมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟมากที่สุด การผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาวในป่าไผ่ลูกศรและทุ่งหญ้าสะเก็ดดาวเกี่ยวกับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดวงดาว

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนวางทรัพยากรเหล่านี้ไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูหรือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว

แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูผ่านภัยพิบัติมาแล้วอย่างน้อยหกครั้ง มันมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟและวารีมากกว่ามิติช่องว่างจักรพรรดิ ด้านแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว มันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งดวงดาวตั้งแต่กำเนิด ในจุดนี้มิติช่องว่างจักรพรรดิย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบ

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกเส้นทางของมิติช่องว่างจักรพรรดิจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเพียงหนึ่งร้อยร่องรอย

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณมากจากผู้อมตะฉีช่าย แต่มันยังไม่ใช่เส้นทางที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าอยู่มากที่สุด

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่มีมากที่สุดในมิติช่องว่างจักรพรรดิในปัจจุบันคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะ

ภัยพิบัติของผู้อมตะเป็นทั้งโชคลาภและหายนะ ยิ่งมันทรงพลังมากเท่าใด ผู้อมตะก็ยิ่งได้รับประโยชน์จากมันมากเท่านั้น

ประโยชน์ที่กล่าวถึงในที่นี่ก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า

ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมากจากภัยพิบัติพิภพที่ผ่านมา

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะมีมากที่สุด อันดับสองคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งและร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตามมาด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณ หลังจากทั้งหมดมันเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อมตะระดับเจ็ดฉีช่าย

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้เริ่มส่งอิทธิพลต่อมิติช่องว่างของฟางหยวนแล้ว

ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงในสี่ภูมิภาคแต่หิมะเริ่มขยายตัวออกไปอย่างช้าๆในภาคเหนือน้อย

สภาพแวดล้อมนี้เอื้อให้ฟางหยวนเพาะปลูกพืชเมืองหนาวหลายชนิด

เช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู หลังจากผ่านภัยพิบัติ มันสามารถปลูกพืชพันธุ์มากมาย

หลักการสำคัญประการหนึ่งที่ต้องพิจารณาในการจัดการมิติช่องว่างก็คือสภาพแวดล้อมของมัน

ขณะที่ฟางหยวนกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ที่ภาคกลางกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็ไม่ได้นิ่งเฉย

พวกเขาได้รับแสงแรกกำเนิดมาแล้วและกำลังรวบรวมทรัพยากรอมตะอื่นๆ

พวกเขาสามารถหาบางสิ่งจากคลังสมบัติที่เหลืออยู่ของนิกายเงา แต่บางส่วนก็ต้องซื้อหรือแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น

อิงอู๋เซี่ยเป็นผู้นำนิกายเงารวมถึงนิกายท้าทายสวรรค์ ดังนั้นทางเลือกแรกของเขาก็คือแลกเปลี่ยนรกับสมาชิกภายในองค์กร

แต่ผู้อมตะเป็นบุคคลที่ไล่ล่าผลประโยชน์ขณะที่นิกายท้าทายสวรรค์มีโครงสร้างที่หละหลวม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่อิงอู๋เซี่ยจะทำธุรกรรมกับพวกเขา

อิงอู๋เซี่ยและไห่ลั่วหลันเจรจาจนปากแห้งขณะที่ซื่อหนิวกับไท่เป่ยหยุนเฉิงไม่เชี่ยวชาญเรื่องการเจรจา

หลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างมาก อิงอู๋เซี่ยก็สามารถรวบรวมวัสดุในการหลอมรวมได้สามชุด

‘หยูมู่ฉานตายไปแล้ว ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิธีการหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ โอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะค่อนข้างต่ำ ทรัพยากรเพียงสามชุดยังไม่เพียงพอ’

อิงอู๋เซี่ยไม่ได้หยุดซื้อทรัพยากร นอกจากนี้เขายังต้องเสี่ยงกลับไปที่ถ้ำนรกใต้พิภพ

นิกายเงามีค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่อยู่ที่ถ้ำนรกใต้พิภพ มันจะเป็นความช่วยเหลือที่ดีในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ

เมื่ออิงอู๋เซี่ยรวบรวมทรัพยากรได้หกชุดผ่านนิกายท้าทายสวรรค์ อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

สมาชิกของนิกายท้าทายสวรรค์ ปีศาจอมตะกงซุนเหลียงที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาหมิงเติ้งถูกซุ่มโจมตีและถูกจับโดยผู้อมตะจากวังสวรรค์! กงซุนเหลียงร้องขอความช่วยเหลือจากนิกายท้าทายสวรรค์ นี่ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที

กงซุนเหลียงซ่อนตัวเองเป็นอย่างดีมาตลอดแต่กลับถูกจับ ยิ่งไปกว่านั้นวังสวรรค์ยังเคลื่อนไหวด้วยตนเอง นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่ง

สมาชิกส่วนใหญ่ของนิกายท้าทายสวรรค์เป็นผู้คนที่ถูกกดดันโดยสิบนิกายใหญ่ของภาคกลาง เพื่อความอยู่รอด พวกเขาจึงต้องสร้างพันธมิตรอย่างลับๆ ขณะเดียวกันสิบนิกายโบราณของภาคกลางก็เป็นกองกำลังย่อยของวังสวรรค์

เผชิญหน้ากับวังสวรรค์ สมาชิกทุกคนของนิกายท้าทายสวรรค์รู้สึกไม่ปลอดภัยและกลัวกงซุนเหลียงจะเปิดเผยเบาะแสของพวกเขา

“วังสวรรค์บัดซบ!” อิงอู๋เซี่ยทำได้เพียงสบถ

เนื่องจากเหตุการณ์นี้ สมาชิกคนอื่นๆของนิกายท้าทายสวรรค์จึงซ่อนตัวและไม่กล้าติดต่อสื่อสารกับเขาอีกต่อไป

อิงอู๋เซี่ยรู้ว่าพวกเขาไม่เพียงแค่รู้สึกกลัววังสวรรค์ ยิ่งไปกว่านี้พวกเขายังสงสัยในตัวผู้นำคนนี้ หลังจากกงซุนเหลียงให้อิงอู๋เซี่ยยืมวิญญาณอมตะ เขากลับพบหายนะขณะที่วิญญาณอมตะของเขายังอยู่กับอิงอู๋เซี่ย นอกจากนั้นอิงอู๋เซี่ยในฐานะผู้นำยังไม่ช่วยกงซุนเหลียง เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของสมาชิกนิกายเป็นอย่างมาก

กงซุนเหลียงถูกจับตัว นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยขาดแหล่งรวบรวมทรัพยากรที่ดีที่สุด

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องซื้อวัสดุในการหลอมรวมจากสวรรค์สีเหลืองเท่านั้น

อย่างไรก็ตามธุรกรรมในสวรรค์สีเหลืองไม่ใช่ความลับและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง

‘กงซุนเหลียงถูกจับ วังสวรรค์จะค้นพบสถานที่แห่งนี้ไม่เร็วก็ช้า เจ้าวังตายไปแล้ว แต่เทพธิดาจื่อเว่ยตื่นขึ้น ข้าต้องรีบหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะโดยเร็วที่สุด!’

อิงอู๋เซี่ยรู้สึกถึงความเร่งรีบมากขึ้นเรื่อยๆ

สถานการณ์ของเขาแย่ลงทุกวัน

นิกายเงาใช้สมบัติเกือบทั้งหมดเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะ พวกเขากระทั่งเสียสละกองกำลังพันธมิตรผีดิบ

ซื่อหนิวอาจเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่มิติช่องว่างของเขาไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงพึ่งเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้ ทรัพยากรของพวกเขามีอยู่อย่างจำกัด

แม้สวรรค์สีเหลืองจะเป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่อิงอู๋เซี่ยต้องใช้ความมั่งคั่งที่เหลืออยู่อย่างระมัดระวัง

เพื่อรวบรวมทรัพยากรสิบชุด อิงอู๋เซี่ยแทบหลั่งน้ำตา

‘ข้าต้องประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ!’ อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอยู่ภายใน

สถานการณ์ของเขาเต็มไปด้วยความยากลำบากขณะที่ฟางหยวนดำเนินการได้อย่างราบรื่น

ฟางหยวนพูดคุยกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไว้แล้ว หากการหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรก พวกเขาจะพยายามต่อไป

สำหรับค่าใช้จ่ายในการหลอมรวมวิญญาณอมตะครั้งที่สองหรือสาม ฟางหยวนต้องเป็นคนแบกรับทั้งหมด

แต่เขามีความมั่งคั่งเพียงพอ

การผลิตทรัพยากรในมิติช่องว่างของฟางหยวนลดลงแต่รายได้ของเขากลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า!

เหตุผล?

มันเกี่ยวกับเวลาในมิติช่องว่างของเขาที่เร็วกว่าโลกภายนอกถึงหกสิบเท่า

นั่นหมายความว่าอย่างไร?

หนึ่งวันของโลกภายนอกคือสองเดือนในมิติช่องว่างจักรพรรดิ!

เมื่อเวลาเดินเร็วขึ้น ทรัพยากรก็ถูกผลิตเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตามฟางหยวนจะขายทรัพยากรเหล่านี้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะเขาตั้งใจจำนงภูเขาตงฮันกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถชำระหนี้ทั้งหมด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท