เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1075

ตอนที่ 1075

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1075 อสรพิษเปลี่ยนเป็นมังกร

แปลโดย iPAT

ผมที่หกมองฟางหยวนและหัวเราะโดยปราศจากความหวาดกลัว

หากฟางหยวนต้องการแจ้งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เขาจะไม่นั่งลงและกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา

ผมที่หกกล่าว “ก่อนที่เจ้าจะมาที่นี่ ข้าจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเอาไว้แล้ว ไม่เพียงมันจะซ่อนพวกเราจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มันยังสามารถปิดผนึกข้อตกลงพันธมิตร หากไม่เชื่อ เจ้าสามารถทดลอง”

ฟางหยวนเข้าร่วมนิกายหลางหยา เขาถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยอิสระ

หลังจากได้ยินคำกล่าวของผมที่หก ฟางหยวนทดลองมันและพบว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดข้อตกลงพันธมิตรจริงๆ

ฟางหยวนหรี่ตามองก่อนกล่าว “เจ้าซ่อนตัวได้ดีจริงๆ เอาล่ะ เจ้าต้องการสิ่งใด?”

ผมที่หกรู้สึกโล่งอก เดิมทีเขาเกรงว่าฟางหยวนจะปฎิเสธโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ แต่ตอนนี้อุปสรรคแรกได้ผ่านไปแล้ว

อย่างไรก็ตามผมที่หกไม่สามารถประมาทฟางหยวนบุคคลที่ไร้ยางอายที่สุด แม้จะมีความเสี่ยงแต่ผมที่หกก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทดลองเท่านั้น

การทำธุรกรรมกับฟางหยวนไม่ต่างจากการวางแผนจับพยัคฆ์ มันอันตรายเกินไป

หลังจากธุรกรรมนี้จบลง พวกเขาจะถูกผูกมัดไว้ด้วยกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ผมที่หกจึงจะปลอดภัย

แต่วิธีบรรลุเป้าหมายโดยไม่สูญเสียผลประโยชน์มากเกินไปเป็นปัญหาที่ผมที่หกยังรู้สึกกังวล

‘อิงอู๋เซี่ยกับข้ามีความเป็นอริศัตรูกันอย่างลึกซึ้ง แต่พวกเขากลับมาหาข้าและกระทั่งเปิดเผยตัวตน สิ่งใดที่พวกเขาต้องการจากข้า น่าสนใจ ข้าอยากรู้นักว่าพวกเขากำลังจะทำสิ่งใด?’ ฟางหยวนคิด

“ข้าจะกล่าวตามตรง ตอนนี้ท่านอิงอู๋เซี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง หากไม่ใช่เพื่อความอยู่รอด ข้าจะไม่เปิดเผยตัวและมาพูดคุยกับเจ้า” ผมที่หกกล่าว

ฟางหยวนยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและพิจารณาฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง

ความตรงไปตรงมาของผมที่หกทำให้ฟางหยวนลอบตกใจอยู่ภายใน

เหตุใดเขาจึงเปิดเผยจุดอ่อนของตนเองออกมาก่อนทำธุรกรรม?

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น ในความเป็นจริงแม้ผมที่หกจะไม่กล่าวออกมา ฟางหยวนก็สามารถคาดเดา แต่การกล่าวออกมาโดยตรงแสดงให้เห็นถึงความพยายามครั้งสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

‘ดูเหมือนหลังจากเข้าร่วมนิกายหลางหยา ข้าจะลดความระวังตัวลง กระทั่งฝ่ายตรงข้ามจะเป็นมนุษย์ขน เขาก็ยังเป็นสายลับของนิกายเงา แล้วเขาจะถูกกลั่งแกล้งโดยง่ายเช่นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้อย่างไร?’ ฟางหยวนตื่นตัวมากขึ้น

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนกล่าวอย่างช้าๆ “อิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณทั้งหมดของข้า เขายังได้รับความช่วยเหลือจากไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิง แล้วเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไร? ข้าปฎิเสธที่จะเชื่อ”

ผมที่หกส่ายศีรษะ “ฟางหยวน ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีกต่อไป เจ้าซ่อนเจตจำนงพิเศษไว้ในวิญญาณเหล่านั้นและสั่งให้พวกมันทำลายตัวเอง เจ้าทำให้ท่านอิงอู๋เซี่ยประหลาดใจมาก เขาพยายามรักษาวิญญาณแต่มันเหลือเพียงสามสิบส่วนเท่านั้น”

ได้ยินเรื่องนี้ฟางหยวนมั่นใจแล้วว่าผมที่หกเป็นสายลับของนิกายเงา

นอกจากนั้นเขายังได้รับข้อมูลมากมายจากคำกล่าวของผมที่หก

‘ผู้ใดจะคิดว่าอิงอู๋เซี่ยจะควบคุมไห่ลั่วหลันได้จริงๆ ไห่ลั่วหลันเป็นคนน่าเกรงขาม นางไม่ใช่ตัวตนที่สามารถควบคุมได้โดยง่าย แต่หลังจากป้าของนางเสียชีวิต การจัดการนางก็ง่ายขึ้น นางมีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง หากใช้งานได้ดี นางจะกลายเป็นตัวหมากชั้นยอด’

‘ไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นคนใจดี แม้เขาจะขี้ขลาดเป็นบางครั้ง แต่เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาสองดวง เขาสามารถช่วยเหลือได้มาก แต่พวกเขากลับถูกควบคุมโดยอิงอู๋เซี่ย ช่างน่าอับอายนัก!’

ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับ

หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนได้รับร่างใหม่ขณะที่อิงอู๋เซี่ยได้รับความมั่งคั่งทั้งหมดของเขา

ในฐานะร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ อิงอู๋เซี่ยไม่ขาดแคลนวิธีการที่น่าอัศจรรย์และสามารถควบคุมไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิง

‘อิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณอมตะของข้าและไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่ตอนนี้เขายังต้องการทำธุรกรรมจากข้า ข้าจะทำให้เขาต้องจ่ายในราคาที่สาสม!’ ฟางหยวนคิด

อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดเผยจุดอ่อน ผมที่หกยังกล่าวต่อ “ก่อนทำธุรกรรม ให้ข้าแสดงความจริงใจของพวกเรา เจ้าสามารถคิดว่านี่คือค่าธรรมเนียม มันคือข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการบ่มเพาะในอนาคตของเจ้า กล่าวอีกอย่างมันเกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของเจ้า!”

ฟางหยวนก่นเสียงเย็น “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดมากเกี่ยวกับมูลค่าของมัน ข้าสามารถประเมินด้วยตนเอง”

“ฟางหยวน เจ้ารู้จักเจตจำนงสวรรค์หรือไม่?” ผมที่หกถาม

“เจตจำนงสวรรค์?” ฟางหยวนถามกลับด้วยความสับสน

ผมที่หกพยักหน้าด้วยความเข้าใจก่อนกล่าว “เจ้าพลาดหลายสิ่งจริงๆ ฟางหยวน”

“เจ้าหลายถึงสิ่งใด?” คิ้วของฟางหยวนขมวดเล็กน้อย

ผมที่หกกล่าวต่อ “เจ้าได้รับคำแนะนำจากเจตจำนงสวรรค์และสามารถสลับร่างกับกายาแห่งความฝันของท่านอิงอู๋เซี่ย สุดท้ายจึงได้รับวิญญาณทารกอมตะ แต่เจ้าไม่รู้ว่ากายาแห่งความฝันถูกสร้างขึ้นโดยม่านเยี่ยนซื่อและมีข้อบกพร่องที่ดวงวิญญาณจะสูญเสียความทรงจำ เมื่อเวลาผ่านไปความทรงจำจะสูญหายไปเรื่อยๆ เพราะเรื่องนี้ท่านอิงอู๋เซี่ยจึงสูญเสียความทรงจำและสามารถใช้เพียงท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน”

ผมที่หกนำวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกมา

มันเป็นวิญญาณระดับมนุษย์ทั่วไปแต่มันมีค่ามากสำหรับฟางหยวน หากไม่ใช่สถานการณ์คับขัน พวกเขาจะไม่มอบมันให้กับฟางหยวน

ตามแผนการเดิมของอิงอู๋เซี่ย เขาจะใช้จุดอ่อนนี้จัดการฟางหยวน แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาต้องช่วยฟางหยวนจากจุดอ่อนนี้

“วิญญาณดวงนี้บันทึกข้อมูลก่อนและหลังเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน ลองดู” ผมที่หกส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับฟางหยวน

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงกระตุ้นใช้งานวิญญาณดวงนี้

ภาพเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียนปรากฏขึ้นในใจของเขา

เขาค้นพบความทรงจำที่ขาดหายไปมากมาย

‘ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกแปลกๆ แต่มันกลายเป็นว่าข้าสูญเสียความทรงจำ!’

อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสที่ฉากเหตุการณ์เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกลวงฟางหยวน

หลังจากตรวจสอบหลายครั้ง ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว “ดูเหมือนข้าจะสูญเสียความทรงจำ แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านี่คือเรื่องจริงหรือเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น?”

ผมที่หกกัดฟันแน่น

เขารู้ว่านี่เป็นส่วนที่ยากลำบากที่สุดในการทำธุรกรรมครั้งนี้

ฟางหยวนและอิงอู๋เซี่ยเป็นศัตรูที่ไม่สามารถอยู่ร่วมโลก มีเพียงการแสดงความจริงใจเท่านั้นจึงจะสามารถทำให้ฟางหยวนเชื่อพวกเขา

หากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข ธุรกรรมจะดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

ความคิดของผมที่หกกำลังพุ่งชนกันอย่างรวดเร็ว เขากำลังพิจารณาถ้อยคำที่จะกล่าวกับฟางหยวนอย่างระมัดระวัง หลังจากทั้งหมดฟางหยวนสามารถสังหารผู้คนได้โดยไม่กระพริบตา หากเขากล่าวผิด นั่นอาจหมายถึงความตายของเขา แต่อิงอู๋เซี่ยต้องช่วยเหลือร่างหลักของพวกเขา สิ่งนี้ไม่สามารถล้มเหลว

หลังจากคิดเป็นเวลานาน ผมที่หกจึงเปิดปากกล่าว “ฟางหยวน เจ้ามีวิญญาณกาลเวลา เจ้ามีประสบการณ์ในการกำเนิดใหม่ ทุกคนรู้เรื่องนี้ แต่ความจริงก็คือ แม้เจ้าจะมีความลับมากมาย แต่เจ้าก็มีความเข้าใจน้อยกว่าพวกเรา”

“เจตจำนงสวรรค์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทั้งห้าภูมิภาคและเก้าสวรรค์ มันครอบคลุมทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต วิถีของสวรรค์คือการกำจัดส่วนเกินและรักษาสมดุล วิถีของมนุษย์คือสิ่งตรงข้าม ความต้องการของพวกเราไม่มีที่สิ้นสุด”

“เทพอมตะหรือตัวตนในตำนานเป็นเป้าหมายที่สวรรค์ต้องการกำจัด ภัยพิบัติและวิญญาณอายุยืนต่างเป็นไพ่ตายของมัน ฟางหยวน เจ้ามีประสบการณ์เกี่ยวกับภัยพิบัติมาถึงสองครั้ง ครั้งหนึ่งคือภัยพิบัติพิภพ อีกครั้งคือภัยพิบัติที่เกิดจากการหลอมรวมวิญญาณอมตะ ภัยพิบัติทั้งสองมีพลังอำนาจเกินกว่าหลักเหตุผล นั่นเป็นเพราะเจ้าขโมยวิญญาณทารกอมตะและใช้ร่างใหม่ที่มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด เมื่อเจ้าเติบโตขึ้น เจ้าจะเหนือกว่าเทพอมตะทุกคนก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุนี้สวรรค์จึงต้องการสังหารเจ้าก่อนที่เจ้าจะสามารถเติบโตมากไปกว่านี้”

หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น

เขาพยายามหาคำตอบของคำถามนี้มาตลอด

แต่ตอนนี้ผมที่หกกลับมอบคำตอบให้เขาโดยตรง

‘เจตจำนงสวรรค์…’ ฟางหยวนคิดถึงคำๆนี้

ผมที่หกกล่าวต่อ “ร่างหลักของข้า เทพปีศาจจิตวิญญาณสร้างนิกายเงา กองกำลังพันธมิตรผีดิบ และหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะโดยใช้เวลานับแสนปี แต่สุดท้ายพวกเรากลับล้มเหลว สิ่งนี้เกิดจากเจตจำนงสวรรค์ ไม่เพียงภัยพิบัติใหญ่และหมื่นภัยพิบัติ พวกเรายังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอีกนับไม่ถ้วน วังสวรรค์คือตัวแทนของสวรรค์ ขณะที่เจ้า ฟางหยวน เป็นนักฆ่าที่ซ่อนอยู่ของภัยพิบัติมนุษย์!”

“เจ้าหมายถึงสิ่งใด?” ฟางหยวนรู้สึกสนใจมาก คำกล่าวของผมที่หกกำลังจะทำให้สถานการณ์ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ผมที่หกลังเลเล็กน้อย

เขารู้ว่าเมื่อถ้อยคำเหล่านี้หลุดออกไป จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟางหยวนจะถูกแก้ไข ในความเป็นจริงมันกระทั่งจะทำให้ฟางหยวนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยไม่มีสิ่งใดสามารถกีดขวาง

ฟางหยวนเหมือนอสรพิษที่ดิ้นรนอยู่ในบ่อโคลน แต่เมื่อเขาได้รับข้อมูลนี้ อสรพิษจะมองเห็นโลกใบใหญ่ มันจะกลายเป็นมังกรที่ทะยานขึ้นจากบ่อโคลนและท่องเที่ยวไปทั่วโลกได้อย่างอิสระ

คำพูดเพียงไม่กี่คำแต่พวกมันจะทำให้สถานการณ์ของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้งเชิง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท