เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1072

ตอนที่ 1072

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1072 ผู้นำตระกูลเฉิงคนใหม่

แปลโดย iPAT

ภาคใต้ ภูเขาเฉิงเหลียง

ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ขั้นสุดยอดเฉิงปู้หลี่ยืนอยู่บนยอดเขาภายใต้การจ้องมองของผู้คน

แม้เฉิงปู้หลี่จะมีประสบการณ์มากมายแต่เขายังรู้สึกตื่นเต้น

เพราะนี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของตระกูลเฉิง ผู้คนจากทุกสารทิศมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลไท่ ตระกูลวู และตัวแทนจากกองกำลังอื่นๆ มันมีกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษและผู้ใช้วิญญาณปีศาจ ตัวตนระดับสูงของภาคใต้ทั้งหมดมารวมตัวกันในเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้

ตระกูลเฉิงแตกต่างจากกองกำลังใหญ่อื่นๆ นี่เป็นเพราะสนามประลองของตระกูลเฉิงจะเฟ้นหาตัวตนที่โดดเด่นและรับผู้บ่มเพาะสันโดษหรือผู้ใช้วิญญาณปีศาจเข้าสู่ตระกูล

ไม่เพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์แต่ขอบเขตอมตะก็เช่นกัน

หลังจากทั้งหมดตระกูลเฉิงเป็นพ่อค้าที่ทำธุรกิจกับทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจ

เห็นการปรากฏตัวของเฉิงปู้หลี่ ผู้ใช้วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนบนภูเขาเฉิงเหลียงตระหนักว่างานกำลังจะเริ่มขึ้น

สรรพเสียงหยุดลง เฉิงปู้หลี่รู้สึกกดดันเล็กน้อย

เขาสูดหายใจลึกก่อนจะกล่าวด้วยความสงบ “พิธีสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลเฉิงเริ่มได้”

เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกับฉากเปิดตัวที่อลังการ

จากนอกภูเขา สายรุ้งพุ่งเข้ามาก่อนที่หญิงสาวผู้หนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นในมุมมองสายตาของทุกคนและเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

นางก็คือเฉิงซินซื่อ!

ผู้คนสูดหายใจลึก

“งดงามนัก!”

“นี่คือผู้นำตระกูลเฉิงคนต่อไปงั้นหรือ?”

“งดงามราวกับเทพธิดาที่แท้จริง นางคือผู้ใด?”

แต่เสียงเหล่านี้ถูกกลบโดยเสียงเพลง

ทุกคนมองไปที่เฉิงซินซื่อและส่งข้อความแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

“หญิงผู้นี้เป็นบุตรสาวนอกสมรสของเฉิงเยี่ยนเฟย นางไม่ได้รับความนิยมมากนัก การบ่มเพาะของนางก็ต่ำ แต่ในที่สุดนางกลับกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของตระกูลเฉิง โชคชะตามักเล่นตลกกับผู้คนเสมอ”

“ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ผู้คนมากมายตายอยู่ที่นั่น เรื่องนี้ทำให้ภาคใต้ได้รับผลกระทบที่รุนแรง ตอนนี้สนามรบยังกลายเป็นสถานที่ลึกลับที่สุดของภาคใต้อีกด้วย”

เฉิงซินซื่อเดินมาตามเส้นทางสายรุ้ง

ภายใต้สายตาของผู้คน นางเดินขึ้นสู่ยอดเขาอย่างช้าๆ

เมฆรวมตัวกันอยู่บนท้องฟ้าและส่องแสงสีสันสดใสลงมายังบัลลังก์ของนาง

“วันนี้เจ้ากลายเป็นตัวตนที่สำคัญของโลกผู้ใช้วิญญาณภาคใต้แล้ว” เฉิงชิงชิง ผู้อมตะหญิงของตระกูลเฉิงที่เลือกเฉิงซินซื่อเป็นผู้นำตระกูลกล่าว

“หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ภาคใต้ตกสู่ความสับสนวุ่นวายครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงหลายร้อยปี หญิงผู้นี้จะสามารถนำตระกูลเฉิงและรักษาเสถียรภาพของตระกูลหรือไม่?” เฉิงตันโม่ถาม

ผู้อมตะที่ดูเยาว์วัยในชุดสีน้ำเงินมองเฉิงซินซื่อด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น

เฉิงชิงชิงยิ้ม “ผู้นำตระกูลทุกรุ่นต่างเคยผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบาก เหตุผลที่ข้าเลือกเฉิงซินซื่อไม่เพียงเพราะความสามารถของนางแต่ยังรวมถึงหัวใจของนางอีกด้วย ตัวตนของนางทำให้นางดูมีเสน่ห์และยากที่จะคาดเดา ดูผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของนางที่กำลังหลั่งน้ำตาด้วยความสุข พวกเขามีความภักดีและไว้วางใจเฉิงซินซื่อ คนเหล่านี้มีภูมิหลังที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ตอนนี้พวกเขากลับสามารถอยู่รวมกลุ่ม”

“โอ้” เฉิงตันโม่ถูกชักจูง เขารู้ว่าเฉิงชิงชิงเลือกเฉิงซินซื่อเป็นผู้นำตระกูลไม่เพียงเพราะภาพลักษณ์ แต่นางเฝ้ามองเฉิงซินซื่อมากนานแล้ว

“ผู้ใดจะคิดว่าคุณหนูจะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิงในวันหนึ่ง ฮือ…ฮือ…ฮือ…คุณหนู… พวกเราทำได้ในที่สุด” เสี่ยวตี้มีความสุขมาก นางเป็นสาวใช้คนสนิทของเฉิงซินซื่อ นางเดินทางมายังเมืองเฉิงพร้อมกับเฉิงซินซื่อและมีความภักดีมาก

“นายท่าน หากท่านรู้เรื่องนี้ ท่านต้องมีความสุขมาก คุณหนูแตกต่างจากบุตรคนอื่นๆของท่าน นางจะนำตระกูลเฉิงสู่ความรุ่งโรจน์” เสี่ยวหลานร้องไห้ นางเป็นคนมีความสามารถที่เฉิงเยี่ยเฟยอุปการะไว้ตั้งแต่ยังเด็ก นางถูกมอบหมายให้ดูแลเฉิงซินซื่อ ตอนนี้เมื่อเฉิงเยี่ยนเฟยตาย นางจึงมอบความภักดีทั้งหมดให้แก่เฉิงซินซื่อ

จ้าวฉวนเงียบ

เขาเคยเป็นผู้นำตระกูลจ้าวที่หยิ่งยโส หลังจากตระกูลจ้าวถูกทำลาย เขาที่รอดชีวิตมาเปิดร้านค้าในเมืองเฉิง หลังจากนั้นฟางหยวนบังคับให้เขากลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเฉินซินซื่อ ตอนนี้เมื่อเห็นเฉิงซินซื่อนั่งอยู่บนบัลลังก์ ช่วยไม่ได้ที่ดวงตาของจ้าวฉวนจะส่องประกายขึ้น

เขาคิดถึงรอยยิ้มที่ลึกลับบนใบหน้าของฟางหยวนในเวลานั้น เขาคิด ‘ปีศาจดำขาว ข้าควรขอบคุณพวกเจ้าหรือไม่? ตอนนี้คุณหนูกลายเป็นผู้นำตระเฉิง ตระกูลจ้าวของข้ามีโอกาสกลับมา!’

หลังจากนั้นจ้าวฉวนคิดอีกครั้ง ‘ไม่ ตระกูลจ้าวต้องรอก่อน แม้คุณหนูจะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง แต่ยังมีความขัดแย้งภายใน สถานะการณ์ของนางยังไม่มั่งคง แล้วข้าจะจากไปตอนที่นางต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใต้บังคับบัญชาของนางได้อย่างไร?’

จ้าวฉวนไม่ถูกล่อลวงโดยพิธีการอันยิ่งใหญ่

เขามองไปที่เฉิงปู้หลี่และเหวินเฉียนซาน

เมื่อเฉิงเยี่ยนเฟยยังมีชีวิต พวกเขาเป็นหนึ่งในห้าขุนพลคนสำคัญของตระกูลเฉิง หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ห้าขุนพลของตระกูลเฉิงเหลือเพียงสอง

คนแรกควบคุมการค้าทาสของตระกูลขณะที่คนหลังดูแลเรื่องการรวบรวมทรัพยากรเช่นการล่าสัตว์ รวบรวมสมุนไพร เหมืองแร่ และอื่นๆ

หนึ่งเป็นผู้อาวุโสสายตรงของตระกูลเฉิงและอีกหนึ่งเป็นผู้อาวุโสนอกที่ดูแลผู้ใช้วิญญาณสายนอกของตระกูล

‘ด้วยการคงอยู่ของคนทั้งสอง สถานการณ์ภายในตระกูลของคุณหนูถือว่าเลวร้ายมาก นางอ่อนแอขณะที่ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่ง มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะใช้นางเป็นหุ่นเชิด คุณหนูไม่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคนในตระกูล หลังจากทั้งหมดนางเป็นบุตรสาวนอกสมรส’

‘ปัญหาภายในน่ากังวลแต่ปัญหาภายนอกยิ่งน่ากลัวกว่า อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกที่ การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนทำให้กองกำลังต่างๆสูญเสียผู้นำและผู้เชี่ยวชาญมากมาย ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว ทรัพยากรที่ไร้เจ้าของจะถูกจัดสรรใหม่ คุณหนูมีผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยเกินไป นางจะถูกกดดันอย่างหนัก’

‘ในสาถานการณ์ขับคับ ท่านหญิงเว่ยกลับทิ้งคุณหนูไป!’

คิดถึงเรื่องนี้ จ้าวฉวนมองไปที่ผู้ใช้วิญญาณหญิงที่อยู่ด้านข้างและรู้สึกไม่พอใจ นางก็คือเว่ยตี้ซิน

จ้าวฉวนถือเป็นมือขวาของเฉิงซินซื่อ ดังนั้นเขาจึงรู้ข้อมูลมากมาย

เว่ยตี้ซินเป็นภรรยาของผู้นำตระกูลเว่ย นางมีทักษะในการฝึกผู้พิทักษ์ เดิมทีฟางหยวนใช้จุดอ่อนเรื่องที่นางกำลังตั้งครรภ์บังคับให้นางเป็นผู้พิทักษ์ของเฉิงซินซื่อ แต่ตอนนี้นางให้กำเนิดสายเลือดของสามีสำเร็จแล้ว หลังจากเว่ยเฉินจิงน้องชายของนางค้นพบเรื่องนี้ เขาส่งจดหมายมาและเรียกนางกลับไปรับใช้ตระกูลวูร่วมกับเขา

เว่ยตี้ซินไร้ความภักดีต่อเฉิงซินซื่อมาตั้งแต่ต้น นางเพียงถูกบังคับ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะจากไป

อย่างไรก็ตามสิ่งที่จ้าวฉวนไม่รู้ก็คือขณะที่เขากำลังกังวล เว่ยตี้ซินยิ่งกังวลมากกว่า

จ้าวฉวนเคยเป็นผู้นำตระกูลมาก่อน เขาสามารถมองเห็นภาพใหญ่ แต่เว่ยตี้ซินก็เช่นกัน นางเป็นภรรยาของผู้นำตระกูล ดังนั้นตอนนี้สายตาของนางจึงพุ่งไปที่เสี่ยวหลานและเสี่ยวตี้

‘เฉิงเยี่ยนเฟยตายไปแล้ว ความเป็นอริต่อตระกูลเฉิงของข้าลดน้อยลง’

‘ย้อนกลับไปแม้ข้าจะถูกบังคับโดยปีศาจดำขาวให้ปกป้องคุณหนูเฉิงซินซื่อ แต่หลังจากนั้นข้าก็เริ่มเข้าใจนาง’

‘คุณหนูเป็น…คนดี มีคนดีน้อยมากบนโลกใบนี้’

‘น้องชาย ข้าทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว ข้าไม่สามารถไปช่วยเจ้า!’

‘เจ้าเป็นผู้อาวุโสลับของตระกูลวู ชีวิตของเจ้าปลอดภัย แต่ที่นี่คุณหนูมีอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง’

เว่ยตี้ซินลอบถอนหายใจ

‘ในฐานะของผู้พิทักษ์ ข้าต้องคิดแทนคุณหนู ตอนนี้นางต้องการกำลังคน สามพี่น้องผู้ใช้วิญญาณปีศาจ ซ่งถู ซ่งเฮา และซ่งเฟิง ต้องอยู่! พวกขาไม่สามารถจากไป!’

‘ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูก็ต้องมีผู้พิทักษ์ส่วนตัว เฉิงเยี่ยนเฟยตายไปแล้ว ตระกูลเฉิงเหลือขุนพลเพียงสองคน พวกเราไม่สามารถปล่อยให้พวกเขากีดขวางคุณหนู พวกเราต้องหาขุนพลเลือดใหม่ เสี่ยวเยี่ยนคือตัวเลือกที่ดี! เขาไม่เพียงมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่น เขายังนับถือเว่ยหยางเป็นต้นแบบ เพราะปีศาจดำขาว เว่ยหยางและเสี่ยวเยี่ยนจึงมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคุณหนู’ เว่ยตี้ซินวางแผนอยู่ในใจ

บนท้องฟ้า เฉิงซินซื่อกล่าวสุนทรพจน์สั้นๆแต่มีความหมายที่ลึกซึ้งต่อหน้าผู้คนเป็นครั้งแรก

หลังกล่าวจบประโยค เสียงปรบมือสรรเสริญจึงปะทุขึ้น แต่พิธีรับสืบทอดตำแหน่งยังไม่จบ สิ่งที่ตามมาคืองานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่

ร่างของเฉิงซินซื่ออันตรธานหายไปก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งที่คฤหาสน์ของเมืองชั้นใน

“ช่างเหนื่อยนัก…” นางพึมพำแต่นางรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาพักผ่อน

นางใช้วิญญาณเรียกผู้ใต้บังคับบัญชา

เสี่ยวหลาน เสี่ยวตี้ เว่ยตี้ซิน จ้าวฉวน ซ่งถู ซ่งเฮา และซ่งเฟิง

เฉิงซินซื่อมีบางสิ่งที่ต้องจัดการ

เย่ฟานเดินอยู่บนถนน ดวงตาของเขาส่องประกายสว่างไสว

ด้วยการปกป้องเฉินซินซื่อในสถานการณ์อันตรายและปฎิเสธที่จะหลบหนี เขาจึงได้รับรางวัลจากเฉิงชิงชิงเป็นมรดกที่ยอดเยี่ยมและวิญญาณอีกมากมาย

หลังจากได้รับมรดกนี้ อนาคตของเขากลายเป็นสดใส

เขาตัดสินใจที่จะตอบแทนบุญคุณของเฉินซินซื่อ

‘ผู้ใดจะคิดว่าท่านหญิงซินซื่อจะกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง…แต่ในฐานะผู้นำตระกูล มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับข้า ข้าควรตัดใจจากนางหรือไม่?’

คิดถึงเฉิงซินซื่อ หัวใจของเย่ฟานเต้นเร็วขึ้น

เขาพัฒนาความรู้สึกที่มีต่อเฉินซินซื่อแต่เขาไม่รู้ว่าเฉินซินซื่อคิดอย่างไรกับเขา

เย่ฟานเดินเข้าไปในคฤหาสน์ของนางโดยไม่มีผู้ใดค้นพบ

เมื่อเขาเห็นนาง เขาเริ่มเดินเร็วขึ้น

เขายืนอยู่ที่ประตูหลังแต่ก่อนที่เขาจะเคาะประตู เขาได้ยินเสียงของเฉิงซินซื่อดังมาจากภายใน “ทุกคนฟังข้า หลังจากกลายเป็นผู้นำตระกูล มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องทำเป็นอันดับแรก เรื่องนี้ติดอยู่ในหัวใจของข้ามานานแล้ว ข้าต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลจับกุมปีศาจดำ! และแน่นอนว่ารวมถึงพี่สาวปีศาจขาวด้วย”

เย่ฟานหยุดนิ้วที่กำลังจะเคาะประตู

เฉินซินซื่อกำลังพูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชาของนางขณะที่เฉิงชิงชิงและผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลกำลังหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ของภาคใต้อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติที่มีชีวิต

แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติที่มีชีวิตเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลเฉิง มันมีเสถียรภาพมาและอนุญาตให้ผู้อมตะจำนวนมากเข้าไป

ประตูของแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็คือประตูสมบัติที่มีใบหน้ามนุษย์อยู่บนบานประตูและสามารถแลกเปลี่ยนสมบัติผ่านรูจมูก

“หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ภาคใต้ตกสู่ความสับสนวุ่นวายและไม่สงบสุขอีกต่อไป” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉิงกล่าว

เขามองไปรอบๆก่อนกล่าวต่อ “ตอนนี้เรามีสามเรื่องสำคัญ”

“หนึ่ง กองกำลังพันธมิตรผีดิบของทั้งห้าภูมิภาคหายไปอย่างลึกลับ ตระกูลเฉิงต้องยึดครองทรัพยากรของพวกเขา”

“สอง ภูเขาอี้เทียนถูกปกคลุมด้วยอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ กองกำลังฝ่ายธรรมะกำลังร่วมมือกันปิดล้อมสถานที่แห่งนั้นเอาไว้เพื่อทำวิจัยและปกป้องมันจากผู้บ่มเพาะสันโดษ”

“สาม การแข่งขันบนภูเขาอี้เทียนไร้บทสรุปแต่มีทรัพยากรจำนวนมากตกค้างอยู่ในสวรรค์สีเหลือง ผู้เดิมพันคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่และสามารถรับสมบัติทั้งหมดคือผู้อมตะกั่วหลาว เราต้องควบคุมเขา!”

ผู้อมตะทั้งหมดของตระกูลเฉิงพยักหน้า ทั้งสามเรื่องเป็นเหตุการณ์สำคัญของโลกผู้อมตะภาคใต้ในเวลานี้ ผู้คนมากมายกำลังกังวลเกี่ยวกับพวกมัน

“ข้าจะจัดการเรื่องสวรรค์สีเหลือง…” เฉิงชิงชิงกำลังกล่าวแต่ทันใดนั้นการแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไป “เกิดสิ่งใดขึ้น? สวรรค์สีเหลืองปิดงั้นหรือ!?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท