เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1078

ตอนที่ 1078

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1078 ธุรกรรมกับนิกายเงา (3)

แปลโดย iPAT

ไม่เคยมีวิธีขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาคที่ดีมาก่อน

เพราะมันแทบจะไม่จำเป็นสำหรับพวกเขา

เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะของภูมิภาคนั้นๆเนื่องจากการดูดซับปราณสวรรค์พิภพในพื้นที่ ตัวอย่างเช่นผู้อมตะภาคเหนือหรือผู้อมตะภาคกลาง

ผู้อมตะจะยึดติดกับภูมิภาคของตน ผู้อมตะภูมิภาคอื่นจะถูกขับไล่เช่นเดียวกับไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิงที่ถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะภาคใต้ ณ จุดนี้มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทะเลตะวันออกค่อนข้างเปิดกว้างมากกว่า

ในความเป็นจริงเรื่องภูมิภาคไม่ใช่จุดสำคัญแต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้อมตะต้องวางมิติช่องว่างของพวกเขาลงและดูดซับปราณสวรรค์พิภพเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับมัน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจงมาก กล่าวคือผู้อมตะภาคเหนือก็ต้องดูดซับปราณสวรรค์พิภพของภาคเหนือ หากพวกเขาวางมิติช่องว่างลงในอาณาเขตของภาคกลางและดูดซับปราณสวรรค์พิภพของที่นั่น พวกเขาจะพบปัญหาใหญ่

ประเด็นต่อมาคือภัยพิบัติสวรรค์พิภพ ผู้อมตะต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเป็นครั้งคราว แล้วผู้ใดจะมีเวลาวิ่งไปรอบๆ? อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ต้องมีเหตุผลสำคัญหรือเงื่อนงำเกี่ยวกับมรดกที่ยิ่งใหญ่ อีกกรณีคือภารกิจเช่นเดียวกับฟงจิวเก้อ

โดยปกติแทบไม่มีผู้อมตะคนใดพยายามที่จะเดินทางไปต่างภูมิภาค

หากพวกเขาต้องการวิญญาณหรือทรัพยากรอมตะ พวกเขาจะค้นหาพวกมันในสวรรค์สีเหลือง

ในประวัติศาสตรมันหาได้ยากมากที่ผู้คนจะสร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาค กระทั่งสุดยอกค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ของกองกำลังพันธมิตรผีดิบยังสามารถขนส่งเพียงทรัพยากรอมตะเท่านั้น

ผู้ใดจะทุ่มเทเวลาและความพยายามเพื่อสิ่งที่แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์?

ผู้อมตะมีแรงกดดันอย่างมากเกี่ยวกับความอยู่รอด แม้พวกเขาจะถูกเรียกว่าผู้อมตะ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถคงอยู่ตลอดกาล จัดการมิติช่องว่าง ยกระดับวิญญาณอมตะ และรับมือภัยพิบัติ เพียงสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ชีวิตพวกเขายุ่งมากพอแล้ว

ดังนั้นตลอดระยะเวลาอันยาวนานวิธีการขนส่งผู้อมตะข้ามภูมิภาคจึงไม่เคยถูกพัฒนาขึ้น กระทั่งสิบนิกายโบราณก็ยังต้องให้ผู้อมตะของพวกเขาเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคโดยตรงเพื่อไปยังภาคเหนือ

ในห้องโถง ฟางหยวนหัวเราะ

หลังจากไตร่ตรอง เขาเข้าใจธุรกรรมครั้งนี้อย่างชัดเจน

“ฟางหยวน เจ้าหัวเราะเพราะเหตุใด?” ผมที่หกรู้สึกสังหรณ์ร้าย

“เพราะข้ามีความสุข กระทั่งสุดยอดค่ายกลวิญญาณก็ยังสามารถขนส่งเพียงทรัพยากรอมตะ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว ลืมเกี่ยวกับข้อมูลไปซะ เงื่อนไขแรกของข้าคือร่างเดิมของข้า ส่งมันมาให้ข้าเป็นอันดับแรก” ฟางหยวนกล่าว

การแสดงออกของผมที่หกเปลี่ยนไป

เขารู้เกี่ยวกับวิญญาณสติปัญญา

หากฟางหยวนได้รับร่างเดิม เขาจะสามารถใช้แสงแห่งปัญญาได้อีกครั้ง

แล้วสิ่งใดจะเกิดขึ้น?

เขาจะกลายเป็นเสือติดปีกและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

ในอดีตฟางหยวนมีจุดอ่อน เขาไม่เคยให้อาหารวิญญาณสติปัญญา แต่ตอนนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถให้อาหารมัน

ฟางหยวนรู้เรื่องเจตจำนงสวรรค์เรียบร้อยแล้ว หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณสติปัญญา แล้วผู้ใดจะหยุดเขาได้อีก? เขาจะกลายเป็นมังกรวารีที่ทะยานขึ้นจากมหาสมุทร และต้องไม่ลืมว่าเขายังมีมิติช่องว่างจักรพรรดิ

‘โอ้ ไม่’ ผมที่หกกรีดร้องอยู่ภายใน เมื่อคิดถึงองค์ประกอบทั้งหมด เขารู้สึกตกใจมาก หากรวมพวกมันเข้าด้วยกัน ความแข็งแกร่งของฟางหยวนจะไม่สามารถจินตนาการถึง!

ผมที่หกส่ายศีรษะ “หากไม่มีร่างกาย ท่านอิงอู๋เซี่ยจะหลบหนีจากสถานการณ์นี้ได้อย่างไร?”

“ข้ามี” ฟางหยวนหัวเราะ “ข้ามีร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมากมาย! พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนกันหนึ่งต่อหนึ่ง พวกเจ้าจะไม่พบกับความสูญเสียอย่างแน่นอน ร่างผีดิบอมตะเหล่านี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามากกว่าร่างเดิมของข้า พวกเจ้ากระทั่งจะได้รับผลกำไร”

‘กำไรกับตูดเจ้าสิ!’ ผมที่หกสบถอยู่ในใจ การแสดงออกของเขากลายเป็นน่าเกลียด เขาหัวเราะเย้ยหยัน “อย่าให้มันมากเกินไป คิดว่าข้าไม่รู้เจตนาของเจ้างั้นหรือ?”

“โอ้ เช่นนั้นเจ้าก็รู้เกี่ยวกับวิญญาณสติปัญญา” ฟางหวนลูบคางของเขา

“วิญญาณอมตะและข้อมูลสามารถซื้อขายแต่ร่างกาย…ไม่มีทาง!” ผมที่หกเร่งปฏิเสธ

อารมณ์ของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้องกล่าวอีก! ลาก่อน!”

ฟางหยวนยืนขึ้นและโบกมือไล่ผมที่หก

“…..” ผมที่หกตะลึง

ร่างกายของเขาแข็งค้างและไม่สามารถขยับเขยื้อน

เห็นเช่นนี้ฟางหยวนลอบเย้ยหยันอยู่ภายในก่อนจะสะบัดแขนเสื้อและเตรียมตัวจากไป

ผมที่หกตื่นขึ้นจากภวังค์ “ฟางหยวน เดี๋ยว!”

“เจ้าตกลงแล้วงั้นหรือ?” ฟางหยวนกล่าวโดยไม่หันหลังกลับ

“ร่างกายไม่สามารถซื้อขาย แต่ส่วนที่เหลือสามารถเจรจา” ผมที่หกยืนยัน

ฟางหยวนเย้ยหยัยและเดินจากไปโดยทิ้งผมที่หกเอาไว้ข้างหลัง

ผมที่หกเร่งติดตาม “พวกเรามีความจริงใจในการทำธุรกรรม! ฟางหยวน เหตุใดเจ้าต้องทำให้มันเป็นเรื่องยาก? หากพวกเราพบปัญหา เจ้าก็ไม่สามารถหลบหนี!”

ฟางหยวนหยุดแต่ยังไม่หันหลังกลับ นี่เป็นการแสดงออกที่หยาบคายมาก

ผมที่หกได้ยินฟางหยวนกล่าว “เจ้าพูดถูก แต่แล้วอย่างไร? สิ่งใดจะตามมา ข้าจะตายงั้นหรือ?”

ผมที่หกหยุดเดินตามและเร่งกระตุ้น “ฟางหยวน เหตุใดยังต้องกล่าวถึงสิ่งเหล่านี้? นิกายเงายังอยู่รอบๆ มีศัตรูมากมายเท่าใดที่กำลังไล่ล่าเจ้า? ปราศจากพวกเรา เจ้าจะอยู่ได้นานเท่าใด? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถรับมือเจตจำนงสวรรค์งั้นหรือ? กระทั่งร่างหลักของข้ายังล้มเหลวหลังจากวางแผนมานานนับแสนปี! หากไม่ใช่เพราะศัตรูมุ่งเป้ามาที่พวกเรา เจ้าจะสามารถอยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้งั้นหรือ?”

“หุบปาก!” คลื่นดาบปะทุขึ้นรอบตัวฟางหยวน

วิญญาณอมตะคลื่นดาบระดับเจ็ด!

ผมที่หกถูกบังคับให้ก้าวถอยหลัง เขาเร่งกล่าว “ใจเย็น อย่าใช้วิญญาณอมตะ มันจะทำลายค่ายกลวิญญาณของข้า หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาค้นพบ มันย่อมไม่ส่งผลดีต่อพวกเราทั้งคู่”

ฟางหยวนเดินไปข้างหน้า “ร่างเดิมของข้าคือเงื่อนไขแรก หากไม่ได้รับสิ่งนี้ก็ลืมเรื่องอื่นไปได้เลย เจ้ามีเวลาสามวัน กลับไปและปรึกษากับอิงอู๋เซี่ย”

ผมที่หกกระทืบเท้า “สามวัน? ฟางหยวน เจ้ารู้ว่าท่านอิงอู๋เซี่ยกำลังเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเราต้องต่อสู้กับเวลา”

ฟางหยวนเดินต่อไปข้างหน้า “ดีแล้วที่เจ้าตระหนักถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นก็รีบตัดสินใจ ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี ถูกต้องหรือไม่?”

ผมที่หกกัดฟันแน่น “ฟางหยวน อย่าให้มันมากเกินไป!”

“หากข้าทำแล้วอย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนแรกที่ตายก่อน ข้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างสงบสุขอีกระยะหนึ่ง แล้วพวกเจ้า? ปราศจากอิงอู๋เซี่ย ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณจะติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันตลอดไป ฮ่าฮ่า กระทั่งเทพปีศาจที่ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องตายก่อนข้า ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะขณะเดินออกจากประตูและหายไปจากมุมมองสายตาของผมที่หก

ผมที่หกยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมด้วยดวงตาสีแดงเลือด

ทัศนคติและความไร้ยางอายของฟางหยวนทำให้ผมที่หกแทบไม่สามารถอดทน

อย่างไรก็ตามหลังจากครึ่งวันผมที่หกก็ต้องกลับมาพบฟางหยวนอีกครั้ง

“ท่านอิงอู๋เซี่ยตกลง” ผมที่หกมองฟางหยวนด้วยสายตาที่ต้องการฉีกเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

นี่ทำให้ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างที่สุดของอิงอู๋เซี่ย

นี่เป็นทั้งเรื่องดีและไม่ดี

ฟางหยวนต้องการทำกำไรจากการแลกเปลี่ยนแต่เขาก็ต้องการใช้อิงอู๋เซี่ยเป็นโล่ป้องกันศัตรูเช่นกัน มันจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับฟางหยวนหากวังสวรรค์กับนิกายเงาต่อสู้กัน

“พวกเราจะแลกเปลี่ยนร่างผีดิบอมตะเป็นอันดับแรก” ฟางหยวนกล่าว “หากข้าพบว่าพวกเจ้าใช้เล่ห์กลกับร่างกายของข้าก็อย่าโทษข้าหากข้าทำสิ่งใด พวกเจ้ารู้ว่าข้าย้อนเวลากลับมาในอดีต ข้าสามารถใช้วิธีในอนาคต…”

“เป็นไปไม่ได้! พวกเราจะทำธุรกรรมทั้งหมดในครั้งเดียว!” ผมที่หกไม่โง่

แต่ฟางหยวนก็ไม่ใช่ตัวตนที่สามารถรับมือได้โดยง่าย

เพียงไม่นานผมที่หกก็พ่ายแพ้ เขาชูสามนิ้ว “เอาล่ะ พวกเราจะแลกเปลี่ยนร่างผีดิบอมตะเป็นอันดับแรก แต่จะมีการแลกเปลี่ยนอีกเพียงสองครั้ง รวมทั้งหมดเป็นสามครั้ง!”

สามวันต่อมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทั้งสองเริ่มทำการแลกเปลี่ยน

“ตกลง ต่อไปเป็นวิญญาณอมตะ ข้าต้องการวิญญาณอมตะทั้งหมดของข้ารวมถึงวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า” ฟางหยวนกล่าว

ผมที่หกแสดงออกด้วยความอยากรู้อยากเห็น “วิญญาณอมตะมากมาย เจ้ามีทรัพยากรอมตะมากพอที่จะแลกเปลี่ยนกับพวกมันงั้นหรือ?”

ฟางหยวนหัวเราะ “แน่นอน”

ไม่กี่นาทีต่อมา

“คำว่า แน่นอน ของเจ้าหมายถึงสิ่งใด!? พวกมันไม่เพียงพอแม้แต่จะซื้อวิญญาณอมตะสามสิบส่วน!” ผมที่หกกรีดร้อง

“เช่นนั้นพวกเราสามารถยกเลิกธุรกรรม ข้าไม่ได้ใช้เล่ห์กลใด ข้าจริงใจมากๆ” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

“จริงใจมากมารดาเจ้าสิ!” ผมที่หกสาปแช่ง

การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นแข็งกร้าว “นี่หมายความว่าเจ้าไม่ต้องการทำธุรกรรมต่อใช่หรือไม่?”

ร่างของผมที่หกแข็งค้าง เขารู้สึกราวกับจมลงสู่ธารน้ำแข็ง

ธุรกรรมครั้งที่สองเป็นสงครามน้ำลายที่ยาวนาน

ฟางหยวนเสนอราคาต่ำมาก นิกายเงาไม่สามารถยอมรับ

หลังจากหลายวันพวกเขาจึงบรรลุข้อตกลง

ฟางหยวนเพิ่มราคาขึ้นเล็กน้อยแต่เขายังได้กำไรขนาดใหญ่

ผมที่หกรู้สึกหดหู่ใจ ตอนนี้เขามาถึงสุดทางแล้ว

‘โชคดีที่ยังเหลือครั้งสุดท้าย…’

ธุรกรรมครั้งที่สาม

“อันใด!? พวกเราตกลงทำธุรกรรมสามครั้ง เหตุใดเจ้าจึงขยายเป็นสิบ!?”

“ฟางหยวน เจ้าช่างไร้ยางอายนัก!”

“เจ้ามองไม่เห็นภาพใหญ่ เช่นนั้นก็ตายไปพร้อมกัน!”

ผมที่หกกรีดร้อง เขาแทบกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ

ฟางหยวนกล่าวอย่างใจเย็น “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ใช่คนแรกที่ตาย คนแรกคืออิงอู๋เซี่ย ต่อมาก็เทพปีศาจจิตวิญญาณ หลังจากทั้งหมดเขาติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ ดวงวิญญาณของเขาจะถูกกลืนกินด้วยความเร็วสูง”

“เร็วมาก…”

“เร็วมาก…”

“เร็วมากๆ…”

คำกล่าวของฟางหยวนดังสะท้อนอยู่ในใจของผมที่หกก่อนที่เขาจะล้มลงหมดสติไป ณ จุดนั้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท