เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1085

ตอนที่ 1085

ทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1085 การเดินทางสู่ไท่ชิว

แปลโดย iPAT

สถานที่ที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาชี้ไปคือไท่ชิว!

เป้าหมายที่แท้จริงของฟางหยวนก็คือไท่ชิวเช่นกัน

แต่มันไม่เหมาะสมที่ฟางหยวนจะกล่าวออกมาโดยตรง เขาต้องการให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหาคำตอบที่ถูกต้องด้วยตัวของเขาเอง

ไท่ชิวเป็นหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามของภาคเหนือ

มันเป็นป่าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้อายุอย่างน้อยหลักร้อยปีขึ้นไป

ต้นไม้เหล่านี้ก่อตัวเป็นป่าดึกดำบรรพ์ตามธรรมชาติ

ภายในป่าเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรเดียวดาย สัตว์อสูรบรรพกาล และสัตว์อสูรแรกกำเนิด

ผู้อมตะส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าไป ผู้อมตะระดับแปดยังต้องระวังตัว ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้พวกเขาทิ้งชีวิตไว้ที่นี่

ตงฟางชางฟานจัดตั้งมรดกของเขาไว้ที่นี่ก่อนหน้านี้ ต่อมาฟางหยวนและคนอื่นๆก็เข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ไท่ชิว

“สถานที่แห่งนี้…เจ้าน่าจะคุ้นเคยดีถูกต้องหรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายิ้ม

ฟางหยวนตอบ “ข้าค่อนข้างคุ้นเคยเพราะเรื่องของตงฟางชางฟาน”

เขามองจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและตระหนักว่าฝ่ายหลังรู้เรื่องของเขาเป็นอย่างดี

“ข้าจะจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ที่ไท่ชิว เจ้าคิดเห็นอย่างไร?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม

ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงลังเล “กล่าวตามตรง ข้าไม่แนะนำให้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ที่ไท่ชิว มันเป็นเพราะข้าคุ้นเคยเล็กน้อยและรู้สึกว่าพวกเราไม่สามารถทำมัน ที่นั่นคือรังของสัตว์ร้าย ความปั่นป่วนเพียงเล็กน้อยก็สามารถดึงดูดคลื่นสัตว์อสูร นอกจากสัตว์อสูรเดียวดายยังมีสัตว์อสูรบรรพกาล มีความเป็นไปได้เช่นกันที่สัตว์อสูรแรกกำเนิดจะปรากฏตัวออกมา”

“ข้าเคยต่อสู้ที่นั่นมาก่อน แต่นั่นเป็นเพราะตงฟางชางฟานสร้างสนามรบโดยใช้ซากศพของค้างคาวมรณะแรกกำเนิด กลิ่นอายของมันสามารถขับไล่สัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาล เพียงเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น กลิ่นอายของมันจึงถูกกำจัดออกไป หลังจากซากศพของค้างคาวมรณะแรกกำเนิดถูกทำลาย สัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาทันที พวกเราสามารถเห็นความน่าสะพรึงกลัวของไท่ชิวจากเรื่องนี้”

“หากพวกเราจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้รอบนอกของไท่ชิว พวกเราจะสามารถเดินทางไปกลับ แต่ผู้อมตะของนิกายหลางหยาอาจถูกค้นพบโดยกองกำลังอื่น หากจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ในส่วนลึกของไท่ชิว เมื่อเกิดความผิดพลาดในการต่อสู้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเราจะสามารถล่าถอย”

“เพราะเหตุนี้กองกำลังอื่นจึงไม่กล้าแตะต้องไท่ชิว นิกายของเรายิ่งต้องระวังมากกว่าพวกเขา สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี”

ฟางหยวนวิเคราะห์และพยายามโน้มน้าวจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาลอบหัวเราะอยู่ในใจ

เขายกมือตบไหล่ฟางหยวนและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ฟางหยวน เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่เจ้าสามารถมั่นใจได้ ลองดูว่านี่คือสิ่งใด?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยานำวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลออกมา

หลังจากฟางหยวนเห็นมัน เขาแสร้งทำเป็นตกใจมาก “นี่…นี่…นี่คือแผนที่อย่างละเอียดของไท่ชิว! มันคือความช่วยเหลือจากเทพเจ้าในช่วงเวลาสำคัญอย่างแท้จริง! รากฐานของนิกายหลางหยาช่างลึกล้ำนัก หากข้าไม่เห็นสิ่งนี้กับตาของตนเอง ข้าอาจไม่เชื่อ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กดี เจ้าได้เปิดหูเปิดตาหรือยัง?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอย่างมีความสุขและสะบัดมือออกไป

“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม!” ฟางหยวนยกย่องซ้ำๆ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอธิบายด้วยความตื่นเต้น “ในอดีต เพื่อรวบรวมทรัพยากรอมตะจากไท่ชิว ร่างหลักของข้าเดินทางไปที่นั่นซ้ำแล้วซ้ำอีกกระทั่งได้รับสิ่งนี้”

“เป็นเช่นนั้น” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ในความเป็นจริงเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว

มันเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาที่เขาได้รับจากนิกายเงา

แผนที่ไท่ชิวทำให้ฟางหยวนสามารถวางแผนโดยใช้โลกใต้บาดาลเป็นเหยื่อล่อลวงให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิดถึงสถานที่แห่งนี้

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาชี้นิ้วออกไป “แผนที่ฉบับนี้ไม่เพียงบันทึกลักษณะภูมิประเทศทั้งหมดของไท่ชิว มันยังระบุตำแหน่งที่ตั้งของรังสัตว์อสูรต่างๆ แต่แผนที่ฉบับนี้ถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในไท่ชิว”

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งกล่าวถูกต้องแล้ว ข้ากังวลเรื่องนี้เช่นกัน” ฟางหยวนเร่งตอบรับ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “ไม่ใช่ว่าเจ้าคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้งั้นหรือ? เจ้าเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์และมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ ข้าควรส่งเจ้าไปสำรวจที่นั่น…”

ฟางหยวนผุดลุกขึ้นยืนและกล่าวโดยปราศจากความลังเล “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง เพียงออกคำสั่ง ภารกิจนี้มีเพียงข้าที่ทำได้ ข้าจะปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่ สามารถรับใช้นิกายถือเป็นเกียรติของข้าแล้ว!”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะอยู่ในหัวใจและวางมือบนไหล่ของฟางหยวน “ดี ฟางหยวน ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ วางใจได้ นิกายจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรม ในการเดินทางครั้งนี้ เป้าหมายคือตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่ฉบับนี้ หากเจ้ามีโอกาส จงจัดตั้งรูปแบบพื้นฐานของค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่เอาไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม”

“เครื่องหมายสามจุดในแผนที่เป็นตำแหน่งที่มีซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด เจ้าจงไปตรวจสอบที่นั่น หากเจ้าสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ในตำแหน่งเหล่านี้ นั่นจะยอดเยี่ยมมาก”

“แน่นอนว่าเจ้าต้องดูแลตนเองและเคลื่อนไหวอย่างลับๆ หากเจ้าถูกพบโดยมนุษย์ เจ้าอย่าเอ่ยถึงนิกายหลางหยา”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวเตือน

ฟางหยวนเร่งพยักหน้าและตบหน้าอกของตนเองด้วยความมั่นใจ “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ท่านวางใจได้ ข้าจะเตรียมตัวและออกเดินทางทันที!”

“ดี ดี” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะเสียงดัง

แท้จริงแล้วเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวมากนัก รากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาลึกมาก ฟางหยวนสามารถฝากภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาไว้ที่นี่ได้อย่างไร้กังวล

แม้จะมีสายลับจากนิกายเงา พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดในสถานการณ์นี้ ผมที่หกแทบจะไร้ประโยชน์ ด้วยการคงอยู่ของนิกายหลางหยา ไม่มีผู้ใดกล้าบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาในเวลานี้

สำหรับวังสวรรค์ แม้พวกเขาจะค้นพบที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แล้วพวกเขาจะสามารถทำสิ่งใด?

ระหว่างสงครามห้าภูมิภาค วังสวรรค์โจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา สุดท้ายฟงจิวเก้อยังตกตายอยู่ที่นี่ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือตอนนี้สงครามห้าภูมิภาคยังไม่เกิดขึ้น

หลังจากตรวจสอบวิญญาณอมตะของเขาอีกครั้ง ฟางหยวนตัดสินใจนำพวกมันไปด้วยเกือบทั้งหมด สำหรับร่างผีดิบอมตะ เขานำมันไปเช่นกัน มิติช่องว่างจักรพรรดิมีพื้นที่มากพอที่จะเก็บทรัพย์สมบัติเหล่านี้

กล่าวถึงร่างผีดิบอมตะ มันค่อนข้างมีปัญหา โดยเฉพาะวิญญาณกาลเวลาที่ถูกปิดผนึกและไม่สามารถดูดซับสายธารแห่งกาลเวลา มันกำลังหิวโหยและอาจตายในไม่ช้า สิ่งสำคัญอีกประการก็คือเจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายในวิญญาณกาลเวลา

ฟางหยวนรู้เรื่องนี้จากการทำธุรกรรมกับนิกายเงา

ข้อมูลเกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์ถือเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่!

‘ข้ามีมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันเป็นโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ข้าเก็บวิญญาณกาลเวลาเอาไว้และยังมีอสูรหิมะที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ หากข้าไปไท่ชิว ข้าจะพบอุปสรรคที่ไม่คาดคิด เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ข้ารีบกลับมาจากภาคใต้ ข้าพบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล ต่อสู้กับฉีช่าย และอื่นๆอีกมากมาย’

ฟางหยวนไม่ถูกขังอยู่ในที่มืดอีกต่อไป ตรงข้าม เขาเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

เจตจำนงสวรรค์มีขีดจำกัดของมันเอง

หลังจากเข้าใจเจตจำนงสวรรค์ ภัยคุกคามจากมันจึงลดน้อยลง

ดังคำกล่าวที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ภัยพิบัติพิภพครั้งแรกรุนแรงกว่าปกติ แต่ภัยพิบัติที่เกิดจากแดนน้ำแข็งกลับเป็นความช่วยเหลือที่เขาไม่รู้ตัว

เหตุผลก็คือภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ได้รับอิทธิพลจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งและปรากฏตัวในรูปแบบของสัตว์อสูรเช่นอินทรีย์มงกุฎเหล็กหรือค้างคาวมรณะที่มีเจตจำนงสวรรค์อยู่ภายใน

ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นพวกมันจะไม่หยุดจนกว่าจะสามารถกำจัดฟางหยวน

นอกจากนั้นอิทธิพลจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งยังทำให้ภัยคุกคามจากอสูรหิมะลดน้อยลง

ปัจจุบันอสูรหิมะยังอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน พวกมันเก็บเจตจำนงสวรรค์เอาไว้ภายในเช่นเดียวกับวิญญาณกาลเวลา เมื่อฟางหยวนออกไปยังโลกภายนอก พวกมันจะกลายเป็นคบเพลิงที่ส่องแสงสว่างอยู่ท่ามกลางความมืดและทำให้เจตจำนงสวรรค์ตระหนักถึงฟางหยวน

‘เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวมันเอง เว้นเพียงในช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ เมื่อข้าออกไปยังโลกภายนอก เจตจำนงสวรรค์จะส่งอิทธิพลต่อบางคนและส่งพวกเขามาสังหารข้า เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะจัดการพวกมันทั้งหมด!’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ไม่นานหลังจากนั้น

‘ข้าออกมาแล้ว!’ ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณสายป้องกันและตรวจสอบทันที

สายตาของเขากวาดมองไปทุกทิศทาง การรับรู้ของเขาครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีหนึ่งหมื่นก้าว

มันค่อนข้างปลอดภัย

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้หลายตำแหน่ง นี่ถือเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

การจัดเตรียมนี้ถือว่าฉลาดกว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้า

ฟางหยวนเคยใช้ค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่แห่งแรกที่อยู่บนหน้าผาเฟิงโป้ ตอนนี้เขายังได้เรียนรู้ตำแหน่งที่ตั้งของค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่แห่งที่สอง มันก็คือที่ราบมังกรคชสารของภาคเหนือ

‘ข้าต้องเคลื่อนไหวทันที มันไม่ปลอดภัยที่จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน’

ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากบินออกมาจากมิติช่องว่างจักรพรรดิและนำร่างของเขาพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกศร

วิสัยทัศน์ของเขาขยายขึ้นและสามารถมองเห็นภูมิประเทศด้านล่าง

ที่ราบมังกรคชสารเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์และมีฝูงมังกรคชสารอาศัยอยู่ทุกหนทุกแห่ง

นี่เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงและอยู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียง

‘ช่างเป็นภาพที่งดงามนัก’ ฟางหยวนชื่นชมขณะปกปิดตัวตนและบินไปข้างหน้า

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท