เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1100

ตอนที่ 1100

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1100 สถานการณ์ของเผ่าไห่

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนไตร่ตรองและเลือกที่จะรอ

หลังจากภัยพิบัติพิภพครั้งที่สอง เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์

‘ไท่ชิวดูเหมือนสงบแต่เจตจำนงสวรรค์ได้วางกับดับรอข้าไว้แล้ว’

‘ก่อนหน้านี้นิกายหลางหยาสามารถพัฒนาไท่ชิวได้อย่างราบรื่นเพราะเจตจำนงสวรรค์ต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเขา’

‘ตอนนี้หมาป่าดาวตกเพลิงปรากฏตัวขึ้น มันพิสูจน์ให้เห็นว่าเจตจำนงสวรรค์พยายามใช้นิกายหลางหยาเพื่อบีบบังคับให้ข้าออกไป’

‘ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถออกไป’

บางทีฟางหยวนอาจคิดมากไปเอง? บางทีเจตจำนงสวรรค์อาจไม่สามารถทำทุกสิ่ง? หรือบางทีเจตจำนงยังไม่ได้เริ่มแผนการที่ไท่ชิว?

ฟางหยวนคิดถึงความน่าจะเป็นทั้งหมดแต่เขาก็ปัดเป่าความคิดเหล่านี้ทิ้งไป

เขาสามารถอยู่รอดมาถึงเวลานี้เพราะความระวังตัวและวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ล่วงหน้าเสมอ

ไม่คาดหวังในความรักของผู้อื่น ไม่ปรารถนาให้ผู้ใดเมตตา ไม่คิดว่าตนเองเป็นที่โปรดปรานของโชคชะตา เขาพึ่งพาตนเองเท่านั้น!

ฟางหยวนกำลังรอคอยการเปิดตัวของสวรรค์สีเหลือง

หลังจากพิจารณาทุกแง่มุมแล้ว นี่เป็นทางเลือกที่มั่นคงที่สุดสำหรับเขา

เวลาผ่านไปครึ่งเดือนแต่สวรรค์สีเหลืองยังไม่เปิด

ผมที่หกพยายามหว่านความไม่ลงรอยระหว่างผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนกับฟางหยวนทุกวิถีทาง

บางคนชี้หน้าดุด่าฟางหยวนว่าเป็นคนทรยศของนิกายและไม่ให้ความช่วยเหลือนิกาย

“ข้ามีเหตุผลสำหรับการกระทำของตนเอง” ฟางหยวนกล่าวอย่างชัดเจนและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในเมืองเมฆาของตนเอง

เขาแทบไม่รับภารกิจชี้แนะทักษะการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีก

เหตุผลเนื่องมาจากค่าตอบแทนที่น้อยเกินไป

เขาไม่สามารถพัฒนามิติช่องว่างและเป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่ฟางหยวนไม่ยินดีทิ้งเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขายังใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาอนุมานสิ่งต่างๆมากมาย

โดยปราศจากความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา เขาต้องใช้เวลานานในการอนุมาน มันเป็นความแตกต่างราวสวรรค์กับพิภพ

‘เหตุใดข้าต้องสนใจทัศนคติของผู้อื่น?’

‘ตราบเท่าที่ข้ายังอยู่ในนิกายหลางหยาและไม่ทำลายกฎของนิกาย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่าสมารถขับไล่ข้า’

ฟางหยวนยังรอคอยต่อไป

แม้ทุกฝ่ายจะกดดันเขาอย่างหนักแต่เขาก็ยังไม่เคลื่อนไหว

…..

สิบกว่าวันต่อมา ภาคเหนือ สวนหมื่นพฤกษา

มันเป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์ มีทุ่งนาสำหรับทำการเกษตร มีชลประทานถูกจัดเตรียมไว้อย่างเป็นระเบียบ

ชูตู่มาที่นี่และมองไปรอบๆก่อนกล่าวเสียงดัง “เทียนเซี่ยซิน เจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือ โลกภายนอกกำลังยุ่งเหยิงแต่เจ้ากลับทำการเกษตรและใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

มีพื้นที่เพาะปลูกหลายพันตารางกิโลเมตรและมีมนุษย์กลายพันธุ์จำนวนมากโดยเฉพาะมนุษย์หมึกกำลังทำไร่ไถนาอยู่

หนึ่งในนั้นเป็นมนุษย์ที่ดูเหมือนชาวนาหลังค่อมอายุห้าสิบถึงหกสิบปี

หลังจากได้ยินคำกล่าวของชูตู่ ชายชราผู้นี้กลับเงยหน้าและยืดแผ่นหลังขึ้น เขากล่าวชื่อชูตู่ออกมาอย่างไม่เกรงกลัวและยังเผยรอยยิ้มบาง “ชูตู๋ เจ้ากำลังประจบข้า ข้าจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือได้อย่างไร? มีภูเขาสูงกว่าอยู่มากมาย ภาคเหนือเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เร้นกาย แม้ข้าจะได้รับมรดกของผู้อมตะเฒ่าเทียนหยวน แต่ข้าก็ไม่สามารถเรียนรู้มันได้มากนัก ย้อนกลับไปข้าถูกตงฟางชางฟานทิ้งห่างไปไกลมาก แล้วข้าจะเป็นที่หนึ่งได้อย่างไร?”

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเทียนเซี่ยซินผู้นี้เคยเป็นมนุษย์ธรรมดา เขาไม่แม้แต่จะเป็นผู้ใช้วิญญาณ

แต่ด้วยความบังเอิญเขาได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่จากผู้อมตะบางคน

ในที่สุดเขาจึงได้รับมรดกที่แท้จริงของบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์และกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอย่างลับๆ

เมื่อตงฟางชางฟานพยายามขยายอิทธิพลของเผ่าตงฟาง เขาแสวงหาผลประโยชน์จากทุกคน

กระทั่งเทียนเซี่ยซินจะได้รับมรดกที่แท้จริงและกลายเป็นผู้อมตะ เขาก็มีมิติช่องว่างระดับทั่วไปเท่านั้น ด้วยบุคลิกและพรสวรรค์ที่ไม่โดดเด่น เขาจึงไม่มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ เดิมทีเขาบ่มเพาะอยู่อย่างเงียบๆ แต่เมื่อเผ่าตงฟางพยายามขยายอิทธิพล ชีวิตอันสงบสุขของเขาจึงจบสิ้นลง

แม้เทียนเซี่ยซินจะไม่เต็มใจแต่ตงฟางชางฟานก็บังคับให้เขาเข้าสู่การต่อสู้ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับตงฟางชางฟาน เทียนเซี่ยซินจึงต้องออกจากสวนหมื่นพฤกษาและเตร็ดเตร่ไปทั่ว

ระหว่างช่วงเวลานี้เขาได้พบผู้อมตะคนอื่นๆทำให้โลกของผู้อมตะค่อยๆเรียนรู้ถึงการคงอยู่ของเขาอย่างช้าๆ

หลังจากตงฟางชางฟานเสียชีวิต เผ่าตงฟางถูกยึดทรัพยากรและล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว

เทียนเซี่ยซินใช้โอกาสนี้ยึดสวนหมื่นพฤกษาของเขากลับคืนมา

แม้พรสวรรค์ของเขาจะไม่โดดเด่น แต่มรดกที่แท้จริงของเขายังทำให้ผู้อมตะภาคเหนือประทับใจและสนับสนุนเขา

หลังจากตงฟางชางฟานเสียชีวิต เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือ

แต่เขาไม่มีความทะเยอทะยาน เขาต้องการเป็นคนธรรมดา แม้เขาจะเป็นผู้อมตะ เขาก็ไม่ต้องการละทิ้งชีวิตดั่งเดิมของตนและยังทำไร่ไถนาทุกวัน

แน่นอนว่าไร่นาส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยแรงงานมนุษย์หมึก

เทียนเซี่ยซินเลี้ยงทาสมนุษย์หมึกและมีชื่อเสียงในเรื่องนี้

ชูตู๋ยิ้มและเดินเข้าไปหาเทียนเซี่ยซิน “น้องเทียนถ่อมตนเกินไป หากข้ามีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นเดียวกับน้องเทียน ข้าจะเรียกตนเองว่าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอันดับหนึ่งของภาคเหนือ แล้วมาดูกันว่าผู้ใดจะกล้าแข่งขันกับข้า?”

เทียนเซี่ยซินหรี่ตามองและหัวเราะเสียงดัง “พี่ชูเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ ท่านเป็นมังกรหรือพยัคฆ์ที่โดดเด่น ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของท่าน ข้าไม่สามารถเปรียบเทียบ ครั้งนี้ท่านมาหาข้าเพราะต้องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเผ่าไห่ด้วยถูกต้องหรือไม่?”

ชูตู่พยักหน้าและส่ายศีรษะในเวลาต่อมา “เผ่าไห่กำลังจะล่มสลายเช่นเดียวกับเผ่าตงฟาง ตอนนี้ทุกกองกำลังของภาคเหนือกำลังวางแผนโจมตีเผ่าไห่ อย่างไรก็ตามข้ามาในวันนี้เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องการขอให้น้องเทียนช่วยอนุมาน”

เทียนเซี่ยซินประหลาดใจเล็กน้อย “โอ้ ดังคาด จักรพรรดิอมตะชูตู๋ไม่สนใจเหตุการณ์สำคัญของโลกภายนอกแต่ยึดมั่นกับเป้าหมายของตนเอง เช่นนั้นท่านต้องการให้ข้าอนุมานสิ่งใด?”

“ข้าต้องการให้เจ้าอนุมานเบาะแสของคนผู้หนึ่ง” ชูตู๋กล่าวพร้อมกับมอบวิญญาณอมตะดวงหนึ่งให้กับเทียนเซี่ยซิน

“วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ!” ร่างของเทียนเซี่ยซินสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย “มันเคยเป็นวิญญาณอมตะของโป้ชิง!”

“ถูกต้อง เป็นเช่นนั้น” ชูตู๋เริ่มกล่าวเข้าประเด็น

เขาต้องการท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติของฟางหยวนเพื่อดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา

หากเปรียบเทียบท่าไม้ตายนี้กับการเลี้ยงดูผู้ใช้วิญญาณ วิธีการของชูตู๋ช้าเกินไป

ชูตู๋ไม่สามารถจับตัวฟางหยวน หลังจากเจรจา แม้ฟางหยวนจะมอบช่องทางติดต่อสื่อสารไว้กับชูตู๋ แต่ชูตู๋ไม่เคยได้รับการติดต่อจากฟางหยวนแม้เพียงครั้งเดียว

ชูตู๋รู้สึกกังวลมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเมื่อสวรรค์สีเหลืองปิดตัวลง เขาสูญเสียวิธีติดต่อกับฟางหยวน

ชูตู๋คาดหวังว่าจะได้รับการติดต่อจากฟางหยวนเมื่อสวรรค์สีเหลืองเปิด ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังกังวลว่าฟางหยวนอาจเพิกเฉย

ดังนั้นชูตู๋จึงเดินทางมาพบเทียนเซี่ยซินเพื่อให้เขาอนุมานเกี่ยวกับฟางหยวน

‘เมื่อเจ้าเพิกเฉยต่อข้า เช่นนั้นข้าก็จะตามหาเจ้าเอง!’ ชูตู่คิด

เทียนเซี่ยซินกล่าวต่อ “ดี ด้วยวิญญาณอมตะดวงนี้ มีโอกาสห้าสิบส่วนที่จะประสบความสำเร็จในการอนุมาน”

ชูตู๋ขมวดคิ้ว “เพียงห้าสิบส่วน?”

“หากเขาซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่าง ข้าจะไม่สามารถอนุมานสิ่งใด ห้าสิบส่วนถือว่ามากแล้ว”

ชูตู๋พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “เช่นนั้นคงต้องรบกวนน้องเทียนแล้ว”

“ไปที่อื่นกันเถอะ ข้าต้องการเวลาสามวัน”

…..

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ฟางหยวนกลับไปที่เมืองเมฆาของเขา

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนถูกเรียกตัวโดยจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้ขอให้เขาจัดการสุนัขดาวตกเพลิงแต่มีบางสิ่งเกิดขึ้นที่ภาคเหนือ

“เผ่าไห่…” ฟางหยวนพึมพำ

เผ่าไห่กำลังพบกับความยากลำบาก กล่าวถึงเรื่องนี้ฟางหยวนเป็นหนึ่งในผู้ก่อการร้าย

ย้อนกลับไปฟางหยวนทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงและทำให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือโกรธมาก

แต่ในช่วงเวลานั้นนิกายเงาช่วยปกปิดร่องรอยของฟางหยวน ผู้อมตะภาคเหนือจึงไม่พบเงื่อนงำ

จากนั้นไห่เจิ้งเข้าร่วมกับนิกายเงาและต่อสู้กับกลุ่มของฟงจิวเก้อ

ไห่เจิ้งละทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะคุกทมิฬและหลบหนีแต่ถูกจับโดยฟางหยวน

ต่อมานางมารผลาญสวรรค์ร่วมมือกับปีศาจอมตะเซี่ยหูบีบบังคับให้ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ออกมาขณะที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูลอบเข้าไปปล้นสะดมทรัพยากรในแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าไห่

สุดท้ายนิกายเงาถูกทำลายในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ความลับของฟางหยวนถูกเปิดเผยโดยวังสวรรค์

ผู้อมตะภาคเหนือต้องการกำจัดฟางหยวนแต่พวกเขาไม่สามารถค้นหาที่อยู่ของเขา เหตุผลประการแรก มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาอยู่น้อยมาก ประการที่สอง ฟางหยวนซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตลอดเวลา สิ่งสำคัญอีกประการก็คือสหายผู้นี้เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นกัน

เมื่อผู้อมตะภาคเหนือไม่พบฟางหยวน ไห่ลั่วหลัน หรือไท่เป่ยหยุนเฉิง พวกเขาโกรธมากโดยเฉพาะสมาชิกตระกูลฮวงจิน

พวกเขาเคยเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่โดยพึ่งพามรดกของเทพอมตะตะวันเดือด พวกเขาสามารถกลั่นแกล้งผู้คน ทุกสิบปีพวกเขาจะเพลิดเพลินไปกับการเล่มเกมส์ชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ โดยรวมแล้วพวกเขาเป็นตระกูลที่รุ่งเรืองและเป็นผู้ปกครองของภาคเหนือ

แต่หลังจากวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงล่มสลาย ทุกอย่างพังทลายลง

พวกเขาไม่พบผู้ก่อการร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงหันไปหาเผ่าไห่!

ไห่ลั่วหลันเป็นสมาชิกของเผ่าไห่!

นอกจากเผ่าไห่ พวกเขาจะสามารถระบายความโกรธกับผู้ใดได้อีก?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท