เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1105

ตอนที่ 1105

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1105 การต่อสู้ของเผ่าไห่ (1)

แปลโดย iPAT

สองวันต่อมา

สองผู้อมตะจากเผ่าเหยาลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ปกปิดตัวตน

ผู้อมตะหญิงชื่อเหยาจูเผยรอยยิ้มสดใส “วันนี้อากาศดี อารมณ์ของข้าดีขึ้นเพราะมัน”

ด้านข้างเป็นผู้อมตะหญิงอีกคนจากเผ่าเหยาชื่อว่าเหยาจือฮั่นถอนหายใจ “อากาศดี พวกเราอารมณ์ดี แต่มันตรงข้ามกับเผ่าไห่”

ดวงตาของนางส่องแสงสีม่วงออกมาขณะที่นางมองลงไปด้านล่าง

อีกมุมหนึ่งมีผู้อมตะชายสองคนนั่งอยู่

ทั้งสองเป็นชายวัยกลางคนที่มีเคราหนา พวกเขาสวมชุดเกราะแต่เปิดเผยมัดกล้ามเนื้อที่แขนทั้งสองข้าง

พวกเขาไม่ได้สวมรองเท้าขณะที่กางเกงสั้นจนสามารถมองเห็นหัวเข่า

ความแตกต่างเดียวของพวกเขาคือผิวสีดำและผิวสีเหลือง

สิ่งเหล่านี้เป็นเอกลักษณ์ของสมาชิกตระกูลฮวงจินเผ่าหนึ่ง

มันคือเผ่าเมิ้ง!

ผู้อมตะเผ่าเมิ้งที่มีผิวสีเหลืองมองผู้อมตะหญิงสองคนจากเผ่าเหยาและกล่าว “นางคือเหยาจือฮั่น ดวงตาของนางส่องแสงสีม่วงออกมา นั่นเป็นท่าไม้ตายที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าเหยา ดวงตาหยกม่วง มันสามารถมองทะเลแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ นี่ทำให้เผ่าเหยาสามารถมองเห็นสถานการณ์ของเผ่าไห่ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก”

ในทางกลับกัน เมิ้งซื่อเงยหน้าขึ้นและตะโกน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราสามารถต่อสู้ด้วยหมัดของเรา”

ทันใดนั้นเขาพลันหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเพียงเพื่อที่จะพบกับแสงสีทองพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน

“เผ่ากงมาถึงแล้ว!”

“น่าประทับใจ พวกเขากระทั่งนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกออกมา เผ่ากงช่างมีความมุ่งมั่นนัก”

“เผ่ากงเป็นเช่นนี้เสมอ พวกเขามักใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย อย่าไปยุ่งกับพวกเขา!”

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะต่างสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์

ความสนใจส่วนใหญ่ของพวกเขาอยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ หากประตูทางเข้าของแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่เปิดออก คนนอกจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน

เว้นเพียงพวกเขาจะมีท่าไม้ตายคล้ายกับดวงตาหยกม่วงของเหยาจือฮั่น

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะกำลังรอคอยอย่างอดทน

จากข้อมูลที่พวกเขาได้รับ ฝ่ายปีศาจเริ่มโจมตีเผ่าไห่แล้ว

ระหว่างความสับสนวุ่นวายในภาคเหนือ ปีศาจอมตะระดับเจ็ดฮวงตี้ได้เข้าแทรกแซง เขาเป็นบุคคลที่ได้รับมรดกของผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ในตำนานของภาคเหนือที่ชื่อต้าลั่ว นี่ทำให้เขามีวิธีโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์

ดังนั้นปีศาจอมตะฮวงจี้จึงเปิดฉากโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นคนแรก

หากถึงจุดหนึ่งแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กจะพังทลายและเต็มไปด้วยรูช่องโหว่

ด้วยวิธีนี้แม้ประตูของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กจะไม่เปิดออก ผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือก็ยังสามารถเข้าไปได้อย่างอิสระ

“ทุกท่าน ข้า กงเอ๋อ ขอเชิญทุกท่านโจมตีเผ่าไห่พร้อมกัน” ด้านนอกคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตก ผู้อมตะระดับเจ็ดของเผ่ากงกล่าว

‘สหายกงเอ๋อ ข้อมูลของพวกเราถูกต้อง เจ้ามาจริงๆ’

‘ฮ่าฮ่า เผ่ากงต้องการเป็นผู้นำ หากพวกเขาอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขาจะเป็นผู้นำกองกำลังพันธมิตรได้อย่างไร’

‘นี่คือนิสัยของเผ่ากง แต่เผ่ากงกระทั่งนำคฤาสน์วิญญาณอมตะออกมา พวกเขาถือเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะระดับแนวหน้าจริงๆ’

‘ผู้ใดจะโง่ให้เผ่ากงเป็นผู้นำ’

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะลอบเย้ยหยันอยู่ในใจ

เผ่ากงเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจินและเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขามีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่

ก่อนหน้านี้เหยากวงและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูร่วมมือกันแต่ยังพ่ายแพ้ให้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู

แต่ภาคเหนือยังมีผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงอีกคนคือองค์ชายฟงเซี่ยนซึ่งเป็นผู้อมตะของเผ่ากง

ด้วยเหตุนี้เผ่ากงจึงกระจายข่าวออกไปว่าองค์ชายฟงเซี่ยนสามารถต่อสู้กับปีศาจอมตะเซี่ยหู นั่นทำให้ชื่อเสียงของเผ่ากงพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

กงเอ๋อยืนอยู่ด้านหน้าคฤหาสน์วิญญาณอมตะและคิดว่าตนเองได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากผู้อมตะฝ่ายธรรมะ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่มีผู้อมตะคนใดตอบสนองต่อคำกล่าวของเขา

แม้เขาจะอายุมากแล้วและมีประสบการณ์สูง แต่การแสดงออกของเขายังกลายเป็นน่าเกลียด

“ผู้อมตะเผ่าไป่ซูทักทายผู้อาวุโสกงเอ๋อ” เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะสามคนบินเข้ามาหากงเอ๋อ

หนึ่งในสามเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่อีกสองคนเป็นผู้อมตะระดับหก

คนทั้งสามอ่อนน้อมถ่อมตนและเผยรอยยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น

การแสดงออกของกงเอ๋อผ่อนคลายลง ตอนนี้เขาสามารถรักษาใบหน้า ดังนั้นเขาจึงเชิญผู้อมตะทั้งสามเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกอย่างรวดเร็ว

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่เห็นเหตุการณ์นี้มีการแสดงออกที่ซับซ้อน

เนื่องจากเผ่าไป่ซูไม่มีสายเลือดของตระกูลฮวงจิน แต่พวกเขาเป็นบุตรหลานของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียง

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่หลังจากการล่มสลายของแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวง เขาได้ก่อตั้งกองกำลังของตนเองขึ้น

ภาคเหนือในปัจจุบีน กองกำลังฝ่ายธรรมะส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของตระกูลฮวงจิน

เพื่อที่จะกลายเป็นกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะที่ได้รับการยอมรับ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงสร้างสายสัมพันธ์กับเหยากวงและร่วมมือกันต่อต้านปีศาจอมตะเซี่ยหู

แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็บรรลุเป้าหมายแล้ว

เขาได้รับการยอมรับจากเหยากวงและเผ่าเหยา ดังนั้นจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงสามารถก่อตั้งเผ่าของตนได้อย่างเป็นทางการ

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูเคยอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู แม้เผ่าไป่ซูจะมีสมาชิกไม่มาก แต่พวกเขายังสามารถส่งผู้อมตะสามคนเข้าร่วมในเหตุการณ์นี้

“เผ่าไป่ซู…”

“ฮืม…ผู้อมตะเผ่าไป่ซูมีความโดดเด่นไม่แพ้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจริงๆ”

“เรามีมุมมองที่แตกต่างจากเผ่ากง นี่ทำให้เผ่าไป่ซูได้รับประโยชน์แทนพวกเรา!”

ฝ่ายธรรมะของภาคเหนือคือตระกูลฮวงจิน แม้พวกเขาจะมีความขัดแย้งภายใน แต่พวกเขาก็ไม่ต้องการเห็นคนนอกเช่นเผ่าไป่ซูเติบโตขึ้น

“น่าเสียดายที่เผ่าไป่ซูได้รับการคุ้มครองจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู่ พวกเราไม่สามารถแตะต้องพวกเขา”

“ถึงกระนั้นเราก็มีหลายวิธีที่สามารถจัดการพวกเขา คิดจะก่อตั้งกองกำลังในภาคเหนือ ฮืม…มันจะไม่ง่าย!”

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะวิพากษ์วิจารณ์

“บึม!”

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะพึ่งเริ่มพูดคุยแต่เสียงระเบิดกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน

สายตาของทุกคนมองลงไปด้านล่างและพบกับห้วงมิติที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ฉากในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กปรากฏต่อหน้าทุกคน

ตอนนี้ท่าไม้ตายเช่นดวงตาหยกม่วงไม่จำเป็นอีกต่อไป พวกเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กตกลงสู่ความโกลาหล

ผู้อมตะฝ่ายปีศาจจำนวนมากแข่งขันกันปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าไห่อย่างอุกอาจ

“เปรี้ยง!”

สายฟ้าพุ่งลงไปด้านล่างและสร้างหลุมลึกเอาไว้พร้อมควันสีดำ

จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนตู๋ตะโกนเสียงดัง “ทุ่งหญ้าคบเพลิงเป็นของข้า ผู้ใดกล้าแย่งเข้ามา!”

เฒ่าลู่และคนอื่นๆมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว

“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนตู๋มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งสายฟ้าสองดวง พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นมาก พวกเราควรล่าถอย”

“ถูกต้อง ที่นี่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า เหตุใดพวกเราต้องต่อสู้กับเขา?”

ผู้อมตะเหล่านี้เป็นผู้อมตะระดับล่าง หลังจากพูดคุย พวกเขาเร่งจากไปทันที

อีกด้านหนึ่ง

สัตว์อสูรเดียวดายอินทรีย์มงกุฎเหล็กกรีดร้องออกมาหลังจากถูกกระทืบโดยหมูป่าตัวหนึ่ง

ปีศาจอมตะผู้หนึ่งถือค้อนทองสัมฤทธิ์ยืนอยู่บนแผ่นหลังหมูป่ากล่าว “สัตว์ชั้นต่ำ กล้าลอบโจมตีข้างั้นหรือ?”

หลังกล่าวจบคำ เขาเร่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก

นกยูงตัวหนึ่งกำลังบินเข้ามาและกล่าวด้วยภาษามนุษย์ “จ้าวซาน”

“โอ้ มันคือเทพธิดาอี้เหรา!” จ้าวซานเผยรอยยิ้มและพยายามสร้างความประทับใจที่ดีต่อนาง

เทพธิดานกยูงเหินอี้เหราเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

“แลกเปลี่ยนสัตว์อสูรเดียวดายใต้เท้าของเจ้ากับม้าไร้เงาของข้า” อี้เหราเสนอ

ดวงตาของจ้าวซานส่องประกายขึ้น เขาเร่งพยักหน้า “ได้เลย มาแลกเปลี่ยนกัน! ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำตามคำขอของเทพธิดา ฮ่าฮ่าฮ่า”

อีกมุมหนึ่ง

สายลมพัดมาอย่างต่อเนื่อง

ร่างที่บินลงจากท้องฟ้ากล่าวด้วยความกระวนกระวาย “ผู้ใดจะคิดว่าทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดวายุหยกเขียวจะอยู่ที่นี่”

เขาก็คือผู้อมตะระดับเจ็ดไป่ซุ้ยฮัน

“พี่ไป่ ทรัพยากรอมตะชิ้นนี้เป็นของข้า” ร่างหนึ่งปรากฏขึ้น

เขาคือบัณฑิตสันโดษ

บัณฑิตสันโดษเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงไม่ด้อยไปกว่าไป่ซุ้ยฮัน

“ครั้งก่อนที่ไท่ชิวพวกเราไม่ได้ตัดสินแพ้ชนะ เช่นนั้นมาสู้กันให้รู้ผลเดี๋ยวนี้!” ไป่ซุ้ยฮันเสนอ

บัณฑิตสันโดษเผยรอยยิ้มบาง “ข้าได้ยินว่าพี่ไป่สร้างท่าไม้ตายใหม่สำเร็จแล้ว โปรดให้ข้าได้เปิดหูเปิดตา”

…..

สถานการณ์ทุกรูปแบบเกิดขึ้นขณะที่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะเพียงเฝ้ามอง

“เพราะปีศาจอมตะฮวงตี้ ฝ่ายปีศาจจึงสามารถลงมือก่อน”

“อย่าได้กังวล แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเป็นสถานที่พิเศษ พวกเขามีชื่อเสียงในการเลี้ยงดูอินทรีย์มงกุฎเหล็ก พื้นที่ส่วนใหญ่ของมันเป็นท้องฟ้า มีพื้นดินเพียงเล็กน้อย สิ่งล้ำค่าที่แท้จริงคือรังของอินทรีย์เหล่านั้น”

“ฮืม ทรัพยากรหลักของเผ่าไห่ยังไม่ถูกเปิดเผย แต่พวกเขากลับต่อสู้กันแล้ว”

ฝ่ายธรรมะเตรียมพร้อมที่จะโจมตี

แต่ในเวลานี้เงาร่างสายหนึ่งกลับพุ่งเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า

“เขาคือผู้ใด? เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งดาบ!”

“เขามาจากเผ่าเหนียงเอ๋อ ข้าคิดว่าเขาคือเหนียงเอ๋อปิงซื่อ!”

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตกใจ คนผู้นี้ปกปิดตัวตนและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใดทั้งสิ้น

“ผู้ใด?” ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก ชิงฉวนซื่ออุทานเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

แสงดาบพุ่งผ่านร่างของชิงฉวนซื่อไปด้วยความเร็วสูง

ศีรษะของเขาถูกตัดออกอย่างกะทันหัน!

“คนที่สังหารเจ้า เหนียงเอ๋อปิงซื่อ!”

———————

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท