เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1086

ตอนที่ 1086

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1086 ความเร็ว

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนออกจากที่ราบมังกรคชสารในเวลาไม่กี่นาที

หลังจากนั้นเขาเห็นก้อนเมฆขนาดใหญ่ลอยอยู่ตรงหน้า

นี่ทำให้เขาระวังตัวมากขึ้นเพราะเขาพบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลมาแล้วที่ภาคใต้

ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์ ฟางหยวนเริ่มระวังก้อนเมฆขนาดใหญ่มากขึ้น

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงสามารถผ่อนคลาย

พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบแต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟางหยวน

ด้วยการใช้วิญญาณสายตรวจสอบ เขาสามารถเคลื่อนที่ไปได้อย่างอิสระราวกับเมฆหมอกเหล่านี้ไม่เคยมีอยู่

ฟางหยวนลดความเร็วลงก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมาก พายุหมุนสีเลือดก่อตัวขึ้นในมิติช่องว่างของเขา

แกนกลางของมันคือวิญญาณอมตะ

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดระดับหก!

ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด!

แสงสีแดงเลือดปะทุขึ้นบนร่างกายของฟางหยวนก่อนจะเปลี่ยนเป็นของเหลวและกลายเป็นแม่น้ำเลือด

แม่น้ำเลือดนำฟางหยวนพุ่งผ่านกลุ่มเมฆหมอกไปด้วยความเร็วสูง

นี่เป็นระดับความเร็วที่แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

ที่ราบมังกรคชสารอยู่ในเขตปกครองของกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะ ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ มิฉะนั้นกลิ่นอายของวิญญาณอมตะจะกระจายออกไปและดึงดูดปัญหาเข้ามา

เมื่อฟางหยวนออกจากที่ราบมังกรคชสาร เขายังใช้เพียงท่าไม้ตายระดับมนุษย์

แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ

เส้นสายสีเลือดถูกทิ้งไว้ข้างหลังแต่มันถูกปกปิดโดยกลุ่มเมฆหมอกและไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก

นี่เป็นข้อดีของการบินอยู่ในกลุ่มเมฆ

หากไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของก้อนเมฆเหล่านี้ ฟางหยวนจะทำได้เพียงปกปิดตัวตน การบินอยู่ในที่แจ้งดึงดูดความสนใจมากเกินไป

ในเวลาสั้นๆฟางหยวนสามารถเดินทางไกล

เมื่อออกจากกลุ่มเมฆ เขาหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดทันที

ในปัจจุบัน ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดไม่สามารถเปิดเผยตัวตน พวกเขาต้องซ่อนตัวอย่างมิดชิด ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดจะถูกโจมตีจากทุกทิศทาง ฟางหยวนไม่ต้องการสร้างปัญหาเพราะเส้นทางแห่งเลือด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจตจำนงสวรรค์พยายามกำจัดเขา

‘เว้นเพียงข้าจะสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดและป้องกันไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่ามันเป็นเส้นทางแห่งเลือด’ ฟางหยวนคิด

ในความเป็นจริงเขาปรับปรุงท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดมาแล้วครั้งหนึ่ง

ระหว่างการบ่มเพาะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดและท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

วันหนึ่งเขาเกิดแรงบันดาลใจและสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด

เดิมทีการใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด ฟางหยวนต้องนำวิญญาณจำนวนมากออกมาบินอยู่รอบตัว

แต่หลังจากปรับปรุง วิญญาณเหล่านี้จะบินอยู่ในมิติช่องว่างของเขา

นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆแต่มันสามารถแก้ปัญหาใหญ่

การบินอยู่ด้านนอกหมายความว่าพวกมันสามารถถูกทำลายได้โดยง่ายแต่การบินอยู่ในมิติช่องว่าง พวกมันจะปลอดภัย

เพียงจุดนี้ก็สามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่

แต่แม่น้ำเลือดยังดึงดูดสายตา เมื่อมันบินอยู่บนท้องฟ้า มันจะสร้างแม่น้ำเลือดทิ้งไว้ข้างหลังและยังปลดปล่อยกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นออกมา

หากข้อบกพร่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข มันก็ไม่สามารถใช้งานได้โดยง่าย

หากได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา ฟางหยวนอาจแก้ไขมันได้ภายในชั่วข้ามคืน แต่ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยที่จะใช้ร่างผีดิบอมตะ

มันไม่เป็นไรหากใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดในกลุ่มเมฆหมอก แต่บนท้องฟ้าที่ไร้เมฆ ฟางหยวนเลือกที่จะไม่ใช้มัน

เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณดาบทะลวงมิติ

วิญญาณอมตะระดับเจ็ด!

ฟางหยวนพุ่งไปข้างหน้าราวกับดาบอันแหลมคม

เปลี่ยนเทียบกับท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด ตอนนี้เขาเร็วกว่ามาก!

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเหนือกว่าท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด

แม้จะสูญเสียองุ่นเขียวอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนก็ยังเลือกที่จะใช้มัน

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ก็คือความเร็ว!

เขาต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

มันเป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์

‘เจตจำนงสวรรค์ทำตามวิธีแห่งสวรรค์ มันจะตัดส่วนเกินและเติมส่วนขาดเพื่อรักษาสมดุล มันกำลังจับตามองข้า แต่วิธีแห่งสวรรค์มีกฎเกณฑ์ของมันเอง ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงถูกจำกัดด้วยกฎเหล่านี้’

‘เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถกำจัดข้าได้โดยง่ายแต่สามารถโจมตีข้าโดยตรงในช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ ในช่วงเวลาปกติเจตจำนงสวรรค์สามารถเพียงสร้างสถานการณ์ต่างๆเพื่อกำจัดข้าเท่านั้น’

เจตจำนงสวรรค์สร้างสถานการณ์ได้อย่างไร?

คำตอบก็คือมันจะส่งอิทธิพลต่อความคิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้

ดังเช่นในอดีต เมื่อฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ ความคิดของเขาถูกกระตุ้นอย่างลับๆโดยเจตจำนงปลอมของโม่เหยา เจตจำนงสวรรค์ก็ทำงานในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน มันจะส่งอิทธิพลต่อความคิดของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

แต่ด้วยวิธีนี้มันจึงต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้ความเร็วโต้ตอบจุดบกพร่องนี้

ยิ่งเขาเร็วมากเท่าใด มันก็ยิ่งยากสำหรับเจตจำนงสวรรค์ที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อจัดการเขา

ระหว่างการเดินทางจากภาคใต้มายังภาคเหนือ ฟางหยวนไม่ทราบเรื่องนี้ ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงมีเวลาจัดเตรียมแผนการต่างๆ

แต่ตอนนี้ฟางหยวนรู้จุดอ่อนของเจตจำนงสวรรค์แล้ว เป็นธรรมชาติที่เขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากมัน

นี่คือวิธีการที่นิกายเงาใช้เพื่อต่อต้านสวรรค์

หลักการของนิกายเงาคือ กระทำการในที่ลับ ปะทุเหมือนภูเขาไฟ เคลื่อนย้ายดุจสายฟ้า บรรลุเป้าหมายในครั้งเดียว!

ฟางหยวนเรียนรู้มาทั้งหมด

‘ในการต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ นิกายเงาและเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด พวกเขาเป็นศัตรูของข้าแต่พวกเขาก็มีบางแง่มุมที่เหนือกว่าข้า ข้าต้องละทิ้งอคติและเรียนรู้จากพวกเขา!’

‘และข้ายังมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่เหนือนิกายเงาเพราะข้าคือปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบ!’

‘สมาชิกนิกายเงาต้องกำจัดเจตจำนงสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ในความคิดของตนเองตลอดเวลา’

‘แต่ข้าไม่จำเป็น ในฐานะปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบ เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดของข้า!’

เพื่อต่อสู้กับเจตจำนงสวรรค์ ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติโดยไม่สนค่าใช้จ่าย

โชคดีที่ฟางหยวนมีทรัพยากรมากมาย

อาจกล่าวได้ว่าเขาร่ำรวยมาก

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้เขาจะวางแผนจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่แผนการส่วนใหญ่ยังไม่ได้เริ่มต้นเนื่องจากสวรรค์สีเหลืองปิดทำการในช่วงเวลานี้ ขณะเดียวกันคลังสมบัติของนิกายหลางหยาก็มีขีดจำกัด เขาไม่สามารถแลกเปลี่ยนทุกสิ่งที่ต้องการ

ฟางหยวนพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับดาบบินและเตร็ดเตร่ไปในที่ราบภาคเหนือเพียงลำพัง

ทันใดนั้นเสียงคำรามสายหนึ่งพลันดังขึ้น

สัตว์อสูรบรรพกาลตัวหนึ่งกำลังหลบหนีจากการไล่ล่าของวิญญาณอมตะป่าระดับเจ็ด

เงาร่างของทั้งสองปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟางหยวน

ด้านหน้าเป็นม้าบินหกปีกที่มีเขาเดี่ยวอยู่บนหน้าผากขณะที่ด้านหลังเป็นวิญญาณอมตะที่อยู่ในรูปลักษณ์ของตะขาบมังกร

ม้าบินสี่ปีกคือจักรพรรดิสัตว์อสูร ม้าบินหกปีกคือสัตว์อสูรเดียวดาย สำหรับม้าบินหกปีกที่มีเขาเดี่ยวอยู่บนหน้าผาก พวกมันคือสัตว์อสูรบรรพกาล

และตะขาบมังกรตัวนี้ มันยาวถึงเจ็ดลี้ ร่างกายของมันเป็นตะขาบแต่ศีรษะเป็นมังกรและมีขาจำนวนนับไม่ถ้วน มันมีเกราะสีทองที่แข็งแกร่งและส่องประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ ภาพลักษณ์ของมันดูยิ่งใหญ่มาก

วิญญาณอมตะป่าบางดวงอาศัยอยู่ในร่างของสัตว์อสูรหรือพืชอสูรเหมือนกาฝากแต่วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นกรณีพิเศษ มันสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยตัวของมันเองและจะออกล่าสัตว์อสูรหรือพืชอสูรเป็นอาหารโดยตรง

สิ่งมีชีวิตทั้งสองกำลังกีดขวางเส้นทางของฟางหยวนอยู่ในเวลานี้

‘มันเกิดขึ้นในที่สุด!’ ฟางหยวนโอดครวญอยู่ภายใน

ครั้งก่อนเป็นสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล ครั้งนี้เป็นม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวและตะขาบมังกร

วิญญาณอมตะป่ามีสติปัญญาค่อนข้างต่ำ แม้พวกมันจะมีเจตจำนงของตนเองแต่เจตจำนงสวรรค์ก็ยังสามารถควบคุมพวกมันได้อย่างง่ายดาย

ม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีสติปัญญาสูงกว่า มันยากกว่าที่เจตจำนงสวรรค์จะส่งอิทธิพลต่อความคิดของพวกมัน

แต่ตอนนี้มันกำลังหลบหนีและเคลื่อนไหวโดยไม่มีเวลาคิดไตร่ตรอง ดังนั้นเจตจำนงจึงส่งอิทธิพลต่อความคิดของมันและบังคับให้มันเปลี่ยนทิศทางการหลบหนี

ทั้งสองพุ่งเข้ามาปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน

ม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวกำลังหลบหนีเพื่อความอยู่รอด มันพยายามอย่างเต็มที่และจะบดขยี้ทุกอุปสรรคที่อยู่ด้านหน้า

สายตาของตะขาบมังกรพุ่งมาที่ฟางหยวนเช่นกัน

กลิ่นอายที่ฟางหยวนปลดปล่อยออกมาชัดเจนว่าเขาเป็นผู้อมตะระดับหก

กลิ่นอายของเขาอ่อนแอกว่าม้าบินหกปีกเขาเดี่ยว แต่วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่แข็งแกร่ง

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของตะขาบมังกร

เพราะตะขาบมังกรเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบเช่นกัน!

ร่างกายของมันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบ ขาจำนวนนับไม่ถ้วนของมันเหมือนดาบนับหมื่นนับแสนเล่มที่สามารถโจมตีรอบทิศทาง

ฟางหยวนตอบสนองด้วยการเก็บวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

เมื่อกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเลือนหายไป ตะขาบมังกรรู้สึกสับสนแต่ยังเพ่งมองมาที่ฟางหยวน

ร่างของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เงาร่างจำนวนนับไม่ถ้วนจะปรากฏขึ้น

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งทาส ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!

ในการทำธุรกรรมครั้งก่อน ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมากมาย นั่นทำให้เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายดั่งเดิม

แม้เขาจะไม่มีวิญญาณอมตะล้างใจ แต่เขาก็ใช้วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเพื่อทดแทนส่วนที่ขาดหาย แม้พลังอำนาจของมันจะลดลง แต่ในสถานการณ์นี้มันยังสามารถใช้ประโยชน์

ฟางหยวนจำนวนนับไม่ถ้วนบินไปรอบๆและทำให้ตะขาบมังกรรู้สึกสับสน

แต่มันยังสะบัดร่างกายที่ยาวเจ็ดลี้ไปมา

“บึม บึม บึม”

ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวนถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง

ม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวบดขยี้ภูตมนุษย์ที่กีดขวางเส้นทางของมันเช่นกัน

ตะขาบมังกรเห็นม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวกำลังจะหลบหนี ดังนั้นมันจึงหันไปให้ความสำคัญกับเหยื่อตัวนี้อีกครั้ง

ทั้งสองไล่ล่ากันและเคลื่อนที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนถอนหายใจเบาๆ

ด้วยหนึ่งความคิด ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนเลือนหายไปในอากาศ

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติบินผ่านท้องฟ้าและเร่งจากไป

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท