เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1119

ตอนที่ 1119

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1119 เข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

แปลโดย iPAT

หนึ่งวันครึ่งต่อมา อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดนำฟางหยวนไปยังน่านฟ้าบางแห่ง

ความเร็วของอินทรีย์สวรรค์เริ่มลดลง มันกำลังยืนยันสถานที่ก่อนจะใช้ปากจิกไปที่จุดหนึ่ง

ทันใดนั้นห้วงมิติพลันเปิดออกและเผยให้เห็นทัศนียภาพที่ซ่อนอยู่

อินทรีย์สวรรค์นำฟางหยวนเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและหายตัวไปจากท้องฟ้าของภาคเหนือ

‘อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมีความสามารถเจาะทะลวงมิติและเดินทางเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย แม้มันจะยังไม่โตเต็มวัยแต่มันก็ยอดเยี่ยมมาก!’

ฟางหยวนยกย่องอยู่ในใจขณะกวาดตามองไปรอบๆ

ถ้ำสวรรค์แห่งนี้กว้างใหญ่มาก

ด้านล่างมีป่าไม้โบราณและมีสัตว์น้อยใหญ่อาศัยอยู่มากมาย

‘ต้นไม้ดนตรี’ บนต้นไม้สีรุ้งมีนกจำนวนนับไม่ถ้วนเกาะอยู่ขณะที่ต้นไม้และนกส่งเสียงสอดประสานเป็นบทเพลงอันไพเราะ

‘วิหคปราณมรณะ’ นกตัวอวบอ้วนที่มีพลังปราณปกคลุมอยู่บนร่างกายเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง

‘แม่น้ำชา’ ท่ามกลางป่าไม้ขนาดใหญ่ มีลำธารสีเขียวอ่อนแทรกตัวอยู่

ฟางหยวนพบแหล่งเพาะปลูกมากมายอยู่ที่นี่

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ‘ดูเหมือนไห่ฟานจะได้รับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้ามาจริงๆ หลังจากหลอมรวมกับถ้ำสวรรค์ ท้องฟ้าของที่นี่จะไม่เคยเปลี่ยนเป็นสีอื่น’

หลังจากชั่วครู่ระฆังทองเหลืองใบใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหน้าฟางหยวน

‘จิตวิญญาณสวรรค์! มีจิตวิญญาณสวรรค์อยู่ที่นี่!’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น เขาเริ่มรู้สึกระวนกระวาย

เขาไม่มีสายเลือดของเผ่าไห่ แม้เขาจะสามารถหลอกอินทรีย์สวรรค์ แต่เขาจะสามารถหลอกจิตวิญญาณสวรรค์หรือไม่?

ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีภูเขาสูงอยู่ลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกมันว่าภูเขาหวังกู่ มันถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา

ในถ้ำแห่งหนึ่งบนภูเขา ผู้อมตะสามคนกำลังพูดคุยกัน

“หากปราศจากความเสี่ยง เราจะได้รับกำไรขนาดใหญ่ได้อย่างไร? เพื่อปลดปล่อยตนเองจากกรงขังนี้ เราจำเป็นต้องรับความเสี่ยงเท่านั้น” ผู้อมตะเฟิงจุนกล่าวด้วยความกระวนกระวายใจ

ผู้อมตะเฉิงเทามองเฟิงจุน “นี่เป็นเรื่องใหญ่ หากประมาท เราอาจตาย แล้วเราจะไม่ระวังตัวได้อย่างไร?”

ผู้อมตะหญิงโจวหมิงกล่าวต่อ “พี่เฟิงจุนโปรดอย่าร้องใจ มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการเจตจำนงสวรรค์ เราต้องวางแผนอย่างชาญฉลาดและไม่สามารถรีบร้อน อย่ากังวล พวกเราสามคนเป็นพี่น้องร่วมสาบาน เราจะร่วมมือกันก้าวไปข้างหน้า”

เฟิงจุนเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ “จิตวิญญาณสวรรค์ไม่ใช่ปัญหา เราได้รับความไว้วางใจจากมันแล้ว ด้วยการใช้ท่าไม้ตายแสงสีเลือดที่ข้าคิดค้นขึ้น ข้ามั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ”

เฉิงเทาตอบ “พี่น้องของข้า เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนนัก เจ้าเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าท่าไม้ตายอมตะแสงสีเลือดของเจ้าพึ่งถูกสร้างขึ้น มันยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่กระทั่งมันจะสมบูรณ์แบบ พวกเราก็ยังต้องฝึกฝนมันเป็นอันดับแรก เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนนัก?”

“ถูกต้อง” โจวหมิงเห็นด้วย “การเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเราสามคนยังไม่เพียงพอ พวกเราต้องได้รับความร่วมมือจากผู้อาวุโสเฉินไคของภาคตะวันตก เขามีผู้อมตะในการปกครองถึงสามคน”

เฟิงจุนเย้ยหยัน “เฉินไคกำลังจะตาย เขายังเป็นคนหัวโบราณมาก เราไม่ควรพึ่งพาเขา!”

เฟิงจุนส่ายศีรษะ

โจวหมิงพยักหน้า “แม้ท่านจะดูแคลนผู้อาวุโสเฉินไค แต่เขาก็เป็นผู้อมตะที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุด กระทั่งพวกเราจะไม่ร่วมมือกับเขาเพื่อต่อต้านจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเรายังต้องขอให้เขามองดูอยู่ด้านข้างและไม่สอดมือเข้ามา”

“น้องสาวกล่าวมีเหตุผล” เฉิงเทาเห็นด้วย

เฟิงจุนลังเล “ข้าจะไม่ปิดบังพวกเจ้า พวกเจ้าทั้งสองรู้ว่าข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชค ตอนนี้ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบาย หากเราไม่ฉวยโอกาสนี้ เราอาจไม่มีโอกาสอีกต่อไป!”

นี่เป็นเพียงความรู้สึกของเฟิงจุน เขาไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ

แต่ใบหน้าของผู้อมตะอีกสองคนกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

โจวหมิงกล่าว “ท่านบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชค แม้การบ่มเพาะของท่านจะไม่ถึงระดับเจ็ด แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของท่านก็ไม่ด้อยกว่าผู้อมตะระดับเจ็ด ข้าเคยได้ยินมาว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจะช่วยให้คนผู้นั้นประสบความสำเร็จโดยไม่คาดคิด”

เฉิงเทาตอบ “ถูกต้อง ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะช่วยสนับสนุนความสามารถของผู้อมตะ ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการหลอมรวมให้กับพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจะทำให้พวกเขาตระหนักรู้เกี่ยวกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาจะช่วยในการอนุมาน ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชคจะทำให้พวกเขารู้สึกถึงโชคของตนเองหรือผู้คนรอบข้าง”

“ถูกต้อง” เฟิงจุนถอนหายใจและรู้สึกสงบลง

โจวหมิงกับเฉิงเทาเข้าใจเรื่องนี้ นั่นถือเป็นเรื่องดี

ท้ายที่สุดแล้วท่าไม้ตายแสงสีเลือดที่เขาคิดค้นขึ้นไม่สามารถใช้งานได้โดยตัวเขาเองเพียงลำพัง

ทันใดนั้นเสียงระฆังพลันดังขึ้นอย่างกะทันหัน

“มีบางคนขึ้นไปบนภูเขาและรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงงั้นหรือ?” ดวงตาของเฉิงเทาส่องประกายขึ้น

“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดพวกเราก็ต้องนำตัวเขามาอยู่ฝ่ายของเรา!” โจวหมิงกล่าว

“ฟัง มันดังห้าครั้งแล้ว” เฟิงจุนตั้งใจฟัง

“น่าประทับใจนัก คนผู้นี้ไปได้ไกลมาก เขาก้าวข้ามพวกเราไปแล้ว!’ เฉิงเทาชื่นชม

แต่ในไม่ช้าการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไป

“เจ็ดครั้ง!” โจวหมิงกรีดร้อง

“นี่เป็นไปได้อย่างไร? เขากระทั่งเหนือกว่าผู้อาวุโสเฉินไค!” เฟิงจุนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

แต่เสียงระฆังยังดังไปถึงครั้งที่สิบ

ร่างกายของผู้อมตะทั้งสามแข็งค้างราวกับรูปปั้น

ครู่ต่อมาโจวหมิงจึงแสดงออกด้วยความตกใจ “ข้าได้ยินสิ่งใดผิดไปหรือไม่? ระฆังดังขึ้นสิบครั้ง!”

ใบหน้าของเฟิงจุนกลายเป็นมืดครึ้ม “ตามคำจารึก เสียงระฆังสิบครั้งหมายความว่าคนผู้นี้มาจากเผ่าหลักและมีคุณสมบัติรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน! อย่าบอกข้าว่าสังหรณ์ร้ายของข้าเกิดจากคนผู้นี้!”

“หลังจากผ่านไปหลายปี ข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงนี้ได้อีก!” เฉิงเทาส่ายศีรษะ

คนทั้งสามแสดงออกด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง

เฉิงเทาสงบจิตใจลง “ไป ตามกฎเมื่อผู้สืบทอดที่เหมาะสมปรากฏตัว จิตวิญญาณสวรรค์จะออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง พวกเราต้องออกไปแสดงความเคารพเขาเช่นกัน”

“แสดงความเคารพงั้นหรือ?” ร่างของเฟิงจุนสั่นสะท้านขึ้น “เหตุใดพวกเราต้องทำความเคารพเขา พวกเราเป็นสมาชิกเผ่าไห่เช่นกัน เพียงเพราะบรรพชนของพวกเราทำความผิด พวกเราจึงต้องก้มศีรษะให้เผ่าหลักตลอดไปงั้นหรือ?”

โจวหมิงเร่งปลอมใจเฟิงจุน “คำกล่าวของท่านมีเหตุผล แต่พวกเราต้องทำตามกฎขณะที่เขายังต้องผ่านการทดสอบ ไม่ว่าพวกเราจะต้องการสร้างปัญหาให้เขาหรือโค่นล้มจิตวิญญาณสวรรค์ พวกเราก็ต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี”

เฟิงจุนถอนหายใจ “เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว เรายังมีโอกาส ไปกันเถอะ เราจะไม่เปิดเผยเบาะแสใดๆ ข้าอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะน่าทึ่งสักเพียงใด เขามีสามเศียรหกกรหรือไม่? ฮืม!”

ระฆังทองเหลืองลอยอยู่ตรงหน้าฟางหยวน หลังจากเสียงระฆังดังขึ้นสิบครั้ง มันก็สงบลง

ฟางหยวนพยายามถาม “เจ้าเป็นจิตวิญญาณสวรรค์ใช่หรือไม่? ข้าคือไห่เจิ้ง ข้าเปิดรังอินทรีย์สวรรค์และฟักไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ข้ามาที่นี่เพื่อรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน”

แต่ระฆังทองเหลืองยังเงียบ มันลอยอยู่ด้านหน้าฟางหยวนโดยไม่ขยับเขยื้อน

‘ดังคาด หลังจากกลืนกินชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้า จิตวิญญาณสวรรค์กลายเป็นไร้สติ’ ฟางหยวนเข้าใจเหตุผลนี้

นี่เป็นข้อมูลที่เขาได้รับมาจากนิกายเงา

หลังจากดูดซับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า แม้ถ้ำสวรรค์จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติอีกต่อไป แต่หลังจากผู้อมตะตาย จิตวิญญาณสวรรค์ของพวกเขาจะสูญเสียสติสัมปชัญญะ

มันจะกลายเป็นเจตจำนงสวรรค์

เจตจำนงสวรรค์มีต้นกำเนิดจากห้าภูมิภาคและเก้าสวรรค์ ถ้ำสวรรค์เป็นโลกใบเล็กที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แต่ทันทีที่ถ้ำสวรรค์ดูดซับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้าเข้าไป พวกมันจะถูกแทรกแซงโดยเจตจำนงสวรรค์ เจตจำนงของตนเองจะลดลงอย่างมาก

นิกายเงาทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างลึกซึ้ง

ในอดีตสมาชิกของนิกายเงาเทพเจ็ดดาราทดลองกลืนกินเศษชิ้นส่วนของสวรรค์และพยายามคิดวิธีกำจัดเจตจำนงสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่เจตจำนงสวรรค์ใช้ประโยชน์จากมันและทำให้เทพเจ็ดดาราติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาว

จากเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าถ้ำสวรรค์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจตจำนงสวรรค์ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับฟางหยวน

สถานที่ปลอดภัยของเขามีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์เช่นแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

เหตุผลเป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเข้าไปภายในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์เหล่านั้น

บรรพชนผมยาวเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะได้รับชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่มีความคิดที่จะดูดซับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ทั้งเก้า

‘ดังนั้นถ้ำสวรรค์นี้จึงมีคุณค่าสำหรับข้าน้อยกว่ามรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน’

‘หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ข้าจะมอบถ้ำสวรรค์แห่งนี้ให้กับชูตู๋ นี่จะเป็นการบรรลุข้อตกลงส่วนแบ่งผลประโยชน์สามสิบส่วนของเขา’

ขณะที่ฟางหยวนกำลังวางแผน คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

‘เกิดสิ่งใดขึ้น? ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานมีผู้อมตะอาศัยอยู่งั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท