เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1120

ตอนที่ 1120

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1120 ตะลึง

แปลโดย iPAT

ผู้อมตะสี่คนเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา

ฟางหยวนเฝ้ามองพวกเขาด้วยการแสดงออกที่จริงจัง

สถานการณ์นี้ไม่อยู่ในความคาดหมายของเขา

“เหตุใดถึงมีผู้อมตะอยู่ที่นี่?” ฟางหยวนถามจิตวิญญาณสวรรค์

แต่จิตวิญญาณสวรรค์ยังนิ่งเฉย

หลังจากไม่นานผู้อมตะทั้งสี่ก็มาถึงแต่ใบหน้าของพวกเขาไม่ปรากฏความเกลียดชัง

ฟางหยวนเตรียมพร้อมรับมือแต่การแสดงออกภายนอกยังไม่เปลี่ยนแปลง

“ข้านักโทษเฉินไคทักทายนายท่านจากเผ่าหลัก” ผู้นำกลุ่มคือผู้อมตะชรา เขาสวมมงกุฎทรงสูงบนศีรษะและมีเส้นผมสีขาว หลังจากเห็นฟางหยวน เขาแสดงความเคารพด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

‘นักโทษ?’ ฟางหยวนคิดเรื่องนี้แต่ยังตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่านายท่าน ข้าชื่อไห่เจิ้ง ข้าโชคดีได้รับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน แต่ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้พบกับผู้อมตะมากมายอยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้”

ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของไห่เจิ้ง

นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว

ด้วยการคงอยู่ของสวรรค์สีเหลือง กระทั่งถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานจะแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขายังสามารถหาข้อมูลของเผ่าไห่

เผ่าไห่จากไปแล้ว แต่นั่นไม่สามารถขัดขวางเขาจากการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

สิ่งสำคัญที่สุดฟางหยวนมีความทรงจำทั้งหมดของไห่เจิ้ง เขาสามารถปลอมตัวเป็นไห่เจิ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีข้อบกพร่อง

เฉินไคมองฟางหยวนและถอนหายใจด้วยความชื่นชม

ไห่เจิ้งได้รับการยอมรับจากสาธารณชนว่าเป็นหนุ่มรูปงามและสุภาพอ่อนโยน ตอนนี้ฟางหยวนปลอมตัวเป็นไห่เจิ้ง นี่ยิ่งทำให้ไห่เจิ้งตัวปลอมดูมีไหวพริบมากขึ้นไปอีก ด้วยรูปลักษณ์และบุคลิก เขาสามารถเอาชนะใจผู้คนได้อย่างง่ายดาย

ท่ามกลางผู้อมตะสี่คน มีผู้อมตะหญิงสองคน เมื่อพวกนางเห็นรูปลักษณ์ของฟางหยวน หัวใจของพวกนางเต้นเร็วขึ้นทันทีโดยไม่ได้ตั้งใจ

อีกคนเป็นชายหนุ่มหน้าตาธรรมดา

เฉินซื่อกำลังจะเปิดปากกล่าวแต่ในจังหวะนี้เสียงสายหนึ่งกลับดังมาจากระยะไกล “นายท่าน มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะไม่รู้! บรรพชนของพวกเรากระทำความผิดต่อเผ่าไห่ ย้อนกลับไปหลานสาวของบรรพชนไห่ฟาน ไห่เฟิงอวี๋นำวิญญาณทัศนคติออกไปท่องเที่ยวที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ แต่นางตกเป็นเป้าหมายของผู้อมตะลึกลับ สุดท้ายนางหายตัวไปขณะที่เผ่าไห่สูญเสียวิญาณทัศนคติ”

“บรรพชนไห่ฟานพยายามตามหานางแต่กลับไร้ประโยชน์ บรรพชนของพวกเราไม่สามารถชดเชยความผิดนี้ ดังนั้นพวกท่านจึงยอมรับการลงโทษและถูกขังอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานแห่งนี้ แต่พวกท่านยังใช้ชีวิตและมีทายาทสืบทอดอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด”

“เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนเข้าใจในที่สุด

มีผู้อมตะมาใหม่จำนวนสามคน

สองชายและหนึ่งหญิง

พวกเขาคือเฟิงจุน โจวหมิง และเฉิงเทา

เฟิงจุนและโจวหมิงเป็นผู้อมตะระดับหก

เฉิงเทาลอยอยู่ด้านนอกและดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่ม

เขาเป็นผู้ตอบคำถามของฟางหยวน

การบ่มเพาะของเฉิงเทาอยู่ในระดับเจ็ด เขามีหน้าตาธรรมดา หลังค่อม และมีเส้นเลือดบางๆปรากฏอยู่บนแผ่นหลังของเขา ชัดเจนว่าเขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด!

สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจ

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดปรากฏตัวอย่างเปิดเผยแต่ผู้อมตะคนอื่นๆกลับไม่สะทกสะท้าน ดูเหมือนพวกเขาจะคุ้นชินกันเป็นอย่างดี

‘เว้นเพียงคนผู้นี้ไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดเป็นหลักแต่มันเป็นเพียงเส้นทางรอง?’

‘ถึงกระนั้นโดยปกติพวกเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยได้อย่างอิสระ’

ฟางหยวนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

หากอยู่ในห้าภูมิภาค ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดจะกลายเป็นเป้าหมายและถูกไล่ล่า

แต่ดูเหมือนที่นี่จะแตกต่างออกไป เขาไม่ถูกเกลียดชังและกระทั่งมีผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองคน

สองคนนี้กล้าหาญมาก พวกเขาไม่กลัวว่าผู้นำของตนจะโจมตีและใช้ประโยชน์จากพวกเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

ผู้อมตะทั้งสามบินเข้ามาและทักทายฟางหยวนอย่างสุภาพ

แต่ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าเฟิงจุนไม่มีความจริงใจ ตรงข้าม เขากระทั่งเกลียดชังฟางหยวน

ในความเป็นจริงคนอื่นๆก็เป็นเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นเฉิงไคหรือผู้อมตะคนอื่นๆ พวกเขาต่างระวังตัวจากฟางหยวน ขณะที่พวกเขาแสดงออกอย่างอ้อนน้อม พวกเขากลับมีเจตนาร้ายซ่อนอยู่

หลังจากทักทายฟางหยวน ผู้อมตะทั้งสามเริ่มพูดคุยกับเฉินไคและผู้อมตะที่อยู่ด้านหลังเขา

จากการแสดงออก ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ใช่คนกลุ่มเดียวกัน

พวกเขาพูดคุยกันอย่างอบอุ่นแต่ฟางหยวนรู้ว่าในใจพวกเขากำลังเก็บรายละเอียด

“ที่นี่มีผู้อมตะอยู่มากน้อยเท่าใด?” ฟางหยวนถาม

“ไม่มาก นอกจากพวกเราทั้งเจ็ด ยังมีอีกสองคนเท่านั้น” เฉินไคตอบ “พวกเขาจะมาเร็วๆนี้ เมื่อท่านมาถึงที่นี่ จิตวิญญาณสวรรค์ออกมาต้อนรับท่านและส่งเสียงระฆังสิบครั้ง ตอนนี้พวกเขาอยู่บนภูเขามรดกอมตะ แต่พวกเขารู้ว่าเสียงระฆังหมายถึงสิ่งใด”

ภูเขามรดกอมตะ?

ฟางหยวนจดจำชื่อนี้แต่ไม่ได้ถามรายละเอียด

ดังคาด ผู้อมตะอีกสองคนปรากฏตัวขึ้นไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาทั้งสองเป็นผู้ชาย พวกเขาแสดงความเคารพฟางหยวนเหมือนคนอื่นๆ

หลังจากผู้อมตะทั้งหมดมารวมตัวกัน จิตวิญญาณสวรรค์ก็เริ่มเคลื่อนไหว

เสียงระฆังดังขึ้นขณะที่มันลอยไปข้างหน้า

“จิตวิญญาณสวรรค์ต้องการนำเราไปยังภูเขามรดกอมตะ นายท่านโปรดตามมา” เฉินไคกล่าว

ฟางหยวนพยักหน้าและติดตามระฆังทองเหลืองไปอย่างระมัดระวัง

ในสถานการณ์นี้เขาอยู่คนเดียวขณะที่อีกฝ่ายมีผู้อมตะเก้าคน สองคนระดับเจ็ดและเจ็ดคนระดับหก หากเกิดการต่อสู้อย่างกะทันหัน ผลลัพธ์จะไม่สามารถคาดเดา

อย่างไรก็ตามแม้จิตวิญญาณสวรรค์จะไร้สติแต่มันยังสามารถต้อนรับฟางหยวน นี่แสดงให้เห็นว่ายังมีเจตจำนงของไห่ฟานเหลืออยู่

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นคนกลุ่มเดียวกัน สองคนสุดท้ายดูเหมือนจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ

ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาและสังเกตทุกการเคลื่อนไหว

จิตวิญญาณสวรรค์บินไม่เร็วนัก

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงไม่ต้องใช้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและปล่อยให้มันบินอยู่ข้างๆ

ในสถานการณ์นี้เขาไม่กล้าเก็บอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด หากมีบางสิ่งเกิดขึ้น แม้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะไม่สามารถสังหารศัตรู แต่มันยังเป็นผู้ช่วยชั้นยอด

ระหว่างทาง ฟางหยวนพูดคุยกับกลุ่มผู้อมตะ

แรกเริ่มพวกเขาระวังฟางหยวนมาก ทุกการสนทนามีระยะห่าง

แต่ฟางหยวนคือผู้ใด? ในห้าร้อยปีก่อนหน้าเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน เขามีทักษะในการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมอย่างน่าตกใจ

ในไม่ช้าฟางหยวนก็สามารถสร้างความใกล้ชิด

เสียงหัวเราะค่อยๆดังขึ้น

“พี่หญิง ดูท่านไห่เจิ้ง เขาเป็นผู้อมตะจากเผ่าหลัก เขาช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ มีเพียงคนเช่นนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน” หนึ่งในกลุ่มผู้อมตะหญิงลอบพูดคุยกันอย่างลับๆ

นี่คือผู้อมตะหญิงที่มากับเฉินซื่อ

ผู้อมตะหญิงที่ถูกเรียกว่าพี่หญิงเป็นหญิงงามที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่านาง เมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ฮิฮิ ดูเหมือนเจ้าจะหลงเสน่ห์เขาเสียแล้ว เขาเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ แม้เขาจะยังเด็กแต่การบ่มเพาะของเขากลับถึงระดับนี้ เขามีเสน่ห์และช่างเจรจา น้ำเสียงของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกอยากพูดคุยกับเขา เห้อ…ข้าอยากรู้นักว่ามีคนเช่นเขาอยู่มากเท่าใด? ที่ภาคเหนือเป็นสถานที่เช่นไร?”

หูของฟางหยวนกระตุก เขาตั้งใจฟังทุกถ้อยคำของผู้อมตะหญิงกลุ่มนี้

ผู้อมตะหญิงกลุ่มนี้ใช้วิธีถ่ายทอดเสียงที่ล้าหลัง นี่เป็นสาเหตุที่ฟางหยวนสามารถลอบฟังบทสนทนาของพวกนาง

แม้ที่นี่จะเป็นถ้ำสวรรค์ วิญญาณระดับมนุษย์ไม่สามารถใช้งาน แต่ฟางหยวนไม่ถูกจำกัดด้วยเรื่องนี้ นี่ทำให้เขามีความมั่นใจบางอย่าง

ในความเป็นจริงไม่เพียงผู้อมตะหญิงที่ลอบพูดคุยกัน ผู้อมตะคนอื่นๆก็พูดคุยกันอย่างลับๆเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้พูดมากเท่าผู้อมตะหญิงสองคนนี้

“ผู้ใดจะคิดว่าคนผู้นี้มีการบ่มเพาะระดับเจ็ด! ฝ่ายของเรามีเพียงผู้อาวุโสเฉินไคและพี่เฉิงเทาเท่านั้นที่สามารถแข่งขันกับเขา”

“กระทั่งเขาจะไม่ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณอมตะออกมา เพียงอินทรีย์ที่บินอยู่ข้างกายเขาก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”

“อินทรีย์ตัวนี้แข็งแกร่ง ดูเหมือนมันจะเป็นสัตว์อสูรเดียวดายแต่กลิ่นอายของมันกลับไม่ธรรมดา”

“พวกเรามีสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลอยู่ที่นี่ แต่กลิ่นอายของพวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับอินทรีย์น้อยตัวนี้”

หลังจากพูดคุย บางคนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและเปิดปากถาม “นายท่าน ข้าเห็นว่าอินทรีย์ของท่านไม่ธรรมดา กลิ่นอายของมันช่างยิ่งใหญ่นัก ข้าขอถามได้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด?”

ผู้อมตะผู้นี้คือเฟิงจุน

ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ช่างสายตาแหลมคมนัก เจ้าบอกได้ว่าอินทรีย์ของข้าไม่ธรรมดา แท้จริงแล้วมันคืออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมันหรือไม่? เมื่อมันโตเต็มที่ มันจะเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด แต่ตอนนี้มันสามารถใช้สำหรับการเดินทางเท่านั้น มันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับสัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวอื่นๆของข้า”

“สัตว์อสูรแรกกำเนิด!” กลุ่มผู้อมตะอ้าปากค้าง

พวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจขณะจ้องมองอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดอย่างระมัดระวัง

ฟางหยวนกล่าวอย่างไม่เป็นทางการแต่มันเป็นการโยนระเบิดเข้าสู่จิตใจของผู้อมตะกลุ่มนี้

หลังจากนั้นเมื่อพวกเขาพูดคุยกับฟางหยวน น้ำเสียงของพวกเขากลายเป็นสุภาพมากขึ้น

ฟางหยวนไม่ได้แสดงท่าทีแข็งกร้าว เขายังเผยรอยยิ้มอบอุ่นเช่นก่อนหน้า แต่รอยยิ้มของเขากลับทำให้ผู้อมตะกลุ่มนี้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สัตว์อสูรแรกกำเนิด!”

“เขาคือผู้ใด? เขาสามารถกำหราบสัตว์อสูรแรกกำเนิดได้ด้วยตนเองงั้นหรือ!? ดูเหมือนในเผ่าหลัก สถานะของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน!”

—————

พรุ่งนี้หยุด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท