เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1150

ตอนที่ 1150

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1150 ทะเลไหลเชี่ยว (1)

แปลโดย iPAT

หลิวชิงหยูอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป

ฟางหยวนเคยใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเมื่อเดินทางจากภาคใต้ไปยังภาคเหนือ เขาปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงเอาไว้ แต่ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยไม่สามารถปกปิดพลังอำนาจของวิญญาณอมตะหรือท่าไม้ตายอมตะอื่นๆ

ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนเดินทางผ่านทะเลตะวันออก เขาได้ต่อสู้กับหลิวชิงหยู ถังซ่ง และเจาลี่ เขาเปิดเผยวิธีการบางอย่างโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยง

แม้อิงอู๋เซี่ยจะไม่เคยเห็นรูปลักษณ์ของฟางหยวน แต่จากคำอธิบายของหลิวชิงหยู อิงอู๋เซี่ยรู้สึกคุ้นเคยมาก

ตามสัญชาตญาณ เขาตรวจสอบและได้รับรายละเอียดจากหลิวชิงอวี๋มากขึ้น

‘วิญญาณอมตะดาบบิน วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ…’ อิงอู๋เซี่ยคิดกับตนเอง

‘ช่วงเวลาถูกต้อง’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของหลิวชิงหยูมีแนวโน้มที่จะเป็นฟางหยวน

‘บังเอิญจริงๆ ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะได้รับข้อมูลของฟางหยวนเช่นนี้ ฮ่าฮ่า เจตจำนงสวรรค์!’ อิงอู๋เซี่ยเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าในทะเลไหลเชี่ยวปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆหมอกตลอดเวลา

แต่อิงอู๋เซี่ยรู้สึกว่านอกจากกลุ่มเมฆหมอกเหล่านี้ เจตจำนงสวรรค์กำลังจับตามองเขาอยู่อย่างใกล้ชิด

สำหรับเจตจำนงสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นฟางหยวนหรือเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกเขาล้วนเป็นเป้าหมายที่ต้องกำจัด

แน่นอนว่าในอดีตเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นเป้าหมายหลัก อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนกลับดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์มากที่สุด

เจตจำนงสวรรค์กำลังล่อลวงให้ฟางหยวนกับอิงอู๋เซี่ยเผชิญหน้าและต่อสู้กัน นี่คือกลยุทธ์ยิงนกครั้งเดียวนกตายสองครั้ง

อิงอู๋เซี่ยประเมินสิ่งนี้และลอบส่งข้อมูลให้ไห่ลั่วหลันอย่างลับๆ

ไห่ลั่วหลันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้นางไม่พบสิ่งผิดปกติเพนาะนางไม่คุ้นเคยกับวิญญาณอมตะดาบบินและวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

เมื่อสามารถตอบสนอง นางรู้สึกตกใจเล็กน้อย

‘อิงอู๋เซี่ยค้นพบสิ่งสำคัญมาก นอกจากนั้นเขายังปรึกษาข้า?’

แต่หลังจากชั่วครู่ ไห่ลั่วหลันก็ตระหนักว่าหากนางเป็นอิงอู๋เซี่ย นางก็จะทำเช่นเดียวกันเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์

จนถึงเวลานี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงยังถูกยังไว้ในความมืด ซื่อหนิวมีความภักดีแต่เขาเป็นมนุษย์หินที่มีสติปัญญาไม่สูงนัก

ไห่ลั่วหลันเป็นพันธมิตรกับนิกายเงา นางไม่มีทางเลือกนอกจากร่วมมือกับอิงอู๋เซี่ย

‘จัดการฟางหยวน…’ ไห่ลั่วหลันเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน

นางมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนกับฟางหยวน

แรกเริ่มทั้งสองเป็นศัตรูกันก่อนจะกลายเป็นพันธมิตร แต่ตอนนี้โชคชะตากลับพลิกผันทำให้พวกเขากลับมาเป็นศัตรูกันอีกครั้ง

ไห่ลั่วหลันต้องยอมรับว่าตนเองได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน เขามีอิทธิพลต่อนางเป็นอย่างมาก

แต่ในไม่ช้าไห่ลั่วหลันก็สงบจิตใจลงและถ่ายทอดเสียง “การวิเคราะห์ของเจ้าสมเหตุสมผล แต่เจ้าเดาได้เพียงตัวตนของฟางหยวน เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะมาที่นี่เพียงเพราะเบาะแสของมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล กระทั่งเขาจะมาจริงๆ แล้วมันเกี่ยวกับเราอย่างไร? เขาอาจมาไม่ถึงที่นี่และไม่พบพวกเรา”

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มเย็นชา “นั่นเป็นเพราะเจ้ายังไม่เข้าใจเจตจำนงสวรรค์ ก่อนหน้านี้เพื่อขัดขวางฟางหยวน เจตจำนงสวรรค์ได้วางแผนล่อฟางหยวนด้วยเบาะแสของมรดบนเส้นทางแห่งข้อมูล แต่ฟางหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์และระวังตัว เขาไม่ตกหลุมพรางง่ายๆและเดินทางไปยังภาคเหนือโดยไม่หยุดพัก นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและทำให้แผนการของเจตจำนงสวรรค์กลายเป็นไร้ประโยชน์”

อิงอู๋เซี่ยเข้าใจผิดเล็กน้อย

ความจริงก็คือฟางหยวนไม่ได้รับเบาะแสใดๆเกี่ยวกับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลในเวลานั้นแต่เบาะแสกลับถูกสลักไว้ในวิญญาณอมตะดาบบิน

แน่นอนว่าแม้ฟางหยวนจะได้รับเบาะแสตั้งแต่ครั้งนั้น มันก็ไม่ทำให้เขากลับไปแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาช้าลง

“ตอนนี้ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ก่อนหน้าเขาอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาตลอดเวลา เขาพึ่งสร้างข้อตกลงพันธมิตรสี่เผ่าพันธุ์รวมถึงชูตู่ ตอนนี้เขาย่อมต้องการมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลและเดินทางมาที่นี่” อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ

ด้วยความก้าวข้ามความยากลำบากมากมาย ความคิดของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นแหลมคมมากขึ้น ตอนนี้เขาแสดงออกราวกับผู้เชี่ยวชาญ

ไห่ลั่วหลันค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์ของฟางหยวน

นางยังรู้ว่าอิงอู๋เซี่ยบอกข้อมูลเหล่านี้เพราะต้องการกระตุ้นความเกลียดชังของนาง

ดวงตาของไห่ลั่วหลันส่องประกายขึ้น “เจ้าหมายความว่าหลิวชิงหยูคือการแจ้งเตือนจากเจตจำนงสวรรค์งั้นหรือ?”

“ถูกต้อง หลิวชิงหยูอาจเลือกสถานที่แห่งนี้ด้วยความบังเอิญ แต่แท้จริงแล้วเขาได้รับอิทธิพลจากเจตจำนงสวรรค์ให้เลือกเกาะของเรา เจตจำนงสวรรค์อาจคิดว่ากับดักที่เคยวางเอาไว้ไม่สามารถกำจัดฟางหยวนที่แข็งแกร่งขึ้นได้อีกต่อไป ดังนั้นมันจึงต้องการใช้ประโยชน์จากพวกเรา” อิงอู๋เซี่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มเย็นชา

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

นิกายเงาต่อต้านเจตจำนงสวรรค์มานานหลายปี อิงอู๋เซี่ยย่อมตระหนักถึงเป้าหมายและแผนการของมันโดยธรรมชาติ

“หากเป็นเช่นนั้นเราสามารถใช้โอกาสนี้ซุ่มโจมตีฟางหยวน ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการร่างทารกอมตะงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตอบ

อิงอู๋เซี่ยมองไห่ลั่วหลัน พวกเขาลอบพูดคุยก่อนที่อิงอู๋เซี่ยจะนำกลุ่มสมาชิกนิกายเงาออกเดินทาง

“อา…” หลิวชิงหยูที่คุกเข่าอยู่บนพื้นรู้สึกมึนงง

“ไห่ลั่วหลัน” อิงอู๋เซี่ยลอบส่งข้อความ “หากเราสามารถจับตัวฟางหยวนได้ในครั้งนี้ ข้าจะคืนอิสรภาพแก่เจ้า”

ทั้งร่างกายและจิตใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้น

แต่ในไม่ช้านางก็สามารถตอบสนอง “มีเพียงเด็กน้อยเท่านั้นที่จะถูกเจ้าหลอก เจ้าจะยอมละทิ้งพลังการต่อสู้ของข้างั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ารู้จักข้าดีจริงๆ” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเสียงดัง

“เจ้าจะจัดการฟางหยวนอย่างไร? เขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด” ไห่ลั่วหลันถาม

รอยยิ้มของอิงอู๋เซี่ยจางหายไป เขาถอนหายใจเมื่อได้ยินคำถามนี้

จากนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงตอบกลับ “ข้าจะไม่จัดการเขา อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ”

“ไม่ เราทำได้ หากเราใช้แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ พวกเราอาจประสบความสำเร็จ” ไห่ลั่วหลันแนะนำ

“เจ้าต้องการให้เขาตายจริงๆงั้นหรือ? ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยร่วมมือกับเขาก้าวข้ามภัยพิบัติมามากมาย”

“ฮืม ทุกคนล้วนทำเพื่อตนเอง หากเขาตายหรือพ่ายแพ้ มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า” ไห่ลั่วหลันปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมา

อิงอู๋เซี่ยปฏิเสธคำแนะนำที่น่าดึงดูดใจนี้ “แม้เราจะใช้สถานที่แห่งนั้น แต่เป้าหมายของข้าคือจับตัวฟางหยวนที่มีชีวิตอยู่ หากเราใช้สถานที่แห่งนั้น เราจะทำได้เพียงหยุดอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นการชั่วคราวเท่านั้น”

“นอกจากนี้แม้เราจะทำได้แต่ข้าจะไม่ทำ” อิงอู๋เซี่ยยิ้ม

ไห่ลั่วหลันถาม “เพราะเหตุใด?”

“เราต้องมองภาพใหญ่ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถช่วยร่างหลักของข้า พวกเราจะมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ ความทรงจำของข้ามีขีดจำกัด หากพวกเราต่อสู้กับฟางหยวนตอนนี้ พวกเราจะตกลงสู่กับดักของเจตจำนงสวรรค์ ตอนนี้พวกเราจะออกจากทะเลตะวันออก! อย่างไรก็ตาม…ก่อนจากไป ข้าจะทิ้งบางอย่างเอาไว้เป็นของขวัญให้แก่ฟางหยวน ฮ่าฮ่าฮ่า” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ

วันต่อมา

‘ในที่สุดข้าก็มาถึงทะเลไหลเชี่ยว’ ฟางหยวนยืนอยู่บนก้อนเมฆและถอนหายใจ

ตามข่าวลือ ในอดีตเคยเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างผู้อมตะที่นี่

ไม่มีผู้อมตะระดับแปดแต่มีผู้อมตะระดับเจ็ดและระดับหกมากมาย

การต่อสู้ที่รุนแรงทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์

ด้วยเหตุนี้ยังมีมรดกของผู้อมตะและทรัพย์สมบัติของพวกเขาที่ถูกทิ้งไว้หลังความตาย

ในประวัติศาสตร์มีผู้โชคดีได้รับมรดกของผู้อมตะบางคนในทะเลไหลเชี่ยว แม้จะมีผู้โชคดีไม่มาก แต่ข่าวลือก็ทำให้ผู้คนเดินทางมาที่นี่เพื่อแสวงหาโชคลาภ

ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆ

ทะเลไหลเชี่ยวมีลักษณะเฉพาะตัว พื้นผิวของมันเงียบสงบแต่ด้านล่างเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ

กระแสน้ำเหล่านี้เชื่อมต่อกันและเคลื่อนไหวไปอย่างไร้รูปแบบ

ด้วยเหตุนี้ผู้อมตะจึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าทะเลไหลเชี่ยว

ฟางหยวนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

ท้องฟ้าของที่นี่ถูกปกคลุมได้ด้วยชั้นเมฆสีขาวที่หนาทึบ แสงแดดไม่สามารถทะลุผ่านชั้นเมฆเหล่านี้ลงมาแต่มันยังทำให้สถานที่แห่งนี้สว่างขึ้นเล็กน้อย

เมื่อผู้อมตะมาที่นี่ พวกเขามักจะสูญเสียการรับรู้ทิศทาง ชั้นเมฆเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัด

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดเมฆเหล่านี้

ในการทำเช่นนั้นคนผู้หนึ่งจำเป็นต้องต่อสู้กับสวรรค์พิภพ ผู้อมตะที่มีความสามารถเช่นนี้มีอยู่น้อยมากกระทั่งในกลุ่มผู้อมตะระดับแปด การจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อทำลายเมฆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า

ฟางหยวนสูดหายใจก่อนที่กลิ่นอายของวิญญาณอมตะจะระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา

ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบ สัมผัสแห่งโชค!

ฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายนี้มาจากเฟิงจุน มันสามารถค้นหาผู้คนที่เชื่อมต่อกันด้วยโชคของพวกเขา ยิ่งเป้าหมายอยู่ใกล้ มันก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ

“โอ้ พวกเขาอยู่แถวนี้! พวกเขาอยู่ในทะเลไหลเชี่ยวงั้นหรือ?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท