เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1160

ตอนที่ 1160

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1160 สัมผัสแห่งโชคล้มเหลว

แปลโดย IPAT

สรุปได้ว่ามิติช่องว่างของฟางหยวนพัฒนาไปมากแล้วแต่ยังสามารถพัฒนาได้อีก

มิติช่องว่างจักรพรรดิมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ กระทั่งถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบ

จนถึงตอนนี้อาจกล่าวได้ว่ามันยังพัฒนาได้ไม่ถึงสองในร้อยส่วน

“หากข้าไม่ได้เป็นพยานในเรื่องนี้ด้วยตนเอง ข้าจะเชื่อว่ามีมิติช่องว่างเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร”

“เทพปีศาจจิตวิญญาณ นิกายเงา และกองกำลังพันธมิตรผีดิบวางแผนมานานนับแสนปีเพื่อให้ได้รับสิ่งนี้ เมื่อข้าฉกชิงมันมา ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นย่อมไม่สามารถตกลงได้โดยง่าย”

“เห้อ…น่าเสียดาย แม้ข้าจะพบอิงอู๋เซี่ยในการเดินทางครั้งนี้แต่ข้าไม่สามารถทำลายรากฐานของพวกเขา”

ฟางหยวนถอนหายใจ

ในห้องลับ ฟางหยวนนั่งอยู่อย่างเงียบๆ หลังจากปรับลมหายใจ เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะ

สัมผัสแห่งโชค!

หากฟางหยวนมีวิญญาณอมตะตรวจสอบโชค เขาจะเห็นโชคที่อยู่เหนือศีรษะของเขาเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

ฟางหยวนรู้สึกถึงจุดที่คลุมเครือปรากฏขึ้นในใจทีละจุด

…..

ทะเลทรายตะวันตก

ความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ทำให้ไอน้ำลอยขึ้นจากพื้นทราย

การดิ้นรนเพื่อหลบหนีจากความตายเกิดขึ้นที่นี่

“หัวขโมย เจ้ากล้าฉกชิงวิญญาณของพวกเราจริงๆ”

“อย่าให้ข้าจับเจ้าได้ ข้าจะฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”

“ยอมจำนนและมอบวิญญาณทองคำขัดเงาของพวกเราคืนมา! บางทีพวกเราอาจไว้ชีวิตเจ้า!”

ผู้ใช้วิญญาณกลุ่มใหญ่กำลังไล่ล่าฮันหลี่

ฮันหลี่โชคดีมาก หลังจากเชื่อมต่อโชคกับฟางหยวน โชคของเขายิ่งดีขึ้นไปอีก

เขาสามารถบ่มเพาะและบรรลุถึงระดับสามในเวลานี้

ผู้อาวุโส!

ในกองกำลังของผู้ใช้วิญญาณ ระดับสามถือเป็นผู้อาวุโสและเป็นตัวตนชั้นสูง

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบันเขาถูกไล่ล่าโดยผู้ใช้วิญญาณระดับสามจำนวนสามคนและผู้ใช้วิญญาณระดับสองและหนึ่งอีกจำนวนหนึ่ง

ฮันหลี่ทำได้เพียงวิ่งหนี

พลังวิญญาณของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเลือดไหล

ทุกครั้งที่หายใจ ฮันหลี่จะรู้สึกแสบร้อนราวกับถูกไฟแผดเผา

แต่ความเจ็บปวดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เขาหยุดวิ่ง

เขาถือวิญญาณทองคำขัดเงาเอาไว้ในมือ

‘พรสวรรค์ของข้าไม่ดีพอ ที่ผ่านมามันเป็นเพราะโชคและความบังเอิญ แต่ในระยะยาวมันไม่สามารถเชื่อถือ’

‘วิญญาณทองคำขัดเงาสามารถยกระดับพรสวรรค์ มันจะทำให้อนาคตของข้าสดใส!’

‘ข้าต้องเดิมพันด้วยชีวิตเพื่อให้ได้รับโอกาส!’

ฮันหลี่หอบหายใจอย่างหนักหน่วงแต่ขาของเขายังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ดวงตาของเขาลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ

…..

ภาคใต้

น้ำไหลลงจากภูเขา

เย่ฟานตะโกนเสียงดังขณะที่ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า

แสงหลากสีส่องประกายออกมาจากมัดกล้ามเนื้อและดวงตาของเขาทำให้เขาดูยิ่งใหญ่และงามสง่า

ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของคู่ต่อสู้ เขาส่งหมัดที่ทรงพลังออกไป

“บึม!”

เย่ฟานก้าวไปข้างหน้า ทุกที่ที่เขาเคลื่อนผ่าน หินใต้เท้าของเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ศัตรูของเขาถูกบังคับให้ถอยหลังและไม่มีโอกาสตอบโต้

“พรวด! ฮืม…เย่ฟานแห่งตระกูลเฉิง เจ้าแข็งแกร่งสมคำเล่าลือ ครั้งนี้พวกเราสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรายอมรับความพ่ายแพ้!” ผู้นำฝ่ายตรงข้ามกระอักเลือดอยู่บนพื้น แม้เขาจะต้องการลุกขึ้นแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้

ผู้ใช้วิญญาณอีกสิบเจ็ดคนนอนอยู่บนพื้นเช่นกัน บางคนหมดสติ บางคนส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจแต่พวกเขาก็ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก

เย่ฟานค่อยๆปรับลมหายใจขณะที่ร่างกายของเขาหดเล็กลง

เขามองคู่ต่อสู้และกล่าวอย่างใจเย็น “ตามกฎ สิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราจะไม่สามารถก้าวขึ้นมาบนภูเขาลูกนี้ได้อีก สถานที่แห่งนี้เป็นของตระกูลเฉิงแล้ว”

“ฮืม อย่ากังวล พวกเราอาจเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่พวกเราก็รักษาคำพูด!” ผู้นำกลุ่มตอบกลับอย่างหนักแน่น

เย่ฟานพยักหน้าก่อนจะส่งแสงสีเขียวหยกพุ่งไปยังสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรา

แรกเริ่มพวกเขารู้สึกวิตกกังวลแต่หลังจากไม่นานพวกเขากลับพบว่าอาการบาดเจ็บของตนเองฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในไม่ช้าสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราก็สามารถลุกขึ้นและเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง

สิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุรามองเย่ฟานด้วยการแสดงออกที่ผ่อนคลายลง

ตั้งแต่เย่ฟานได้รับมรดกจากผู้อมตะตระกูลเฉิง ทั้งระดับการบ่มเพาะและพลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นมาก

หลังจากเฉิงซินซื่อกลายเป็นผู้นำตระกูลเฉิง นางต้องรับมือกับปัญหามากมายทั้งภายในและภายนอก มันเป็นเย่ฟานที่ยืนขึ้นและช่วยแก้ปัญหาต่างๆให้นาง ตอนนี้เย่ฟานออกมาท้าทายสิบแปดพี่น้องแห่งหมู่บ้านสุราเพื่อช่วยเปิดเส้นทางการค้าให้กับตระกูลเฉิงและลดแรงกดกันทางการเมืองภายในให้กับเฉิงซินซื่อ

ผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องป้องหมัดขึ้น “เย่ฟาน เจ้าแข็งแกร่งมาก ครั้งนี้เจ้าปล่อยพวกเราไป พวกเราจะไม่ลืมความเมตตานี้ แต่หากเจ้าต้องการเปิดเส้นทางการค้า พวกเรายังเป็นเพียงอุปสรรคแรก ยังมีอีกสองอุปสรรครอเจ้าอยู่ด้านหน้า”

“ข้าเข้าใจ ผู้ใช้วิญญาณหลังจากนี้แข็งแกร่งกว่าพวกเจ้าทุกคนรวมกัน” เย่ฟานพยักหน้า

ตระกูลเฉิงเป็นกองกำลังใหญ่ แน่นอนว่าเย่ฟานย่อมมีข้อมูลเหล่านี้

แต่คำกล่าวต่อไปของผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องกลับทำให้การแสดงออกของเย่ฟานเปลี่ยนไป “เย่ฟาน เจ้าต้องระวังตัว อุปสรรคข้างหน้าเปลี่ยนไปไม่นานนี้ ปีศาจขาวปรากฏตัวขึ้นและเอาชนะผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านั้น หากเจ้ามาที่นี่ช้ากว่านี้ พวกเราคงต้องยอมจำนนต่อปีศาจขาวเช่นกัน”

“ปีศาจขาว เจ้าหมายถึงปีศาจดำและปีศาจขาวงั้นหรือ?” ดวงตาของเย่ฟานส่องประกายขึ้น

ผู้นำกลุ่มสิบแปดพี่น้องพยักหน้า “หากไม่ใช่ปีศาจขาวที่มีชื่อเสียง เหตุใดผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านั้นจึงพ่ายแพ้? นางแข็งแกร่งมาก เจ้าต้องคิดให้รอบคอบหากต้องการต่อสู้กับนาง”

ภาพของเฉิงซินซื่อปรากฏขึ้นในความคิดของเย่ฟานก่อนที่ภาพของไห่ถูจะติดตามมา

“ไม่!” ร่างของเย่ฟานสั่นสะท้านขึ้น เขาตะโกนเสียงดัง “ข้าจะไป!”

…..

ภาคกลาง

ในถ้ำไร้นาม

“อย่าเข้ามา…อย่าเข้ามา!” เสื้อผ้าของหงอี้ฉีกขาดและเผยให้เห็นหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ

ผู้ใช้วิญญาณหญิงร่างอ้วนหัวเราะเบาๆขณะที่นางเดินเข้าไปหาหงอี้ “ที่รัก อย่าหลบหนีอีกเลย ยอมรับชะตากรรมและมาเป็นของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”

หลังกล่าวจบคำเสื้อผ้าของหงอี้ก็ถูกปลดเปลื้องออกทั้งหมด

ผู้ใช้วิญญาณหญิงกระโดดเข้าไปและกดทับร่างกายของเขาเอาไว้

“ไม่!” หงอี้กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

ในช่วงเวลาวิกฤต เขาสามารถปลดปล่อยศักยภาพออกมาได้เป็นสองเท่า เขาทำลายผนึกที่อยู่บนร่างกายของตนและผลักผู้ใช้วิญญาณหญิงออกไป

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าทำลายตราประทับทาสของข้าได้อย่างไร?” ผู้ใช้วิญญาณหญิงทั้งโกรธและตกใจ

“นั่นเป็นเพราะข้าอยู่ที่นี่” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์จิ๋วปรากฏตัวขึ้นบนไหล่ของหงอี้

“ในที่สุดเจ้าก็ออกมา!” หงอี้แทบหลั่งน้ำตา

“เราได้ของแล้ว ไปกันเถอะ!” มนุษย์จิ๋วกระซิบ

การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณหญิงเปลี่ยนไป นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ “อา…เป็นเช่นนี้! พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อขโมยน้ำทิพย์แห่งความสุขสมของข้า!”

หงอี้ เย่ฟาน ฮันหลี่…

แม้ฟางหยวนจะมองไม่เห็นสถานการณ์ของพวกเขา แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงสถานที่ที่พวกเขาอยู่

เนื่องจากการเชื่อมต่อของโชค มันทำให้ความสามารถในการตรวจจับของท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชคมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถตรวจสอบข้ามภูมิภาค

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับไม่พบการคงอยู่ของไห่ลั่วหลันและอิงอู๋เซี่ย

จากสิ่งนี้ฟางหยวนสรุปว่าอิงอู๋เซี่ยมีวิธีซ่อนการเชื่อมต่อของโชคระหว่างพวกเขา

‘แม้อิงอู๋เซี่ยจะมีวิธีการบางอย่างแต่เขายังต้องพบปัญหามากมายในอนาคต’

ไม่มีวิญญาณอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้อมตะที่แข็งแกร่งที่สุด

ผู้อมตะคือจุดสำคัญที่สุด

ในความคิดเห็นของฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยเติบโตขึ้นมาก สติปัญญาของอิงอู๋เซี่ยน่ากลัวกว่าวิญญาณอมตะที่เขาครอบครอง

‘อีกฝ่ายสามารถต่อต้านท่าไม้ตายอมตะสัมผัสแห่งโชค ในอนาคตข้าไม่จำเป็นต้องใช้ท่าไม้ตายนี้บ่อยนัก’

ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นท่าไม้ตายอมตะที่ต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะ

หากกระตุ้นใช้งานบ่อยๆ กระทั่งฟางหยวนก็อาจไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่าย

การเดินทางไปยังทะเลตะวันออกของฟางหยวนในครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่องุ่นเขียวอมตะในคลังของเขาก็ลดลงเช่นกัน

จากมุมมองของฟางหยวน สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือเขาสามารถตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของอิงอู๋เซี่ยและกดดันฝ่ายตรงข้ามหรือกระทั้งสังหาร

แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เป็นไปตามความต้องการของเขา

ฟางหยวนคิดและเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ นั่นคือให้ความสำคัญกับการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

แต่ลึกๆเขารู้สึกว่า ‘มรดกของไห่ฟานมีเพียงหนึ่งเดียวขณะที่กองกำลังของนิกายเงายังเหลืออยู่ในห้าภูมิภาค ครั้งต่อไปที่ข้าพบอิงอู๋เซี่ย เขาอาจเหนือกว่าข้าไปแล้ว’

นิกายเงาไม่ขาดแคลนทรัพยากรและกำลังคน

ตอนนี้ฟางหยวนทำได้ดีที่สุดเพียงพัฒนาตนเองและหวังว่าครั้งต่อไปที่พบศัตรู เขาจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าออกมา

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้แข็งแรงขึ้นแล้วหลังจากได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวน

ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะกระตุ้นใช้งานมัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท