เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1169

ตอนที่ 1169

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1169 บุกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก (1)

แปลโดย iPAT

“เปรี้ยง!”

หม่าหงหยุนหมดสติแต่ร่างกายของเขายังสั่นกระตุกอย่างต่อเนื่อง

สายฟ้าเริ่มอ่อนกำลังลงและหายไปอย่างช้าๆ

การแสดงออกของปีศาจอมตะเซี่ยหูกลายเป็นมืดมน

การหลอมรวมหม่าหงหยุนล้มเหลว!

หากพวกเขาประสบความสำเร็จ หม่าหงหยุนจะยังอยู่ได้อย่างไร? เมื่อเขาถูกหลอมรวม เลือดเนื้อและกระดูกของเขาจะกลายเป็นก้อนแห่งโชคลาภ

ใบหน้าของท่านหญิงหว่านซูกลายเป็นซีดขาว

นางใช้บอลสายฟ้ากับหม่าหงหยุน นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ ตอนนี้เมื่อนางล้มเหลว นางย่อมได้รับผลกระทบย้อนกลับที่รุนแรง

“ที่รัก” ปีศาจอมตะเซี่ยหูเต็มไปด้วยความกังวล

ท่านหญิงหว่านซูเผยรอยยิ้มบาง “อย่ากังวล ข้าสามารถอดทนต่ออาการบาดเจ็บระดับนี้ หลังจากพักครึ่งวัน ข้าก็จะหายดี”

ปีศาจอมตะเซี่ยหูถอนหายใจ “นั่นเป็นสิ่งที่ดี”

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “แม้ครั้งนี้จะล้มเหลวแต่มันก็เป็นความพยายามครั้งแรกเท่านั้น”

“ถูกต้อง” ท่านหญิงหว่านซูเห็นด้วย “แม้เราจะล้มเหลวแต่เรายังสามารถเริ่มใหม่ ครั้งที่สองมันต้องราบรื่น ข้าขอพักผ่อนสักครึ่งวัน หลังจากนั้นเราจะเริ่มต้นอีกครั้ง”

การหลอมรวมวิญญาณอมตะจะประสบความสำเร็จในครั้งแรกได้อย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณอมตะระดัแปดที่อัตราความสำเร็จต่ำมาก

ในอดีตไห่ฟานพบกับความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำหลายครั้ง เขาสูญเสียทั้งความมั่นใจและแทบล้มละลาย

ดังนั้นความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวจึงไม่ทำให้ปีศาจอมตะเซี่ยหูและท่านหญิงหว่านซูยอมแพ้

ตรงข้ามพวกเขากระทั่งมั่นใจมากขึ้น

“ที่รัก เหตุใดต้องรีบร้อน เจ้าควรพักผ่อนสักสองสามวัน เจ้าอาจยังไม่รู้ เวลานี้พายุลูกใหม่กำลังก่อตัวขึ้นที่ภาคเหนือ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจากชูตู๋ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้ทางออก แต่ข้ามั่นใจว่าชูตู๋มีแผนสำรองที่ยังไม่ได้ใช้” ปีศาจอมตะเซี่ยหูยิ้มและอธิบาย

“โอ้” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ยินเรื่องนี้

ปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ แต่ภาคเหนือมีผู้อมตะระดับแปดอีกหลายคนที่ไม่เต็มใจเห็นเขาประสบความสำเร็จและแข็งแกร่งขึ้น

ดังนั้นปีศาจอมตะเซี่ยหูจึงต้องจับตามองผู้อมตะเหล่านี้อย่างใกล้ชิด

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต่อสู้กับชูตู๋ นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับปีศาจอมตะเซี่ยหู

อย่างไรก็ตามท่านหญิงหว่านซูกลับส่ายศีรษะปฏิเสธคำแนะนำของปีศาจอมตะเซี่ยหู “ข้าต้องการพักผ่อนเพียงครึ่งวัน ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมนี้สร้างขึ้นโดยซันหมิงลู่ มันเลียนแบบมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความโศกเศร้า มันมีความสามารถหลายอย่างแต่มันอยู่ได้เพียงวันเดียว การพักผ่อนครึ่งวันเพียงพอแล้ว ข้าต้องใช้เวลาที่เหลือในการหลอมรวม”

“เป็นเช่นนั้น” ปีศาจอมตะเซี่ยหูกล่าวต่อด้วยความกังวล “ที่รัก ลำบากเจ้าแล้ว”

“ไม่ นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับข้า” ดวงตาของท่านหญิงหว่านซูส่องประกายสดใส

คืนนั้น

แสงจันทร์สาดส่องลงบนทุ่งหญ้า หลายร่างลอบเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กอย่างลับๆ

พวกเขาก็คือฟางหยวน ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ หลี่ซื่อจุน และหวังอู๋หมิง

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเคยเป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ แต่ตอนนี้มันกลายเป็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไป่ซู

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กตัดขาดจากโลกภายนอกและไม่สามารถมองเห็น

ฟางหยวนเห็นเพียงทุ่งหญ้าที่สะท้อนแสงจันทร์เหมืนอทะเลสาบสีเขียวมรกต สายลมอันแผ่วเบาพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของผู้คนเช่นเดียวกับมือของคนรัก

มันเป็นฉากที่งดงามแต่หัวใจของฟางหยวนและคนอื่นๆกลับลุกไหม้ขึ้นด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้

แผนการของชูตู๋ทำให้ฟางหยวนรู้สึกชื่นชมเขา

ชูตู๋อดทนมานาน เขาลอบวางแผนและรวบรวมกำลังพลอย่างลับๆเพื่อโจมตีฐานทัพใหญ่ของศัตรู

หากแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กถูกยึดครอง มันจะส่งอิทธิพลอย่างมากต่อเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอาจถูกบังคับให้ยอมรับความพ่ายแพ้

“ชูตู๋ฉลาดจริงๆ เขากำลังใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งภายในเผ่าไป่ซู” ห่าวเจิ้นยิ้ม

“ฮ่าฮ่า เผ่าไป่ซูกลืนกินเผ่าไห่ แม้ผู้อมตะเผ่าไห่จะเปลี่ยนแซ่เป็นไป่ซู แต่พวกเขามีสายเลือดตระกูลฮวงจิน ตอนนี้พวกเขาถูกส่งออกไปปกป้องทรัพยากรที่สำคัญแต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก” เชาเหลาอู๋กล่าวเสริม

แหล่งทรัพยากรภายนอกอาจถูกโจมตีได้ตลอดเวลา ดังนั้นพวกมันจึงต้องได้รับการดูแลปกป้องจากผู้อมตะบางคน ภารกิจปกป้องประเภทนี้อันตรายยิ่งกว่าการปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของพวกเขา

“ที่รักชูช่างเป็นอัจฉริยะที่กล้าหาญ ข้าเคยคิดว่าพวกเราจะเลือกแหล่งทรัพยากรใดในการโจมตีครั้งนี้ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเราจะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กโดยตรง อา…ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงที่รักชู หัวใจของข้ามักเต้นเร็วเสมอ” หลี่ซื่อจุนม้วนนิ้วของเขาและจับหน้าอกของตนเอาไว้

ห่าวเจิ้นและเชาเหล่าอู๋รู้สึกขนลุกและรีบถอยห่างจากเขาให้ไกลที่สุด

“เอาล่ะ เราต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ผู้ใดมีวิธีบุกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ ทำมัน!” ฟางหยวนกล่าว

ดวงตาของหลี่ซื่อจุนส่องประกายขึ้น “ที่รักหลิวเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญนัก ข้ารู้สึกมีความสุขจริงๆ”

ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ “หุบปาก”

หลี่ซื่อจุนยกมือขึ้นกุมหน้าอกขณะก้าวถอยหลังและส่ายศีรษะ “ข้าเสียใจ หัวใจของข้าแตกสลายแล้ว”

ราวกับไม่สามารถอดทนต่อถ้อยคำของหลี่ซื่อจุน หวังอู๋หมิงเร่งก้าวออกไป

ดังที่ฟางหยวนคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางพวกเขา บางคนมีวิธีบุกแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่ไม่ใช่ความมั่นใจของฟางหยวนที่มีต่อคนแปลกหน้าแต่เป็นความเชื่อมั่นของเขาที่มีต่อชูตู๋ ชูตู๋เป็นคนฉลาด เขาจะไม่คิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร

รัศมีแสงของวิญญาณจำนวนมากเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของหวังอู๋หมิง จากนั้นร่างของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นสุนัขล่าเนื้อขนาดใหญ่

สุนัขล่าเนื้อตัวนี้มีขนสีขาวราวหิมะ ดวงตาของมันซีดขาวและปราศจากรูม่านตา

หลี่ซื่อจุนอ้าปากค้างและกรีดร้องเบาๆ “อา…นี่คือสัตว์อสูรแรกกำเนิด สุนัขกลืนสวรรค์งั้นหรือ?”

ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋มองหน้ากันและแสดงออกอย่างมีความสุข นี่หมายถึงพลังการต่อสู้ระดับแปดมิใช่หรือ?

ฟางหยวนส่ายศีรษะ “แม้เขาจะกลายเป็นสุนัขกลืนสวรรค์ เขาก็ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แล้วเขาจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดได้อย่างไร?”

หากเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด ฟางหยวน ห่าวเจิ้น และคนอื่นยังต้องมาที่นี่อีกงั้นหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นหากเขามีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาย่อมมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ แล้วชูตู๋จะเชิญเขามาได้อย่างไร?

เป็นเพียงเวลานี้ที่สุนัขกลืนสวรรค์อ้าปากและกัดที่ว่างตรงหน้า

ห้วงมิติถูกกัดกินโดยสุนัขกลืนสวรรค์ ตามมาด้วยเสียงตะโกนที่ตกใจ

“ผู้ใด!?”

“เจ้ากล้ากลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของพวกเรางั้นหรือ!?”

“ศัตรูบุก!”

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลายร่างบินเข้ามาปิดกั้นกลุ่มของฟางหยวนเอาไว้

หวังอู๋หมิงเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และกล่าวอย่างอ่อนแรง “ข้าต้องพักสักครู่ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว”

การเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดเกินขีดจำกัดของเขา บางทีท่าไม้ตายอมตะที่เขาใช้อาจส่งผลกระทบย้อนกลับที่ไม่รุนแรง

“บึม!”

ฟางหยวนกระทืบเท้าลงบนพื้น ก่อนที่หวังอู๋หมิงจะกล่าวจบประโยค เขาก็พุ่งเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเรียบร้อยแล้ว

“เจ้ากล้างั้นหรือ!?”

“ดูวิญญาณอมตะของเรา!”

กลุ่มผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดของเผ่าไป่ซูพุ่งเข้าสู่การต่อสู้

ฟางหยวนเย้ยหยันและผลักฝ่ามือออกไป

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนบดขยี้การโจมตีของผู้อมตะเผ่าไป่ซูและทำให้พวกเขากระเด็นกลับหลัง

แต่กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนก็สูญเสียพลังงานทั้งหมดเช่นกัน

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูโจมตีอย่างดุเดือดด้วยดาบสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!

ทันใดนั้นความเร็วของเขาก็พุ่งสูงขึ้นและนำเขาบินลึกเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูตกใจมากกับความเร็วนี้

ห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุนที่อยู่ด้านหลังก็ตกใจมากเช่นกัน พวกเขาหวังว่าฟางหยวนจะอยู่ด้านหน้าและเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู

แต่ฟางหยวนกลับปล่อยให้พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูโดยไม่แยแส

หลังจากนั้นผู้อมตะเผ่าไป่ซูผู้หนึ่งก็รีบไล่ล่าฟางหยวน ผู้อมตะคนอื่นๆยังอยู่ที่เดิมเพื่อปิดกั้นห่าวเจิ้น เชาเหลาอู๋ และหลี่ซื่อจุน

การโจมตีนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับสายฝน

การต่อสู้ที่วุ่นวายทำให้ผู้อมตะเหล่านี้ติดอยู่ที่นี่

ฟางหยวนทะยานร่างข้ามผ่านท้องฟ้า

ด้วยวิธีตรวจสอบของเขา เขาเห็นร่องรอยมากมายที่หลงเหลืออยู่จากการต่อสู้ของเผ่าไห่

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท