เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1171

ตอนที่ 1171

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1171 เสียงคำรามของวายุสายฟ้า

แปลโดย iPAT

ไป่ซูเหว่ยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นหวังอู๋หมิงและไล่ล่าไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

หวังอู๋หมิงในร่างสุนัขดาวตกเพลิงวิ่งและตะโกน “เหตุใดเจ้าถึงไล่ล่าข้า? ข้าไม่ได้นำรังอินทรีย์ไปแม้แต่รังเดียว! มันคือหลิวกวนซื่อ! เจ้าตาบอดหรือไร้สมอง!?”

“พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย!” ไป่ซูเหว่ยคำราม

เขาไม่พบร่างจริงของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงไล่ล่าหวังอู๋หมิง

หวังอู๋หมิงแข็งแกร่งแต่เขาไม่กล้าสังหารไป่ซูเหว่ย

ต้องขอบคุณหวังอู๋หมิงที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของไป่ซูเหว่ย มันจึงทำให้ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวรังอินทรีย์

“อา…” ไป่ซูเหว่ยพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอีกครั้งแต่ฟางหยวนยังใช้วิธีเดิม

ไป่ซูเหว่ยคำรามด้วยความโกรธและส่งเข็มทองคำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปทุกทิศทุกทาง

ภูตมนุษย์จำนวนมากถูกทำลายแต่ฟางหยวนยังเติมเต็มพวกมันอย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์ที่ไร้ยางอายนี้ทำให้ไป่ซูเหว่ยยิ่งโกรธมากขึ้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูคนอื่นๆเดินทางมาถึง

“อา…รังอินทรีย์ของพวกเราอยู่ที่ใด?”

“ท่านเหว่ย ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

“คนชั่ว! คืนรังอินทรีย์ของพวกเรามา!”

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูโกรธมากแต่ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร

ในเวลาเดียวกันหลี่ซื่อจุนก็ปรากฏตัวขึ้น

เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของกลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซู เขาเข้าใจทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

เขามองสุนัขดาวตกเพลิงหวังอู๋หมิงและกล่าวด้วยความอิจฉา “หวังอู๋หมิง เจ้าทำกำไรได้มากจริงๆ!”

สุนัขดาวตกเพลิงที่ได้รับบาดเจ็บได้ยินถ้อยคำเหล่านี้และระเบิดความโกรธออกมา “กำไรบัดซบใด! ข้าไม่ได้สิ่งใดทั้งสิ้น!”

หลี่ซื่อจุนกรอกตาและชี้นิ้วไปที่สุนัขดาวตกเพลิง “น่าขัน ดูว่าตนเองน่าสมเพชเพียงใด? คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้างั้นหรือ?”

หวังอู๋หมิงแทบไม่สามารถระงับความโกรธ “บัดซบ! หากเจ้าไม่เชื่อข้า ทุกสิ่งจะถูกยึดครองโดยหลิวกวนซื่อ!”

หลี่ซื่อจุนตะลึงก่อนจะมองไปที่กองทัพภูตมนุษย์ด้วยดวงตาส่องประกาย “ที่รักหลิวช่างยอดเยี่ยมนัก เขาช่างเป็นตัวตนที่โดดเด่นจริงๆ”

ขณะที่เขากำลังกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ บางสิ่งพลันบังเกิดขึ้น

แสงสีเขียวปะทุขึ้นจากกลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซูก่อนที่ร่างยักษ์เขียวจะก่อตัวขึ้น

“ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนี!” ยักษ์เขียวตะโกนเสียงดัง

หวังอู๋หมิงในร่างสุนัขดาวตกเพลิงเห็นสิ่งนี้และรีบวิ่งหนีอย่างสุดความสามารถ

หลี่ซื่อจุนกรีดร้อง “โอ้ สวรรค์ ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ ความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียว!”

หลังกล่าวจบคำ เขาวหันหลังกลับและวิ่งหนีเช่นกัน

ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวมีพลังการต่อสู้ที่สามารถเทียบเคียงกับผู้อมตะระดับแปด หลังจากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่ต้องส่งมอบค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณนี้ให้กับเผ่าไป่ซู

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขานำมันออกมาใช้งาน

“บึม!”

ยักษ์เขียวปรบมือ

แสงสีทองพุ่งออกมาทำลายกองทัพภูตมนุษย์ทั้งหมดในสนามรบ

แต่ตอนนี้ฟางหยวนเปลี่ยนร่างเป็นอินทรีย์ตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในรังอินทรีย์รังหนึ่ง

‘ดังคาด เมื่อยักษ์เขียวปรากฏตัว กองทัพภูตมนุษย์ของข้าก็ถูกทำลายทันที แต่รังอินทรีย์ที่เหลือกลับไม่เป็นอันตราย น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่พบข้า’

ใบหน้าที่คุ้นเคยมีประโยชน์มาก

โดยปราศจากวิธีตรวจสอบบนเส้นทางแห่งโชคหรือวิธีการพิเศษบางอย่าง มันเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบใบหน้าที่คุ้นเคย

ดวงตาของยักษ์เขียวระเบิดแสงสีทองออกมา กลุ่มผู้อมตะเผ่าไป่ซูกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบพร้อมกันแต่พวกเขายังไม่พบฟางหยวน

ไป่ซูเหว่ยก่นเสียงเย็นก่อนจะบังคับยักษ์เขียวให้คว้ารังอินรทรีย์เก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขา

“หือ? เขาฉลาดขึ้น” ฟางหยวนถอนหายใจก่อนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนอีกครั้งและหลบหนีออกมา

เขาไม่สามารถเข้าไปในมิติช่องว่างของไป่ซูเหว่ยพร้อมกับรังอินทรีย์

แม้ที่นั่นจะเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ของไป่ซูเหว่ยแต่ฟางหยวนไม่มีวิธีทะลวงออกจากมิติช่องว่างของผู้อมตะ

สำหรับรังอินทรีย์สามรังที่เหลือ มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง

หลังจากทั้งหมดเขาคว้ารังอินทรีย์มาแล้วมากกว่าแปดสิบรัง!

“เขาอยู่ที่นี่!” ยักษ์เขียวกรีดร้องและโจมตีกองทัพภูตมนุษย์ทั้งหมด

ยักษ์เขียวสะบัดมือส่งดาบวายุเข้าโจมตีฟางหยวนขณะที่ฟางหยวนส่งกองทัพภูตมนุษย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่ดาบวายุยังโจมตีเข้าเป้า ฟางหยวนพ่นเลือดคำโตออกมาจากปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

นี่คือพลังการต่อสู้ระดับแปด!

ดาบวายุจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีร่างจริงของฟางหยวน

บุรุษคนก่อนหน้า!

ฟางหยวนกลับสู่สภาพปกติในเสี้ยวพริบตา

ยักษ์เขียวแสดงออกด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อเห็นฟางหยวนไม่ได้รับบาดเจ็บ

ฟางหยวนตัดสินใจบินเข้าไปหาหวังอู๋หมิง

เห็นฟางหยวนล่อลวงยักษ์เขียวเข้ามา หวังอู๋หมิงตกใจมากและรีบวิ่งหนีเพื่อรักษาชีวิตรอด

ฟางหยวนเข้าใกล้หวังอู๋หมิงมากขึ้นเรื่อยๆ

ยักษ์เขียวไล่ล่าพวกเขามาอย่างไม่ลดละ

“โฮ่ง! อย่ามาทางนี้!”

“โฮ่ง! หลิวกวนซื่อ เจาฉกฉวยผลประโยชน์ทั้งหมดไปแล้ว ตอนนี้เจ้ายังต้องการลากข้าไปตายพร้อมกับเจ้า เจ้าจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”

“โฮ่ง! ปล่อยข้าไป พวกเราต่างเป็นสหายของจักรพรรดิอมตะ!”

ฟางหยวนไม่สนถ้อยคำเหล่านี้ เขายังมุ่งมั่นที่จะใช้หวังอู๋หมิงเป็นเหยื่อบูชายัญ

ความเร็วของยักษ์เขียวเหนือกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

โดยปราศจากเหยื่อสังเวย ฟางหยวนจะไม่สามารถหลบหนีจากยักษ์เขียว

เห็นฟางหยวนกับยักษ์เขียวเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา หวังอู๋หมิงรู้สึกโกรธและปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมาอย่างรุนแรง

เขาอาศัยอยู่ในภาคเหนือมานานหลายปี เขาไม่เคยพบกับความยากลำบากเท่ากับวันนี้ หลิวกวนซื่อไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีต่อเขาตั้งแต่แรก เมื่อเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเด็กหนุ่มผู้นี้ยังขโมยผลประโยชน์ทั้งหมดไปโดยที่หวังอู๋หมิงไม่ได้รับสิ่งใดเลย

สิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้หลิวกวนซื่อยังต้องการใช้เขาเป็นเหยื่อบูชายัญ

หวังอู๋หมิงต้องการโจมตีฟางหยวนแต่เขาต้องหยุดความคิดนี้เอาไว้

เหตุผลชัดเจนมาก พวกเขาสร้างข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถโจมตีสมาชิก

เนื่องจากฟางหยวน หลี่ซื่อจุน และคนอื่นๆไม่ได้สนิทกัน เมื่อพวกเขาต้องทำงานร่วมกัน พวกเขาจึงต้องสร้างข้อตกลงพันธมิตร

ผู้สร้างข้อตกลงไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะนิกายชูที่ชูตู๋เลือกมา

‘อย่างน้อยเจ้าก็ยังฉลาด’ ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชา

ฟางหยวนบินผ่านหวังอู๋หมิงแต่เขายังไม่สามารถหลบหนีจากยักษ์เขียว

ยักษ์เขียวถือเป็นค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณอันดับสามในประวัติศาสตร์ มันเป็นรองเพียงยักษ์สวรรค์ และผู้พิทักษ์สวรรค์เท่านั้น

หากฟางหยวนไม่วางแผน เขาจะถูกจับกุมในที่สุด

การทำเช่นนี้อาจทำให้ฟางหยวนได้รับผลกระทบย้อนกลับจากข้อตกลงพันธมิตร แต่ขอบเขตของมันยังไม่รุนแรงนักเพราะฟางหยวนไม่ได้โจมตีพันธมิตรของเขาโดยตรง

หวังอู๋หมิงกังวลมาก เขาตระหนักได้ถึงเจตนาสังหารที่รุนแรงจากยักษ์เขียว

“ช่วยข้าด้วย!” หวังอู๋หมิงตะโกนด้วยความสิ้นหวัง

“อย่าห่วงพี่หวัง พวกเรามาช่วยท่านแล้ว” ห่าวเจิ้นตะโกนมาจากระยะไกล

ข้างกายเขายังมีเชาเหลาอู๋

หวังอู๋หมิงดีใจมาก เขารีบตะโกน “หากข้ารอด ข้าจะตอบแทนพวกเจ้าอย่างแน่นอน!”

ห่าวเจิ้นพยักหน้าและกล่าวกับเชาเหลาอู๋เบาๆ “พี่เชามาเริ่มกันเถอะ”

“ได้เลย” เชาเหลาอู๋ระเบิดพลังออกมา พลังงานอมตะจำนวนมากของเขาถูกใช้ไปในกระบวนการนี้

สายลมสีเขียวควบรวมกันเป็นบอลอากาศขนาดมหึมา

“วายุ…” เชาเหลาอู๋คำราม

“สายฟ้า!” ห่าวเจิ้นตะโกนต่อขณะที่กระแสสายฟ้าปะทุออกมาจากร่างของเขา

ต่อมาเชาเหลาอู๋และห่าวเจิ้นก็อ้าปากตะโกนไปยังยักษ์เขียว

“เสียงคำรามของวายุสายฟ้า!”

บอลอากาศสีเขียวก่อตัวเป็นพายุหมุนขณะที่สายฟ้าพุ่งเข้าหลอมรวมกับมัน

ในเวลาสองหรือสามลมหายใจต่อมา พายุสายฟ้าก็พุ่งกระแทกหน้าอกของยักษ์เขียวด้วยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว

พลังการต่อสู้ระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด!

ยักษ์เขียวยกแขนขึ้นป้องกัน

หลังจากหลายลมหายใจพายุสายฟ้าก็อันตรธานหายไปขณะที่ยักษ์เขียวยังยืนอยู่อย่างมั่นคง

‘หากข้าถูกโจมตีด้วยเสียงคำรามของวายุสายฟ้า ข้าคงตายไปแล้ว!” ฟางหยวนบินหนีแต่ยังเฝ้ามองการต่อสู้ที่อยู่ด้านหลัง

หวังอู๋หมิงวิ่งหนีโดยไม่หันหลังกลับ

“ไม่แปลกใจเลยที่มันมีพลังการต่อสู้เทียบเคียงผู้อมตะระดับแปด ไปเถอะ!” ห่าวเจิ้นกล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว

เชาเหลาอู๋ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีไปกว่าห่าวเจิ้น ดังนั้นทั้งสองจึงรีบล่าถอย

ยักษ์เขียวปิดกั้นเสียงคำรามของวายุสายฟ้าได้เกือบสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยวิธีนี้มันจึงต้องหยุดเคลื่อนไหว

“มีบางอย่างแปลกๆ” ผู้อมตะเผ่าไป่ซูรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

สำหรับผู้บุกรุก พวกเขาทั้งหมดหนีไปไกลแล้ว

เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างของยักษ์เขียวเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงโดยไม่คาคดิด เศษชิ้นส่วนร่างกายของมันกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทุกทางและอันตรธานหายไปในเวลาต่อมา

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูทั้งหมดกระอักเลือดคำโตและล้มลงบนพื้นอย่างน่าอนาถ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท