เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1177

ตอนที่ 1177

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1177 ดิ้นรนต่อสู้ (1)

แปลโดย iPAT

หลายวันต่อมาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

กีบเท้าม้าอสูรเดียวดายสีดำเหยียบลงบนพื้นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีศัตรู

ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

เขาสามารถหลบได้แต่รอยแยกใต้พิภพซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของชูตู๋อยู่ด้านหลังเขา

ดินหลากสีจำเป็นต้องดูดซับปราณพิภพและสารอาหารมากพอก่อนจะสามารถเคลื่อนย้ายอีกครั้ง หากพยายามเคลื่อนย้ายมันระหว่างนั้น พวกมันจะถูกทำลาย

ทรัพยากรส่วนใหญ่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานถูกย้ายกลับเข้าไปในมิติช่องว่างของชูตู๋แล้วแต่ทรัพยากรบางชนิดยังไม่สามารถนำกลับไป

ตั้งแต่ฟางหยวนนำเจตจำนงของสองปีศาจอมตะมาถึง ชูตู๋ขอให้เขาช่วยปกป้องสถานที่แห่งนี้

แน่นอนว่ามันมีค่าตอบแทน

ชูตู๋สัญญากับฟางหยวนว่าเขาจะมอบดินหลากสีครึ่งหนึ่งให้ฟางหยวน

เปลี่ยนเป็นหมีบิน!

ร่างของฟางหยวนส่องประกายขึ้นก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นหมีสีขาวขนาดใหญ่และปิดกั้นม้าอสูรเดียวดายเอาไว้

หลังจากปะทะเดือด หมีบินถอยหลังกลับไปห้าถึงหกก้าวก่อนจะล้มลงบนพื้น

สำหรับม้าอสูรเดียวดาย มันหยุดนิ่งและส่ายศีรษะปัดเป่าความมึนงงออกไป

“แข็งแรงใช้ได้” ฟางหยวนกัดฟันก่อนจะคำรามด้วยเสียงของหมี

เมื่อเห็นม้าอสูรเดียวดายยังเวียนศีรษะ หมีบินฟางหยวนพุ่งเข้าโจมตีทันที

“บึม!”

ฝุ่นควันลอยขึ้นสู่อากาศ

หมีบินใช้อุ้งเท้าฟาดม้าอสูรเดียวดายและทำให้มันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

แม้ม้าอสูรเดียวดายจะแข็งแกร่งมากแต่หมีบินฟางหยวนสามารถกำหราบมัน

‘โชคดีที่ข้าเพิ่มวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินเข้าไปในท่าไม้ตายเปลี่ยนเป็นหมีบิน นี่ทำให้ความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถปราบปรามม้าอสูรเดียวดายตัวนี้’

ฟางหยวนหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นม้าอสูรเดียวดายหมดสติไป

เขาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และเก็บม้าอสูรเดียวดายเข้าไปในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

‘สัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สาม’ ฟางหยวนคิด

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งสัตว์อสูรเดียวดายที่หลากหลายเข้ามา

หลังจากฟางหยวนเรียนรู้ความลับของถ้ำปีศาจคลั่ง เขาตัดสินใจสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับชูตู๋

ฟางหยวนมาที่นี่เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้ แม้การต่อสู้จะรุนแรงแต่ฟางหยวนยังมีช่วงเวลาที่ง่ายดาย

ไม่กี่วันมานี้มีสัตว์อสูรเดียวดายที่ทะลวงผ่านแนวหน้าเข้ามาถึงที่นี่สามตัว ม้าอสูรเดียวดายสองตัวและหมาป่าครีบฉลามเดียวดายหนึ่งตัว

ฟางหยวนถือว่าพวกมันเป็นคู่ฝึกซ้อมในการฝึกฝนทักษะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขา

เขาสังหารสัตว์อสูรเดียวดายสองตัวแรกและเก็บสัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สาม

‘ม้าอสูรเดียวดายก่อนหน้านี้ไม่มีเงา มันน่าจะเป็นม้าไร้เงาที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ’

แม้ฟางหยวนจะไม่เคยเห็นม้าไร้เงามาก่อนแต่เขายังสามารถแยกแยะ

ม้าไร้เงาเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันก็เป็นสัตว์อสูรหายาก

ไม่มีม้าไร้เงาขายในสวรรค์สีเหลือง

ม้าไร้เงาตัวนี้เป็นสมบัติของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หลังจากฟางหยวนเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างของตน เขารีบใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบมันทันที

ฟางหยวนตระหนักว่าบนร่างกายของม้าไร้เงาตัวนี้นอกจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งความมืด มันยังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสอีกมากมาย

หลังจากพยายามหลายวิธี ฟางหยวนก็ยังไม่สามารถกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งทาสเหล่านี้และต้องสังหารมันเท่านั้น

ม้าไร้เงาตัวนี้เป็นทาสของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หากมันยังอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันจะทำลายทุกสิ่ง

แต่การฆ่ามัน ฟางหยวนจะสามารถขายเนื้อและกระดูกของมันในสวรรค์สีเหลือง

ม้าไร้เงาที่มีชีวิตมีค่ามากกว่า แต่มันเป็นสมบัติของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ผู้อื่นไม่สามารถกดขี่มัน

ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะไม่ซื้อม้าไร้เงาที่มีปัญหาตัวนี้

นอกจากนั้นการขายม้าไร้เงาตัวนี้อย่างเปิดเผยจะถูกค้นพบโดยจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เขาอาจให้บางคนซื้อมันกลับไป

ต้องไม่ลืมว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปด มันจะเป็นการสร้างศัตรูที่น่ากลัว ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องฆ่ามันเท่านั้น

หลังจากสังหารม้าไร้เงาและแปรรูป ฟางหยวนนำส่วนหนึ่งของมันไปขายในสวรรค์สีเหลืองทันที

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ซากศพของอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายและราชาวานรจากถ้ำปีศาจคลั่งที่เขาโยนเข้าไปในสวรรค์สีเหลืองแทบไม่ได้รับการตอบรับ

ฟางหยวนเคยใช้วิญญาณอมตะสัมผัสแห่งเต๋าตรวจสอบพวกมันมาก่อน

เขาตระหนักว่าซากศพของอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายและราชาวานรมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท

เห็นได้ชัดว่าเสียงปีศาจในถ้ำปีศาจคลั่งทำให้เกิดสถานการณ์นี้

เสียงปีศาจถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจไร้ขอบเขต มันทำให้สิ่งมีชีวิตที่ได้ยินเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในร่างของพวกมันก็จะเกิดความปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลง

เฟางหยวนคิดถึงเรื่องนี้และนำซากศพอสรพิษเถาวัลย์เดียวดายกับราชาวานรกลับมาจากสวรรค์สีเหลือง

ยิ่งเขาวางไว้ในสวรรค์สีเหลืองนานเท่าใด เขาก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมมากเท่านั้น มันไม่คุ้มค่า

นอกจากซากศพของสัตว์อสูรเดียวดายทั้งสอง ฟางหยวนยังนำวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากกลับมาเช่นกัน ท่ามกลางวิญญาณเหล่านี้มีวิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปีมากที่สุด

ตั้งแต่ฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบ่อยครั้งและเสียค่าใช้จ่ายไปมากมาย

นอกเหนือจากวิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปี ฟางหยวนยังต้องการวิญญาณเจตจำนงของตนเองจำนวนมาก

แต่วิญญาณเจตจำนงของตนเองเป็นวิญญาณหายาก ฟางหยวนจึงต้องขอให้ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยาช่วยหลอมรวมพวกมันให้เขาโดยแลกเปลี่ยนกับแต้มผลงาน

ฟางหยวนค้นหาผู้ขายคริสตัลสวรรค์ในสวรรค์สีเหลือง

จนถึงตอนนี้เขาพบเพียงสองรายเท่านั้น

หนึ่งคือผู้อมตะระดับแปด แต่ฟางหยวนไม่มีสิ่งแลกเปลี่ยนที่เขาต้องการ

อีกหนึ่งเป็นผู้อมตะระดับหกที่บังเอิญพบคริสตัลสวรรค์โดยบังเอิญ ฟางหยวนต้องการซื้อแต่ราคาของมันแพงกว่าปกติสามเท่า

ฟางหยวนคิดและเลือกที่จะยอมแพ้ แม้เขาจะมีทรัพยากรมากมาย แต่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่ห้ากำลังจะมาถึงในเวลานั้น มันไม่คุ้มค่าที่จะใช้ทรัพยากรจำนวนมากแลกเปลี่ยนกับคริสตัลสวรรค์เพียงเล็กน้อย

‘โอ้?’ ในจังหวะนี้ฟางหยวนได้รับข้อความจากชูตู๋ เขาขอให้ฟางหยวนไปช่วยหลี่ซื่อจุน สถานการณ์ที่นั่นอันตรายมากและต้องการกำลังเสริม

สองสามวันที่ผ่านมา นี่เป็นข้อความแรกที่ฟางหยวนได้รับ

เขารีบไปที่สนามรบทันที

ที่นั่นหลี่ซื่อจุนกับหวังอู๋หมิงอยู่ในการต่อสู้ที่ยากลำบาก

ฝูงหมาป่าเดียวดายกำลังล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้

แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ

เขาได้รับข้อมูลจากชูตู๋มาแล้ว

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถสร้างร่างเทียมของสัตว์อสูรเดียวดาย

ท่ามกลางพวกมันมีร่างจริงเพียงร่างเดียว หากหาร่างจริงไม่พบ ร่างเทียมของมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สัตว์อสูรเดียวดายแต่ละตัวมีร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูนั่งอยู่บนแผ่นหลังของพวกมันทุกตัว

‘ร่างหลักอยู่ที่ใด?’ ฟางหยวนขมวดคิ้วก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายหมื่นตัวตน

กองทัพภูตมนุษย์พุ่งเข้าโจมตีฝูงหมาผ่า

“มันคือหลิวกวนซื่อ!” หลี่ซื่อจุนแทบร้องไห้ออกมาด้วยความสุข

หวังอู๋หมิงก่นเสียงเย็น ครั้งก่อนฟางหยวนใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ ดังนั้นเขาจึงไม่มีความประทับใจที่ดีต่อฟางหยวน แม้ตอนนี้ฟางหยวนจะมาช่วยพวกเขา แต่หวังอู๋หมิงก็ไม่รู้สึกขอบคุณ

กองทัพภูตมนุษย์และฝูงหมาป่าปะทะกัน

ไม่กี่นาทีต่อมากองทัพภูตมนุษย์ก็ถูกทำลายจนแทบหมดสิ้นโดยฝูงหมาป่า

เปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนเป็นท่าไม้ตายที่ผสมผสานระหว่างเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งทาส แต่หากคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป ประโยชน์ของพวกมันก็จะลดน้อยลง

แม้พวกมันจะมีจำนวนมากแต่พวกมันยังขาดพลังการต่อสู้

ในอดีตฟางหยวนมักใช้กองทัพภูตมนุษย์เพื่อซ่อนร่างจริงของเขา

กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!

ฟางหยวนเปลี่ยนท่าไม้ตายและทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป

ฝูงหมาป่าเดียวดายแทบไม่สามารถต่อต้านกำปั้นยักษ์ของฟางหยวน

…..

แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ ยอดเขาที่หนึ่ง

ค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมส่องประกายราวกับดวงตะวัน

“ครั้งที่สาม!” ท่านหญิงหว่านซูสูดหายใจลึก นางถือบอลสายฟ้าเดินเข้าไปหาหม่าหงหยุน

หม่าหงหยุนตะโกน “ไม่ ไม่ ปล่อยข้าไป ข้าไม่อยากตาย!”

บอลสายฟ้าลอยไปที่หน้าอกของเขา

ประกายสายฟ้าปะทุขึ้นก่อนที่หม่าหงหยุนจะหมดสติ

“ล้มเหลวอีกครั้ง” ท่านหญิงหว่านซูรู้สึกเวียนศีรษะอย่างรุนแรงและแทบล้มลงบนพื้น

นางไม่สนอาการบาดเจ็บและเริ่มรักษาหม่าหงหยุน

หม่าหงหยุนต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นวัสดุในการหลอมรวม

“หือ? ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ” ระหว่างการรักษา ท่านหญิงหว่านซูพบสิ่งผิดปกติ

“มันเป็นเพราะบอลสายฟ้างั้นหรือ? ในความเป็นจริงวิญาณบางดวงสามารถยกระดับการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณ”

“ที่รัก เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ปีศาจอมตะเซี่ยหูพึ่งมาถึงในเวลานี้

“อย่ากังวล” ใบหน้าของท่านหญิงหว่านซูซีดขาวแต่นางยังเผยรอยยิ้มให้ปีศาจอมตะเซี่ยหู “ข้าเพียงต้องพักสักเล็กน้อยเท่านั้น”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท