เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1179

ตอนที่ 1179

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1179 ดิ้นรนต่อสู้ (3)

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

การต่อสู้ที่รุนแรงสิ้นสุดลงแล้ว

สนามรบเต็มไปด้วยหลุมบ่อและซากศพของวานรเทพน้ำแข็ง เปลวเพลิงจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งไฟลุกไหม้อยู่อย่างเงียบๆ

ผู้อมตะได้รับบาดเจ็บและล้มตาย

ผู้ที่เสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนี้คือผู้อมตะหญิงบนเส้นทางแห่งการโจมกรรม

นางไม่ได้ถูกมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บสังหารแต่ถูกสังหารโดยร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

ปอดซ้ายของเขาถูกแทงทะลุ หอกน้ำแข็งยังปักอยู่บนหน้าอกของเขา

ขาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งขณะที่เนื้อเริ่มเน่าเปื่อย

ร่างทารกอมตะมีข้อได้เปรียบเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกัน แต่นี่ก็เป็นข้อบกพร่องที่สำคัญเช่นกัน เมื่อฟางหยวนถูกโจมตี เขาจะได้รับความเสียหายที่รุนแรงกว่าคนอื่นๆ

ในการต่อสู้ครั้งนี้ฟางหยวนได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับข้อบกพร่องร้ายแรงของร่างทารกอมตะ

‘ท่าไม้ตายสายป้องกันของข้ายังอ่อนแอเกินไป’

‘วิญญาณอมตะสมบัติเลือดยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ข้าไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะอาภรณ์โลหิต การป้องกันบนเส้นทางแห่งกาลเวลาไม่มีประโยชน์มากนัก’

แม้ฟางหยวนจะได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน แต่วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำถูกผนึกเอาไว้ การใช้งานมันจะดึงดูดอสูรปีให้เข้ามา

หากอสูรปีระดับแปดบุกมิติช่องว่างของฟางหยวน เขาจะพบกับความสูญเสียอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้งานวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำในช่วงเวลานี้

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมีวิธีการป้องกันที่โดดเด่นแต่พวกมันล้วนใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเป็นแกนกลาง

ท่าไม้ตายสายป้องกันในปัจจุบันของฟางหยวนใช้วิญญาณปีอมตะเป็นแกนกลาง หลังจากไห่ฟานบรรลุระดับเจ็ด เขาหยุดใช้มันทันที

‘จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งทาสที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง!’

‘แม้เขาจะอยู่นอกถ้ำสวรรค์และส่งเพียงร่างเทียมเข้ามา เขาก็ยังแข็งแกร่งมาก’

‘การบิดเบือนห้วงมิติและส่งฝูงสัตว์อสูรเข้ามาก็เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาจริงๆ’

ในการต่อสู้ครั้งนี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งวานรเทพน้ำแข็งหนึ่งร้อยตัวและต้นหลิวหิมะเดียวดายจำนวนมากเข้ามา

ระหว่างการต่อสู้ เขายังส่งวานรเทพน้ำแข็งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนคุ้นเคยกับวานรเทพน้ำแข็ง ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเคยมีสัตว์อสูรชนิดนี้อยู่ตัวหนึ่ง

เมื่อนิกายกระเรียนอมตะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู ฟางหยวนยืมวานรเทพน้ำแข็งมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

อย่างไรก็ตามมันตายในการต่อสู้เพื่อปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

นอกจากนั้นระหว่างไห่ลั่วหลันก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะที่แดนน้ำแข็ง ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งก็ปรากฏขึ้นในรูปลักษณ์ของวานรเทพน้ำแข็งเช่นกัน

‘วานรเทพน้ำแข็งตัวจริงแข็งแกร่งกว่าวานรเทพน้ำแข็งที่ถูกสร้างขึ้นจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งในแง่ของความสามารถในการต่อสู้’

‘ในความเป็นจริงพืชอสูรและสัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูที่ควบคุมพวกมัน’

‘เมื่อกองทัพพืชอสูรและสัตว์อสูรเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบ พวกมันจะแข็งแกร่งขึ้น’

ฟางหยวนนึกถึงการต่อสู้ทั้งหมดและตระหนักถึงพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด

แม้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะไม่ได้เข้าสู่สนามรบด้วยตนเอง แต่ฟางหยวนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

พวกเขาได้รับชัยชนะเพราะความร่วมมือของทุกคน

‘เป็นการต่อสู้ที่น่าสังเวชอย่างแท้จริง หากต้องต่อสู้อีกสองหรือสามครั้ง องุ่นเขียวอมตะของข้าจะหมดสิ้นลงอย่างสมบูรณ์’

‘สิ่งที่ข้าสะสมมานานกลับถูกใช้ไปในครั้งนี้’

‘กระทั่งอาการบาดเจ็บของข้าก็ยังต้องใช้ทั้งเวลาและพลังงานอมตะจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูมัน’

ฟางหยวนรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้อีกต่อไป

ในความเป็นจริวการสูญเสียของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยิ่งรุนแรงกว่าฟางหยวน

การต่อสู้มาถึงจุดที่ไร้ทางออกอีกครั้ง

แต่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถถอยหลัง

การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น

ความพยายามของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอาจล้มเหลวแต่มันยังมีผล

เขาพยายามสร้างฐานที่มั่นชั่วคราวในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานและรักษามันไว้ ขณะเดียวกันเขาก็ส่งสัตว์อสูรบุกโจมตีศัตรูทำให้ฝ่ายของชูตู๋พบปัญหาในการป้องกัน

ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพยายามทำลายแหล่งทรัพยากรที่เป็นรากฐานของชูตู๋ เรื่องนี้เขาประสบความสำเร็จ

แม้ชูตู๋ ฟางหยวน และคนอื่นๆจะได้เปรียบด้านจำนวนคนแต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์

ทั้งสองฝ่ายต่างดื้อรั้น

แต่ฟางหยวนเป็นคนแรกที่ยอมแพ้

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดปลอม ที่ผ่านมาเขาใช้เพียงองุ่นเขียวอมตะระดับหกเท่านั้น

สำหรับชูตู๋ การแสดงออกของเขาค่อนข้างน่าเกลียด

โดยเฉพาะเมื่อเขาอยู่ตามลำพังกับฟางหยวน เขาจะก้มหน้าและแสดงความกังวลออกมา

เขากล่าวกับฟางหยวน “ข้าขอความช่วยเหลือจากทุกคนที่ข้าสามารถขอแล้ว”

“แต่ผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้คือจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู แม้เราจะไม่ได้ต่อสู้กับร่างหลักของเขา แต่พวกเราก็ไม่สามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด”

“กุญแจสำคัญในการตัดสินชัยชนะไม่ได้อยู่ในสนามรบแต่เป็นเผ่าไป่ซูที่อยู่ด้านนอก”

ชูตู๋เข้าใจอย่างชัดเจน

เขาและฟางหยวนคิดเหมือนกัน

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่มีจุดอ่อน จุดอ่อนเดียวของเขาคือเผ่าไป่ซู

แต่การเคลื่อนไหวของชูตู๋ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อโลกของผู้อมตะภาคเหนือ

ข่าวลือแพร่สะพัดออกไป

“จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกำลังบุกโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน หากเขาประสบความสำเร็จและได้รับมัน รากฐานของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก”

“หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูได้รับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เผ่าไป่ซูอาจเหนือกว่ากองกำลังตระกูลฮวงจิน!”

“จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน เมื่อเผ่าไป่ซูแข็งแกร่งขึ้น มันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะ!”

ข่าวลือทุกชนิดถูกกล่าวถึง แต่ประเด็นหลักยังเป็นภัยคุกคามที่มาจากเผ่าไป่ซูและการเน้นย้ำว่าพวกเขาไม่ใช่บุตรหลานที่สืบสายเลือดมาจากเทพอมตะตะวันเดือด

ยังมีผู้อมตะบางคนแอบอ้างว่ามาจากเผ่าไป่ซู

ไป่ซูเหว่ยเสียชีวิตไปแล้วในสนามรบ ผู้นำกลุ่มผู้อมตะคนใหม่ของเผ่าไป่ซูมีความสามารถไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาต่างๆ เขาบอกจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเกี่ยวกับความยากลำบากและอันตรายที่เผ่าไป่ซูกำลังเผชิญหน้า แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกลับไม่แยแส

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตอบกลับไปว่า “นี่เป็นกลอุบายของชูตู๋ ชูตู๋ไม่ใช่สมาชิกฝ่ายธรรมะและไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจิน หากเผ่าไป่ซูของเราเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ กองกำลังตระกูลฮวงจินจะไม่พอใจ”

“ชูตู๋ปล่อยข่าวลือเหล่านั้นออกไปและสร้างภาพให้พวกเราตั้งใจยั่วยุกองกำลังตระกูลฮวงจิน นี่เป็นแผนการของเขา แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาอ่อนแอมาก เราต้องอดทน”

“กองกำลังอื่นไม่ใช่คนโง่ พวกเขาสามารถบอกได้ว่าชูตู๋กำลังทำสิ่งใด แต่เพราะการคงอยู่ของข้าในฐานะผู้อมตะระดับแปด พวกเขาจึงไม่กล้าทำสิ่งใด”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่โง่เช่นกัน เขาเข้าใจสถานการณ์และยังมุ่งมั่นที่จะบุกถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

หลังจากทั้งหมดเขาเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว

ตอนนี้เหยากวงกับปีศาจอมตะเซี่ยหูกำลังยุ่งอยู่กับการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด ปรมาจารย์ห้าธาตุยุ่งอยู่กับการบุกถ้ำสวรรค์นิรันดร แม้องค์ชายฟงเซี่ยนดูเหมือนไม่ได้ทำสิ่งใด แต่แท้จริงแล้วเขากำลังลอบกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ

สำหรับฟางหยวน เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อเพิ่มจำนวนองุ่นเขียวอมตะ เขาต้องขายสัตว์อสูรเดียวดายบางตัวออกไป

เขาขายปลามังกรเดียวดายสองตัวในสวรรค์สีเหลือง เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อมิติช่องว่างของเขาอย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้สภาพคล่องทางการเงินของเขาถือว่าดีเยี่ยมแต่ตอนนี้มันกลับเลวร้ายลงอย่างมาก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นสัญญาณเตือน

‘ในแง่ของมิติช่องว่าง ข้าเหนือกว่าชูตู๋ แต่พลังงานอมตะระดับหกเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ดังนั้นข้าจึงเป็นคนแรกที่ล้มลงท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ดทั้งหมด ดูเหมือนว่าหลังการต่อสู้ครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องก้าวเข้าสู่ระดับเจ็ดอย่างรวดเร็วที่สุด!’

การต่อสู้รุนแรงขึ้นทุกขณะ ฐานทัพชั่วคราวทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดสวรรค์ไป่ซูถูกทำลายโดยชูตู๋

หลายครั้งที่ร่างจริงของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเกือบประสบความสำเร็จในการบุกเข้ามาในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

ฟางหยวนลอบขอความช่วยเหลือจากนิกายหลางหยาอย่างลับๆ

เขากล่าวกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาว่า “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการดึงชูตู๋ให้เข้าร่วม!”

แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลับยกเลิกความคิดนี้ทันทีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่านิกายหลางหยาจะไม่ให้ความช่วยเหลือ หากมีบางสิ่งเกิดขึ้น ฟางหยวนต้องเก็บเรื่องของนิกายหลางหยาเอาไว้เป็นความลับ หากเขาเปิดเผย เขาจะตายเพราะข้อตกลงพันธมิตร

“แม้ข้าจะสามารถอดทน แต่ผลการต่อสู้ถูกตัดสินไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะใช้จ่ายทรัพยากรไปมากกว่านี้” ชูตู๋ตัดสินใจยอมแพ้ เขาไม่ได้ปกปิดความคิดนี้จากฟางหยวนและกระทั่งพูดคุยเรื่องนี้กับเขา

ฟางหยวนอยากกลับแล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบรับอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามขณะที่ชูตู๋กับฟางหยวนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับแผนการล่าถอย โลกของผู้อมตะภาคเหนือกลับเกิดความวุ่นวายขึ้น

กองกำลังตระกูลฮวงจินรวมถึงกองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดต้องการตัดสินและคิดบัญชีกับเผ่าไป่ซู

ในช่วงเวลาสำคัญการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นแล้ว!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท