เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1178

ตอนที่ 1178

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1178 ดิ้นรนต่อสู้ (2)

แปลโดย iPAT

ภายในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

ฝูงหมาป่าเดียวดายหนึ่งร้อยตัวพุ่งเข้ามา

ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋ยืนเคียงข้างกันด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

พวกเขามองหน้ากันก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังที่สุด เสียงคำรามของวายุสายฟ้า!

“เปรี้ยง!”

พายุสายฟ้ากวาดสนามรบและทำลายหมาป่าเดียวดายแทบทั้งหมด

การแสดงออกของฟางหยวนและคนอื่นๆที่อยู่ด้านข้างเปลี่ยนแปลงไป

ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นท่าไม้ตายอมตะเสียงคำรามของวายุสายฟ้า หัวใจของพวกเขาจะสั่นสะท้านขึ้น เนื่องจากพลังอำนาจของมันอยู่บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ด หมาป่าเดียวดายส่วนใหญ่เป็นร่างเทียม พวกมันไม่สามารถต่อต้านเสียงคำรามของวายุสายฟ้า

กระทั่งหมาป่าเดียวดายร่างจริงก็ยังตายไปสองตัว สำหรับตัวสุดท้าย มันโชคดีที่อยู่ด้านหลังและรอดชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้

“ฆ่ามัน! พวกเราไม่สามารถปล่อยให้ร่างจริงของมันหลบหนี มิฉะนั้นร่างเทียมของมันจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง!” ผู้อมตะเหว่ยหมิงตะโกน

เหว่ยหมิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ดวงตาของเขาบอดไปแล้ว นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาลดน้อยลง

“ระวังหมาป่าหยิน!” หวังอู๋หมิงตะโกนเตือน

ร่างกายของเหว่ยหมิงแข็งค้างขณะที่หมาป่าหยินพุ่งเข้าโจมตีเขา

เหว่ยหมิงก่นเสียงเย็นและล่าถอยออกมาราวกับภูตพราย

ใบหน้าของเหว่ยหมิงปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขากล่าว “โอ้ ไม่!”

หมาป่าหยินพุ่งเข้าโจมตีเขาอีกครั้ง

ร่างของเหว่ยหมิงถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ

ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยืนอยู่บนแผ่นหลังของหมาป่าหยินด้วยการแสดงออกที่เย็นชา

“ช่างวิ่งหนีได้เร็วนัก แต่คราวหน้าเจ้าจะไม่โชคดีเช่นนี้” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวเสียงเย็น

“เกือบไปแล้ว โชคดีที่ข้าใช้ท่าไม้ตายตัวแทน!” เหว่ยหมิงตัวจริงสามารถหลบหนี

“มันเกิดขึ้นอีกครั้ง!” แต่เขายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อมองไปที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

หมาป่าหยินเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีพลังการต่อสู้ระดับเจ็ด ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถใช้วิญญาณอมตะ นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า

แรกเริ่มจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งสัตว์อสูรเดียวดายจำนวนมากบุกโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน แต่ตอนนี้เขาเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์และส่งสัตว์อสูรบรรพกาลเข้ามา

สัตว์อสูรบรรพกาลทุกตัวมาพร้อมกับร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู นี่ทำให้สถานการณ์ค่อยๆเปลี่ยนไป

หวังอู๋หมิงในร่างหมาป่าดาวตกเพลิงกล่าวด้วยภาษามนุษย์ “พี่ห่าว พี่เชา รีบถอยออกไป หมาป่าหยินที่ซ่อนตัวอยู่สามารถลอบโจมตีพวกท่าน”

หลังจากกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง ห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋อยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก

เสียงคำรามของวายุสายฟ้าต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงกลายเป็นไร้ประโยชน์

การต่อสู้ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานดำเนินอย่างต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว เสียงคำรามของวายุสายฟ้าเป็นอาวุธที่ทรงพลังของพวกเขาโดยเฉพาะกับฝูงสัตว์อสูรเดียวดาย

ทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้

เพื่อชัยชนะ พวกเขาต้องปกป้องห่าวเจิ้นและเชาเหลาอู๋

ทั้งสองล่าถอยทันที

“ข้าจะพาพวกท่านไป” หลี่ซื่อจุนบินไปหาพวกเขา

ฟางหยวน หวังอู๋หมิง และเหว่ยหมิงยังอยู่ในสนามรบ

“จัดการสัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้อย่างรวดเร็ว ห่างออกไปประมาณสามพันลี้ยังมีสัตว์อสูรบรรพกาลอีกตัว” ชูตู๋ส่งข้อความถึงพวกเขา

“ข้าจะดึงดูดความสนใจของมัน พวกเจ้าคอยหาโอกาสฆ่ามัน!” หวังอู๋หมิงลอบส่งข้อความก่อนจะพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับหมาป่าหยิน

ฟางหยวนและเหว่ยหมิงร่วมมือกัน หนึ่งบินขึ้นสู่ท้องฟ้า อีกหนึ่งวิ่งอ้อมไปด้านหลัง

การต่อสู้ที่รุนแรงปะทุขึ้น

ด้วยความร่วมมือระหว่างหวังอู๋หมิงและฟางหยวน ฟางหยวนพบโอกาสและส่งวิญญาณอมตะดาบบินออกไป

“บึม!”

ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูใช้วิญญาณอมตะต่อต้าน

“ใช้ท่าไม้ตายอมตะ! เพียงวิญญาณอมตะจะทำสิ่งใดได้!?” หวังอู๋หมิงตะโกนด้วยความกังวล

“เจ้าจะไปรู้สิ่งใด?” ฟางหยวนเย้ยหยัน

ในเวลาต่อมาเหว่ยหมิงฉวยโอกาสใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งแสงทำลายร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

มันกลายเป็นว่าการโจมตีของฟางหยวนเป็นเพียงเหยื่อล่อขณะที่เหว่ยหมิงหาโอกาสโจมตี

ผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเริ่มพัฒนาความร่วมมือกันมากขึ้น

‘พวกมันเป็นเพียงร่างเทียมที่มีสติปัญญาจำกัดแต่สามารถใช้วิญญาณอมตะ นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

เขารู้สึกเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว

การทำลายร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่ได้ทำลายวิญญาณอมตะ ดูเหมือนวิญญาณอมตะของเขาจะเป็นวิญญาณอมตะเทียมเช่นกัน

ดังนั้นการทำลายร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจึงมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย

จากนั้นผู้อมตะทั้งสามก็ร่วมมือกันโจมตีหมาป่าหยิน

สัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้มีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบบินแต่ยังไม่สามารถเจาะทะลวงร่างกายของมัน

โชคดีที่หมาป่าหยินไม่ได้รับความช่วยเหลือจากร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอีกต่อไป เพียงสติปัญญาของมันไม่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะสามคน

ห้วงมิติเกิดการบิดเบี้ยว จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งร่างเทียมเข้ามาช่วยเหลือหมาป่าหยิน

แต่ฟางหยวนกับคนอื่นๆค้นพบอย่างรวดเร็วและป้องกันไม่ให้ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเข้าถึงตัวหมาป่าหยิน

ไม่กี่นาทีต่อมาหมาป่าหยินถูกสังหารและถูกแยกร่างออกเป็นชิ้นๆ

ความตายของสัตว์อสูรบรรพกาลทำให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพบกับความสูญเสีย

แต่สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

ฟางหยวนและคนอื่นๆเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล

‘พวกเราต่อสู้มานานแล้ว หากยังดำเนินต่อไป องุ่นเขียวอมตะของข้าจะถูกใช้จนหมด’ ฟางหยวนไม่แสดงออกแต่รู้สึกกังวลอยู่ภายใน

ผู้อมตะระดับเจ็ดคนอื่นๆมีพลังงานอมตะระดับเจ็ด พวกเขาสามารถต่อสู้ได้นานกว่า

โชคดีที่ฟางหยวนขายซากศพสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลเป็นครั้งคราว นี่ทำให้เขาสามารถรักษาสภาพคล่อง

หลังจากสังหารหมาป่าหยิน ผู้อมตะทั้งสามเดินทางไปยังสนามรบถัดไปโดยไม่มีเวลาหยุดพัก

สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง

หลายวันผ่านมาฟางหยวนซ่อนตัวอยู่ในรอยแยกใต้พิภพและปกป้องดินหลากสี

แต่ไม่นานมานี้เขาต้องออกมาช่วยคนอื่นๆ

ตอนนี้เขาเหมือนนักผจญเพลิงที่เดินทางไปช่วยดับเพลิงในสถานที่ต่างๆโดยไม่ได้พักผ่อน

ร่างหลักของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูถูกปิดกั้นโดยชูตู๋แต่เขายังสามารถส่งสัตว์อสูรเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

กลุ่มของฟางหยวนมาถึงสนามรบต่อไปในที่สุด

มันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บ

มีบางคนต่อสู้กับมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บอยู่ก่อนแล้ว นอกจากกลุ่มของหวังอู๋หมิง ชูตู๋ยังขอให้ผู้อมตะอีกหลายคนมาช่วย

คนผู้นี้เป็นผู้อมตะหญิงชื่อซานชิงฉวี

เส้นทางการบ่มเพาะของนางน่าสนใจมากเพราะมันคือเส้นทางแห่งการโจรกรรม!

นี่เป็นเส้นทางที่เทพปีศาจปล้นสวรรค์สร้างขึ้น มีมรดกเพียงเล็กน้อยบนเส้นทางสายนี้

ตอนนี้ซานชิงฉวีตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แม้นางจะสามารถขโมยวิญญาณจำนวนมากจากร่างมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บแต่มันกลับส่งผลต่อศัตรูเพียงเล็กน้อย

ฟางหยวนและคนอื่นๆรีบเข้าไปช่วยและโจมตีมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บ

แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่โชคดีเหมือนครั้งก่อน

หลังจากทุ่มเทความพยายามอย่างหนัก ร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็ถูกทำลาย

การสังหารมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บตัวนี้ใช้เวลานานกว่าสัตว์อสูรบรรพกาลตัวก่อนหน้าเพราะมันบินได้และมีความเร็วสูง

หลังจากสังหารมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บตัวนี้ ฟางหยวนรู้สึกแย่มาก

เขาเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าก่อนหน้าหลายเท่า รายจ่ายของเขาสูงกว่ารายรับไปแล้ว หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไป อีกไม่กี่วันหลังจากนี้พลังงานอมตะของเขาจะหมดจริงๆ

ชูตู๋ส่งข้อความเสียงมาอีกครั้งขณะที่กลุ่มผู้อมตะกำลังแบ่งชิ้นส่วนซากศพของมังกรสวรรค์เจ็ดกรงเล็บ “เร็ว! การต่อสู้ก่อนหน้าเป็นเพียงเหยื่อล่อ ตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูปลูกต้นหลิวหิมะเดียวดายขึ้นแล้ว เราต้องรีบกำจัดมัน!”

ฟางหยวนและคนอื่นๆเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์และรีบลงมือทันที

ครู่ต่อมาพวกเขามาถึงสถานที่เกิดเหตุ

มันไม่เพียงมีต้นหลิวหิมะเดียวดายแต่ยังมีฝูงวานรเทพน้ำแข็งอีกนับร้อย ต้นหลิวหิมะเดียวดายมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งหิมะจำนวนมากขณะที่วานรเทพน้ำแข็งเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งน้ำแข็ง ทั้งสองเส้นทางสนับสนุนซึ่งกันและกัน นอกจากนั้นยังมีร่างเทียมของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจำนวนนับไม่ถ้วนคอยให้ความช่วยเหลือ

“เราต้องทำลายสิ่งนี้ หากปล่อยไว้ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ” ชูตู๋กล่าว “หากไม่มีทางเลือก ข้าจะลงมือเอง!”

“ท่านควรอยู่ที่นั่นและป้องกันไม่ให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตัวจริงเข้ามา มิฉะนั้นพวกเราจะถึงคราวจบสิ้นอย่างแท้จริง” ห่าวเจิ้นเร่งตอบกลับ

เขากับเชาเหลาอู๋พึ่งมาถึง แม้พวกเขาจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ แต่สถานการณ์บังคับให้พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิต

ผู้อมตะหกคนพุ่งเข้าไปในป่าหลิวหิมะเดียวดายและเข้าสู่การต่อสู้อันดุเดือด!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท