เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1188

ตอนที่ 1188

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1188 การทดสอบของปีศาจ

แปลโดย iPAT

หลายวันต่อมา

ภาคเหนือ ถ้ำปีศาจคลั่ง

“หลิวกวนซื่อ เรารอเจ้าอยู่!” ปู้อู๋หมิงออกมาต้อนรับฟางหยวนกับชูตู๋

ทั้งสามพูดคุยกันและเดินลึกเข้าไปในถ้ำ

ฟางหยวนพบว่าเส้นทางในครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้าเล็กน้อย

“เส้นทางในถ้ำปีศาจเปลี่ยนแปลงบ่อยเพียงใด?” ฟางหยวนถาม

“พวกมันเปลี่ยนแปลงบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเส้นทางที่เราใช้ก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน เมื่อเสียงปีศาจดังขึ้น สัตว์อสูรจะกลายเป็นบ้าคลั่งและทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนไป” ปู้อู๋หมิงอธิบาย

หลังจากชั่วครู่พวกเขาก็พบเพิ่งซาน

เพิ่งซานตื่นขึ้นจากการหลับใหล “น้องชู เจ้ามาแล้ว”

ดูเหมือนเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชูตู๋

จากนั้นเขาจึงหันหน้าไปทางฟางหยวน “น้องหลิว ข้ารู้ความสามารถของเจ้าแล้ว เรามาพูดคุยเกี่ยวกับข้อตกลปีศาจคลั่งกันเถอะ”

ฟางหยวนถาม “เราจะสร้างข้อตกลงอย่างไร?”

“เราต้องไปให้ถึงชั้นในสุด แต่ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยง่าย ข้าไม่สามารถไปพร้อมกับเจ้า” เพิ่งซานกล่าวอย่างคลุมเครือ

“ตามข้ามา” ปู้อู๋หมิงนำทางต่อไป

ผู้อมตะทั้งสามยังเดินลึกเข้าไปในถ้ำ

“ในถ้ำแห่งนี้ทางอ้อมเร็วกว่าทางตรง” ปู้อู๋หมิงยิ้ม

ชูตู๋พยักหน้า “เมื่อเราไปถึงที่นั่น อย่าตกใจเกินไป”

ฟางหยวนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

หลังจากนั้นพวกเขาก็พบกับพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยแสงสว่าง

แสงทุกเฉกสีส่องประกายออกมาจากดิน ก้อนหิน และต้นหญ้า

ฟางหยวนสูดหายใจลึก “นี่คือพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมด มีเพียงทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้าเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยแสงชนิดนี้ พวกมันเป็นทรัพยากรอมตะกึ่งระดับเก้าทั้งหมดงั้นหรือ?”

ปู้อู๋หมิงหัวเราะ “น้องหลิวกล่าวถูกต้องแต่พลังงานแห่งเต๋าของทรัพยากรเหล่านี้วุ่นวายมาก พวกมันไม่สามารถใช้งาน”

ชูตู๋ยิ้ม “ก่อนหน้านี้เมื่อข้าเห็นพวกมันเป็นครั้งแรก ข้าก็ตกใจเช่นกัน”

ปู้อู๋หมิงหยุดหัวเราะ “พลังงานแห่งเต๋าของที่นี่หนาแน่นมาก บางส่วนของมันยังเหมือนกับท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ นี่ทำให้การเดินทางผ่านมันกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก น้องหลิว เจ้าสามารถทดลองด้วยตนเอง”

ฟางหยวนส่ายศีรษะ “ผู้อาวุโสปู้อู๋หมิง ตั้งแต่ท่านเป็นผู้กล่าว ข้าจะไม่เชื่อท่านได้อย่างไร? ไม่จำเป็นต้องทดลอง”

ปู้อู๋หมิงมองชูตู๋และยิ้ม “น้องหลิวฉลาดกว่าบางคน ตอนนั้นเขาปฏิเสธที่จะเชื่อข้า เขาต้องการทดลองด้วยตนเอง ข้าไม่สามารถหยุดเขา นั่นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส”

ชูตู๋ถูจมูก “ปู้อู๋หมิงกำลังกล่าวถึงข้า ข้าต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ อย่าดูแคลนพลังงานแห่งเต๋าของที่นี่ สถานที่แห่งนี้อันตรายมาก ข้าจะบอกเคล็ดลับแก่เจ้า พยายามอยู่ใกล้กับพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักของเจ้าให้มากที่สุด นั่นจะช่วยให้เจ้าเดินไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น”

ปู้อู๋หมิงพยักหน้า “นั่นเป็นเรื่องจริง ข้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกฎ ข้าต้องพยายามเดินไปในตำแหน่งที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกฎอยู่มากที่สุด”

“และข้าบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ข้าจำเป็นต้องเดินไปในตำแหน่งที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่ง ดังนั้นหลังจากนี้พวกเราจะไม่สามารถช่วยเหลือเจ้า เจ้าต้องเดนนไปบนเส้นทางของตนเอง” ชูตู๋กล่าวเตือน

ฟางหยวนพยักหน้า

ปู้อู๋หมิงเริ่มก้าวเท้าออกไปเป็นคนแรก “ข้าจะไปก่อน น้องหลิว คอยดูให้ดี”

ฟางหยวนตั้งใจดูการเคลื่อนไหวของปู้อู๋หมิงอย่างเต็มที่

ปู้อู๋หมิงก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง สิบก้าวแรกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย แต่หลังจากนั้นมันเริ่มยากลำบากมากขึ้น เมื่อผ่านไปยี่สิบก้าวการเคลื่อนไหวของเขาเริ่มไม่มั่นคง หลังจากผ่านไปสามสิบก้าว ใบหน้าของปู้อู๋หมิงก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขาหยุดเคลื่อนไหวในก้าวที่สี่สิบสอง

ปู้อู๋หมิงถอนหายใจและหันหลังกลับมาทางฟางหยวน “น้องหลิว เจ้าตั้งใจดูหรือไม่?”

ชูตู๋หัวเราะ “ปู้อู๋หมิง! หยุดแสดงละคร เจ้าไม่สามารถเดินหน้าต่อแต่เจ้ากลับแสดงออกราวกับเป็นห่วงน้องหลิวมากมาย ความจริงก็คือเจ้าหยุดอยู่ตรงนี้!”

ปู้อู๋หมิงรู้สึกอับอายเมื่อถูกเปิดโปง เขาตะคอก “ชูตู๋ เช่นนั้นเจ้าก็แสดงให้ข้าดูว่าเจ้าจะไปได้ไกลกว่าข้าหรือไม่?”

ชูตู๋ตะคอกกลับ “ข้าต้องกลัวงั้นหรือ? คอยดูให้ดี!”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค เขาก็ก้าวไปข้างหน้าเรียบร้อยแล้ว

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่าปู้อู๋หมิงทำให้ฝ่ายหลังแสดงออกด้วยใบหน้าที่มืดมน

แต่ในไม่ช้าชูตู๋ก็ก้าวพลาด พลังงานแห่งเต๋าใต้ฝ่าเท้าของเขาส่องประกายขึ้นและทำให้ชูตู๋กระอักเลือดออกมาทันที

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในครั้งเดียว แต่เขายังไม่หยุด ชูตู๋อดทนต่อความเจ็บปวดและเดินหน้าต่อไปทีละก้าวอย่างยากลำบาก

ในที่สุดเขาก็หยุดอยู่ที่ก้าวที่สี่สิบ

“ข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจ้าได้จริงๆ” ชูตู๋เช็ดเลือดที่มุมปากและถอนหายใจ

ปู้อู๋หมิงตกใจมาก เขามองชูตู๋ด้วยดวงตาเบิกกว้าง “จักรพรรดิอมตะ เจ้าพัฒนาขึ้นมากจากครั้งก่อน! ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าอยู่ในถ้ำปีศาจคลั่งมานาน แต่ข้ายังมาได้เพียงสี่สิบสองก้าวเท่านั้น”

ชูตู๋หัวเราะ “เอาล่ะ หยุดประจบข้า ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด เจ้าเพียงพยายามกอบกู้ใบหน้าของข้าเท่านั้น”

ปู้อู๋หมิงไม่ได้ปฏิเสธ เขาหัวเราะเบาๆ “แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่พัฒนาการของเจ้าก็เกินกว่าจินตนาการของข้า เจ้าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เพิ่งซานมองคนไม่ผิดจริงๆ”

ชูตู๋หัวเราะและโบกมือ “เอาล่ะ หยุดคำเยินยอของเจ้า ต่อไปเรามาดูน้องหลิวกันเถอะ”

ผู้อมตะทั้งสองหันหน้ามาทางฟางหยวน

ฟางหยวนพยักหน้า “อย่าหัวเราะเยาะข้าเมื่อข้าทำให้ตนเองอับอาย”

“น้องหลิว ผ่อนคลายเถอะ นี่เป็นครั้งแรกของเจ้า ให้ความสำคัญกับทุกย่างก้าวและอย่าหมกมุ่นกับจำนวนก้าว” ปู้อู๋หมิงกล่าว

ชูตู๋หัวเราะ “ฮ่าฮ่า อย่ากังวล น้องหลิว ข้าจะจดจำสภาพที่น่าสมเพชของเจ้าเอาไว้ ครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ข้าเดินมาได้ยี่สิบสองก้าว หากเจ้าไม่สามารถเอาชนะข้า ข้าจะหัวเราะเยาะเจ้าตลอดไป ฮ่าฮ่าฮ่า”

ฟางหยวนหัวเราะผสมโรง

แต่ในความเป็นจริงเขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ ‘ทั้งสองตั้งใจพิสูจน์ความสามารถของข้า’

‘แม้ชูตู๋จะแนะนำข้าแต่พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจในความสามารถของข้า ดังนั้นปู้อู๋หมิงจึงนำข้ามาที่นี่’

‘นี่คือการตรวจสอบรากฐานของข้า’

‘หากข้าทำผลงานได้แย่เกินไป พวกเขาอาจไม่ทำข้อตกลงกับข้า!’

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเทพปีศาจไร้ขอบเขตและความลับของชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจที่จะแสดงผลงานที่ดีให้พวกเขาได้เห็น

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น เขาสูดหายใจลึกและยืนอย่างมั่นคงก่อนจะก้าวเท้าออกไป

เขาเลือกตำแหน่งที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด

แต่ในช่วงเวลาต่อมาการแสดงออกของฟางหยวนกลับเปลี่ยนแปลงไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชูตู๋สังเกตเห็นการแสดงออกของเขาและหัวเราะออกมา “น้องหลิว มองอย่างเดียวไม่มีประโยชน์ เจ้าต้องรู้สึกถึงแรงกดดันถูกต้องหรือไม่?”

ฟางหยวนเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ภายในแต่เขาไม่ได้แสดงออก

เขาไม่ตอบชูตู๋

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว ฟางหยวนเดินไปข้างหน้ามากกว่าสิบก้าวอย่างมั่นคง

ความรู้สึกแปลกประหลาดทวีความรุนแรงมากขึ้น ‘เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดข้าไม่รู้สึกถึงสิ่งกีดขวาง ข้าก้าวมามากกว่าสิบก้าวและรู้สึกราวกับกำลังเดินอยู่บนพื้นปกติ’

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

ฟางหยวนเดาได้ในไม่ช้าว่าสถานการณ์นี้เกิดจากร่างทารกอมตะของเขา

‘ชูตู๋และปู้อู๋หมิงต้องเผชิญกับแรงกดดันจากความขัดแย้งระหว่างพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่าง’

‘ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกถึงแรงกดดันและยากที่จะก้าวเท้าออกไป’

‘แต่ข้าแตกต่างจากพวกเขา พลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อข้า!’

‘แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น ความจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น’

ฟางหยวนคิดและเดินต่อไปอีกสองสามก้าว

การแสดงออกของปู้อู๋หมิงและชูตู๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย

‘หลิวกวนซื่อผู้นี้แข็งแกร่งมาก!’ ปู้อู๋หมิงตกใจมาก

‘เขาเดินมาเกือบยี่สิบก้าวแล้วแต่ยังสงบนิ่ง ครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความยากลำบาก ข้าต้องทุ่มเทความพยายามทั้งหมด มันเป็นภาพที่น่าสมเพช!’ ชูตู๋นึกถึงประสบการณ์ของตนเองและรู้สึกประทับใจในตัวฟางหยวนมากขึ้น

ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเขาอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง ‘อยาบอกว่าหลิวกวนซื่อผู้นี้เป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่กระทั่งเก่งกาจกว่าข้าเมื่อเปรียบเทียบกับความสำเร็จบนเส้นทางความแข็งแกร่งของข้า ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาอยู่ในระดับใดกันแน่?’

หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนแสร้งหอบหายใจราวกับว่าเขาเหนื่อยมาก

แต่การแสดงออกของเขาเปรียบเทียบกับครั้งแรกของชูตู๋และปู้อู๋หมิง มันยังต่างกันมาก

ในที่สุดฟางหยวนก็หยุดที่ก้าวที่ยี่สิบและยิ้ม “ข้าเกือบจะถึงตำแหน่งเดียวกับพี่ชู”

ชูตู๋มองฟางหยวนอย่างมีความหมาย “น้องหลิว เจ้ายังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าแทบจะไม่สามารถก้าวต่อไป หากข้าก้าวต่อไป ข้าอาจกระอักเลือดออกมา”

รอยยิ้มของชูตู๋ดูขมขื่นยิ่งกว่า “ข้าจะไม่โกหกเจ้า ครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ ข้าเริ่มกระอักเลือดตั้งแต่ก้าวที่สิบ!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท