เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1192

ตอนที่ 1192

บทที่ 1192 ยินยอม

แปลโดย iPAT

ภาคกลาง นิกายคฤหาสน์วิญญาณ

“จ้าวเหลียนหยุนอาจเป็นปีศาจต่างโลกแต่นางมีความรักที่ลึกซึ้ง” เทพธิดาไป่ชิงมารดาของฟงจินฮวงมองผ่านช่องหน้าต่างออกไปและเห็นจ้าวเหลียนหยุนยังคุกเข่าอยู่ที่ลานกว้าง

จ้าวเหลียนหยุนมาหาฟงจินฮวงและขอร้องให้นางช่วยหม่าหงหยุน

ไม่ว่าฟงจินฮวงจะกล่าวสิ่งใด จ้าวเหลียนหยุนก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น ฟงจินฮวงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความช่วยเหลือจากบิดามารดาของนาง

เทพธิดาไป่ชิงมารดาของนางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณขณะที่ฟงจิวเก้อบิดาของนางเป็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียง

ฟงจิวเก้อไปหาเทพธิดาไป่ชิงแต่ไม่ได้สนใจจ้าวเหลียนหยุน เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า “ที่รัก เจ้าไม่รู้งั้นหรือว่าจ้าวเหลียนหยุนได้รับคำแนะนำจากบางคน”

ดวงตาของเทพธิดาไป่ชิงส่องประกายขึ้น “ท่านหมายถึงซูเฮาและหลี่จุนอิงเช่นนั้นหรือ?”

สถานที่ที่มีการรวมกลุ่มของผู้คนย่อมมีการแข่งขันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์เสมอ

นิกายคฤหาสน์วิญญาณมีความขัดแย้งภายในเช่นกัน

ฟงจิวเก้อมีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด ไม่มีผู้อมตะจากสิบนิกายโบราณที่สามารถแข่งขันกับเขา แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีศัตรู

การแข่งขันบนโลกใบนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้และการฆ่าฟันเท่านั้น

ซูเฮาและหลี่จุนอิงเป็นฝ่ายตรงข้ามของฟงจิวเก้อในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ทั้งสองเป็นคู่สามีภรรยา

ซูเฮาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ขณะที่หลี่จุนอิงรู้จักกันในนามของเทพธิดามายา นางมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา

ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน ฟงจิวเก้อเสียชีวิตในด่านรับสืบทอดมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เทพธิดาไป่ชิงถูกกดดันอย่างรุนแรงจากซูเฮาและหลี่จุนอิง แต่หลังจากฟางหยวนใช้วิญญาณกาลเวลา ฟงจิวเก้อถูกช่วยชีวิตและทำให้ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงไป

การกลับมาของฟงจิวเก้อทำให้ซูเฮาและหลี่จุนอิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามอิทธิพลของจ้าวเหลียนหยุนทำให้ทั้งสองยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้

เมื่อเทพธิดาไป่ชิงกล่าวถึงชื่อของคนทั้งสอง ฟงจิวเก้อพยักหน้ายอมรับ “มันคือพวกเขา นี่เป็นความผิดพลาดของข้า เวลานั้นข้าเป็นคนส่งซูเฮาไปทำภารกิจเกี่ยวกับมรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากมันจริงๆ”

“ฮวงเอ๋อต้องการเป็นผู้นำนิกายรุ่นต่อไป เดิมทีไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับนาง แต่ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนปรากฏตัวขึ้น ปีศาจต่างโลกหญิงผู้นี้ฉลาดมากและมีมุมมองที่แตกต่างในหลายแง่มุม นางประสบความสำเร็จด้วยวิธีการเฉพาะตัวของนางเอง นางคู่ควรที่จะเป็นคู่แข่งของฮวงเอ๋ออย่างแท้จริง”

“คราวนี้จ้าวเหลียนหยุนมาคุกเข่าและขอความช่วยเหลือ ซูเฮาต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ จ้าวเหลียนหยุนต้องการช่วยชายคนรัก นางต้องต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำ หากฮวงเอ๋อยอมแพ้การแข่งขันเพื่อช่วยจ้าวเหลียนหยุน ในฐานะผู้นำรุ่นต่อไปจ้าวเหลียนหยุนจะสามารถหยิบยืมพลังอำนาจของนิกาย แต่ในกรณีที่ฮวงเอ๋อปฏิเสธ มันจะทำให้เกิดปัญหา”

ฟงจิวเก้อวิเคราะห์และเปิดเผยแผนการของซูเฮาได้อย่างง่ายดาย

เทพธิดาไป่ชิงกล่าวอย่างสนุกสนาน “ที่รัก เหตุใดข้าจะไม่เข้าใจ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวกับวิญญาณที่สำคัญที่สุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณของเรา มันคือวิญญาณแห่งความรัก นิกายของเราถูกขับเคลื่อนโดยความรัก ซูเฮาขอให้จ้าวเหลียนหยุนทำเช่นนี้ แม้เขาอาจไม่คาดหวังว่านางจะประสบความสำเร็จ แต่หลังจากจ้าวเหลียนหยุนถูกฮวงเอ๋อปฏิเสธ คนอื่นๆจะเห็นใจนาง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ที่รัก เจ้าฉลาดมาก ข้ากังวลเกินไป” ฟงจิวเก้อหัวเราะ

ซูเฮาพยายามช่วยจ้าวเหลียนหยุนเอาชนะฟงจินฮวงและกลายเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นต่อไป ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถใช้จ้าวเหลียนหยุนเพื่อผูกมิตรกับคนอื่นๆและต่อต้านฟงจิวเก้อ

ซูเฮาวางแผนมาเป็นอย่างดี

ตลอดมาตัวตนปีศาจต่างโลกของจ้าวเหลียนหยุนเป็นอุปสรรคสำคัญในการเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณเนื่องจากผู้คนมักชื่นชอบผู้ที่มีภูมิหลังคล้ายคลึงกันมากกว่า

จ้าวเหลียนหยุนที่มาจากโลกใบอื่นถูกมองข้ามและกีดกัน

แต่หลังจากเรื่องนี้ภาพลักษณ์ของจ้าวเหลียนหยุนในสายตาสมาชิกนิกายคฤหาสน์วิญญาณได้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

แม้จ้าวเหลียนหยุนจะเป็นปีศาจต่างโลกแต่นางก็รักชายผู้หนึ่งของโลกผู้ใช้วิญญาณ

เพื่อชายผู้นี้ นางสามารถทำทุกสิ่งเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำนิกาย

นางเป็นคนน่าสงสารที่ไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือ คนรักของนางอยู่ที่ภาคเหนือและอาจตายได้ทุกเมื่อ

“ครั้งนี้ซูเฮาวางแผนได้ดี ไม่ว่าฮวงเอ๋อจะตัดสินใจอย่างไร นางก็ยังพ่ายแพ้ ในความเป็นจริงเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำนิกาย นางต้องปฏิเสธจ้าวเหลียนหยุน” ฟงจิวเก้อกล่าวเสียงเรียบ

“เช่นนั้นเราจะปล่อยให้จ้าวเหลียนหยุนคุกเข่าอยู่ตรงนี้ต่อไปงั้นหรือ?” เทพธิดาไป่ชิงถาม

ฟงจิวเก้อยิ้ม “อย่ากังวล นางจะไม่อยู่ที่นี่นานนัก นี่เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น”

แต่เทพธิดาไป่ชิงส่ายศีรษะ “ข้าไม่เห็นด้วยกับท่านในเรื่องนี้ ท่านไม่เห็นสายตาของจ้าวเหลียนหยุนเช่นนั้นหรือ? มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่ นางจมอยู่ในความทุกข์ แล้วท่านคิดว่าซูเฮาจะบอกความจริงกับนางงั้นหรือ? จ้าวเหลียนหยุนอาจคิดว่านี่เป็นความหวังเดียวของนางในการช่วยเหลือคนรัก นางจะไม่ยอมแพ้และจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ต่อไป”

ฟงจิวเก้อไม่ตอบแต่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่สนใจจ้าวเหลียนหยุน

ฟงจิวเก้อรู้สึกเสียใจเล็กน้อยในเวลานี้

หากเขารู้เรื่องนี้มาก่อน เขาจะไม่นำตัวจ้าวเหลียนหยุนมาจากภาคเหนือและกลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟงจินฮวง

กระทั่งฟงจิวเก้อจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

“กระทั่งแม่ของเจ้าก็ยังสงสารจ้าวเหลียนหยุน โอ้ ฮวงเอ๋อ ครั้งนี้พวกเราจะไม่แนะนำเจ้า พวกเราจะรอดูว่าเจ้าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?” ฟงจิวเก้อลอบคาดหวัง

บนเส้นทางไปยังภูเขาหัวใจทะเลสาบ

ฉินซวนเตะก้อนหินออกจากเส้นทางด้วยความโกรธ “จ้าวเหลียนหยุนผู้นี้ช่างน่ารำคาญนัก! นางกล้าขอให้ศิษย์พี่สละตำแหน่งผู้นำนิกายรุ่นต่อไป นางช่างไร้ยางอายนัก!”

“แต่นางไม่มีทางเลือก นางอธิบายแล้วว่านางต้องทำเพื่อคนที่นางรัก” ซุนเหยาพึมพำ

“ถูกต้อง แต่ถึงกระนั้นนางก็ทำเช่นนี้ไม่ได้! นางคุกเข่าอยู่บนพื้นโดยไม่ยอมลุกขึ้นและต้องการให้พวกเราขอร้องให้นางลุกขึ้นงั้นหรือ? น่าชัง! ข้าโกรธมากจริงๆ นางทำให้บ้านของศิษยพี่ถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชมมากมาย นางทำให้ศิษย์พี่ไม่สามารถกลับบ้านและต้องมาเร่ร่อนอยู่ที่นี่!” ฉินซวนโกรธจนแทบคลั่ง

“อย่างไรก็ตามนางช่างน่าสงสารจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้สึกเช่นนี้แต่เมื่อได้ยินคำกล่าวของนาง ข้าพบว่าจ้าวเหลียนหยุนเป็นคนดีคนหนึ่ง…” ซุนเหยาส่ายศีรษะ

“นี่! เจ้าอยู่ข้างผู้ใดกันแน่! เจ้ากำลังพูดแทนจ้าวเหลียนหยุน!” ฉินซวนโกรธมากและชี้นิ้วไปที่ซุนเหยา “ศิษย์พี่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นผู้นำรุ่นต่อไปของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนนอก นางจะเป็นผู้นำนิกายได้อย่างไร? ซุนเหยา เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าศิษย์พี่ดูแลพวกเรามาดีเพียงใด? เจ้าจะตอบแทนความเมตตาด้วยการเป็นปฏิปักษ์งั้นหรือ?”

“ไม่ ข้าไม่มีเจตนาเช่นนั้น ข้าเพียงรู้สึกสงสาร ไม่ว่าศิษย์พี่จะตัดสินใจอย่างไร ข้าก็จะสนับสนุนศิษย์พี่!” ซุนเหยาเร่งโบกมือ

ฉินซวนสงบลงเล็กน้อยแต่นางยังรู้สึกกังวลแทนฟงจินฮวง “ศิษย์พี่กำลังลำบาก จ้าวเหลียนหยุนผู้นี้เป็นตัวปัญหาจริงๆ หากศิษย์พี่ตกลงทำตามคำเรียกร้องของนาง ศิษย์พี่จะสูญเสียตำแหน่งผู้นำนิกาย แต่หากศิษย์พี่ปฏิเสธ ผู้คนจะบอกว่าศิษย์พี่ใจร้าย พวกเขาจะเริ่มเห็นใจจ้าวเหลียนหยุนและยอมรับนางมากขึ้น ผู้ตัดสินไม่ใช่ผู้อาวุโสของนิกายเท่านั้นแต่พวกเขายังต้องพิจารณาถึงมุมมองของคนรุ่นเราอีกด้วย ผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณทุกรุ่นต้องได้รับการยอมรับจากทุกคน!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟงจินฮวงหัวเราะเบาๆกับตนเองขณะเดินไปข้างหน้า

เมื่อนางหยุดเดิน ฉินซวนและซุนเหยาจึงตระหนักว่าพวกนางมาถึงเนินเขาที่พวกนางมาบ่อยครั้ง

ฟงจินฮวงเงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า

จากนั้นนางจึงเปิดปากกล่าว “ข้าจะปฏิเสธ”

น้ำเสียงของนางฟังดูเรียบง่ายแต่ซุนเหยาและฉินซวนยังรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นและแน่วแน่จากนาง

ดวงตาของฟงจินฮวงส่องประกายขึ้นขณะที่สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาลูบไล้ใบหน้าของนาง นางกล่าวต่อ “แม้จ้าวเหลียนหยุนจะน่าสงสาร แต่ตำแหน่งผู้นำนิกายรุ่นต่อไปคือเป้าหมายของข้า นี่คือเส้นทางที่ข้าเลือกด้วยตัวของข้าเองและจะไม่เปลี่ยนมันเพื่อผู้อื่น!”

…..

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันของตนเองอีกครั้ง

ภูเขาชิงเหมา

ในหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล ฟางหยวนในวัยเยาว์ยืนอยู่ต่อหน้าผู้นำตระกูลแสงจันทร์

“ท่านต้องการให้ข้ายอมแพ้ฟางเจิ้งในวันพรุ่งนี้งั้นหรือ?” ฟางหยวนกล่าวด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ผู้นำตระกูลแสงจันทร์ถอนหายใจ “ฟางหยวน ข้าเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าเขาอยู่ใต้เงาของเจ้ามาตลอดและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง เขาท้าประลองกับเจ้าเพราะต้องการเอาชนะหัวใจของตนเองและกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง”

ฟางหยวนก้มศีรษะลง “ท่านผู้นำ ตั้งแต่ท่านเรียกข้ามาพบอย่างลับๆ นั่นก็หมายความว่าข้าแข็งแกร่งกว่าเขา”

“นั่นถูกต้อง เจ้าได้รับมรดกจากพ่อแม่ของเจ้าและประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณ สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้า แต่ฟางเจิ้งมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง เขาได้รับการสั่งสอนจากผู้อาวุโสหลายคนและมีทักษะที่ค่อนข้างดี ตอนนี้เขาขาดเพียงประสบการณ์เท่านั้น” ผู้อาวุโสของตระกูลแสงจันทร์กล่าว

“พรสวรรค์นภาที่หนึ่ง…ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนเงยหน้ามองผู้นำตระกูลแสงจันทร์และเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“เจ้าตัดสินใจอย่างไร?” ผู้นำตระกูลแสงจันทร์มองฟางหยวนอย่างเย็นชา

ฟางหยวนหันหลังกลับและเดินจากไป

ร่างของเขาหายไปในความมืด

มีเพียงประโยคเดียวที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง “ข้าจะทำ”

ผู้นำตระกูลพึมพำกับตนเอง “เขายินยอมอย่างง่ายดาย เขาต้องมีแผนการบางอย่าง เพื่อความปลอดภัย ข้าควรทำให้เขาอ่อนแอลงก่อน”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท