เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1193

ตอนที่ 1193

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1193 กงหว่านถิง

แปลโดย iPAT

แสงแรกแห่งรุ่งอรุณส่องสะท้อนกลีบดอกไม้และใบหญ้ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้าง

อสรพิษสีเลือดเลื้อยคลานออกจากถ้ำของมันหลังจากคืนอันหนาวเหน็บ

เมื่ออุณหภูมิในร่างกายของมันกลับสู่สภาพปกติ มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งเข้ากลืนกินเหยื่อเพื่อเก็บไว้รับมือกับความหนาวเย็นของคืนถัดไป

ในโลกนี้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด

อสรพิษตัวนี้ยังเลื้อยคลานต่อไป แต่ในจังหวะที่มันกำลังจะล่าเหยื่อตัวถัดไป เสียงระเบิดกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน

“บึม บึม บึม บึม…”

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับเสียงกลองสงคราม

วังขนาดใหญ่เคลื่อนที่ผ่านก้อนเมฆและร่อนลงบนทุ่งหญ้าแห่งนี้

มันเป็นวังที่งดงามและมีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแลบลั่นอยู่รอบๆ

ในวังหลังนี้ นู๋เอ๋อกู่หัวเราะเสียงดัง “วังอสนีทรงพลังจริงๆ! งานประลองทุ่งโลหิตครั้งนี้เผ่านู๋เอ๋อของข้าจะใช้วังอสนีหลังนี้กำหราบศัตรูทั้งหมด ฮ่าฮ่าฮ่า”

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของฝ่ายธรรมะในภาคเหนือ เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเสียงและมีความสำเร็จที่น่าประทับใจ พลังการต่อสู้ของเขาอยู่ในระดับเดียวกับกวนซูของเผ่ากวน บัณฑิตสันโดษ และไป่ซุ้ยฮัน

นู๋เอ๋อกู่มีศีรษะเล็กแต่ท้องโต ใบหน้าซีดขาว แขนขาของเขาเล็กลีบเหมือนกิ่งไม้แห้ง โดยรวมแล้วเขาดูเหมือนคนป่วย

ตอนนี้นู๋เอ๋อกู่กำลังควบคุมวังอสนีและมีความสุขกับพลังอำนาจของมัน

นอกจากนู๋เอ๋อกู่ยังมีผู้อมตะเผ่านู๋เอ๋ออีกหลายคน ท่ามกลางพวกเขามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขมวดคิ้วและตะโกน “เอาล่ะ นู๋เอ๋อกู่ หยุดใช้สายฟ้า มันเสียงดังเกินไป หากเจ้าใช้อีกครั้ง ข้าจะเปลี่ยนเจ้าเป็นคางคก”

เมื่อนู๋เอ๋อกู่ได้ยินการข่มขู่ของหญิงสาว ความตื่นเต้นของเขาอันตรธานหายไปในทันที

“ท่านยายทวด ข้าผิดไปแล้ว!” เขารีบหันหลังกลับและโค้งศีรษะขอโทษ

เด็กหญิงโบกมือ “เสี่ยวกู่ เจ้าต้องทำตัวให้ดี เราไม่ควรเปิดเผยความสามารถมากเกินไปในการประลองครั้งนี้ เผ่ากวนและเผ่าหลิวอยู่ใกล้เผ่าไป่ซูมากที่สุด หากเราใช้ความพยายามมากเกินไป พวกเขาจะเฝ้าดูอยู่ข้างสนามและรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์”

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะทำตามคำแนะนำของท่านยายทวด” นู๋เอ๋อกู่ตบหน้าอกของตนเองด้วยความมั่นใจ

ผู้อมตะเผ่านู๋เอ่อคนอื่นๆแทบไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้

ตามลำดับอาวุโส ผู้อมตะหญิงตัวเล็กผู้นี้คือยายทวดของนู๋เอ๋อกู่

จุดสำคัญที่สุดก็คือนางแข็งแกร่งมาก นางเคยทดสอบท่าไม้ตายอมตะของนางกับนู๋เอ๋อกู่ตั้งแต่เขายังเด็ก ความเจ็ดปวดที่นู๋เอ๋อกู่ได้รับทำให้เขาหวาดกลัวยายทวดผู้นี้เป็นอย่างมาก

“หือ คนเผ่ากงมาแล้วงั้นหรือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เด็กหญิงมองเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลังหนึ่งอยู่ในระยะไกล

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้คือวังตะวันตกของเผ่ากงที่ส่องประกายเจิดจ้าราวกับแสงตะวัน

เมื่อนู๋เอ๋อกู่เห็นหญิงที่ยืนอยู่ที่ทางเข้าของวังตะวันตก เขาขมวดคิ้วทันที “เหตุใดเป็นนาง?”

หญิงผู้นี้ดูเหมือนอายุยี่สิบปลายๆ นางสวมเครื่องแต่งกายที่หรูหราราวจักรพรรดินี เส้นผมสีดำของนางถูกผูกมัดด้วยหยกและเครื่องประทับทอง ผิวของนางขาวราวหิมะ คิ้วของนางเรียวยาว ดวงตาแหลมคม โดยรวมแล้วภาพลักษณ์ของนางดูสง่างามมาก

“กงหว่านถิง?” เด็กหญิงเผ่านู๋เอ๋ออุทานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ไปกับข้า”

ผู้อมตะเผ่านู๋เอ๋อบินออกจากวังอสนีและเดินทางไปยังทางเข้าวังตะวันตก

เด็กหญิงกล่าวทักทาย “น้องหว่านถิง หวังว่าเจ้าจะสบายดี”

กงหว่านถิงเผยรอยยิ้มบาง “พี่นู๋เอ๋อเฉียน วันนี้เป็นวันดีที่ได้พบท่าน”

ผู้อมตะทั้งสองยืนอยู่บนทุ่งโลหิต สถานที่จัดงานประลองครั้งใหญ่ของภาคเหนือ

ต่อมาคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สามก็ปรากฏขึ้น

หอคอยเทพแสง!

มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเผ่าเหยา

ผู้อมตะเผ่าเหยา เหยาหยวนอิงบินออกมาและทักทายผู้อมตะหญิงของกงและเผ่านู๋เอ๋อ

นู๋เอ๋อกู่ลอบส่งเสียงไปหานู๋เอ๋อเฉียนอย่างลับๆ “ท่านยายทวด ดูเหมือนเผากงจะส่งกงหว่านถิงมาในครั้งนี้ กระทั่งเผ่าเหยาก็ยังส่งคนระดับสูงมาที่นี่”

นู๋เอ๋อเฉียนตอบกลับ “กงหว่านถิงเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการขององค์ชายฟงเซี่ยน ผู้ใดจะกล้าไม่เคารพนาง กระทั่งเหยากวงจะมาด้วยตนเอง เขาก็ยังต้องสุภาพกับนาง แต่คนที่เผ่าเหยาส่งมาคือเหยาหยวนอิง นางมีธรรมชาติที่อ่อนโยน นางไม่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และสังหาร แต่นางมีความสามารถพิเศษด้านการรักษา ดูเหมือนเผ่าเหยาจะไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากนัก”

ผู้อมตะที่แต่ละเผ่าส่งมาสามารถบอกความคิดของพวกเขา

ในการต่อสู้ที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก เผ่ากงพบกับความสูญเสียมากที่สุด กงเอ๋อถูกลงโทษหลังจากกลับไป ครั้งนี้เผ่ากงต้องการส่งองค์ชายฟงเซี่ยนมาแต่องค์ชายฟงเซี่ยนปฏิเสธ ดังนั้นเผ่ากงจึงต้องส่งตัวเลือกที่ดีที่สุดลำดับถัดไปมาที่นี่ นั่นก็คือกงหว่านถิง

นางเป็นภรรยาขององค์ชายฟงเซี่ยน นางเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่แข็งแกร่ง พิจารณาจากตัวตนของนาง คนผู้หนึ่งสามารถบอกได้ว่าเป้าหมายของเผ่ากงในครั้งนี้คือการกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเขา

เผ่าเหยาส่งเหยาหยวนอิงมา นางเป็นผู้อมตะสายรักษาที่ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ เหยากวงเป็นสหายของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู พวกเขาตกลงที่จะจัดงานประลองครั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการของถ้ำสวรรค์นิรันดร เห็นได้ชัดว่าเหยากวงยังให้ความสำคัญกับการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดของเขาเป็นหลัก

เผ่านู๋เอ๋อส่งนู๋เอ๋อเฉียนและนู๋เอ๋อกู่มาในครั้งนีั เนื่องจากนู๋เอ๋อกู่เป็นคนที่ไม่สามารถพึ่งพา ดังนั้นนู๋เอ๋อเฉียนที่มีประสบการณ์และเชื่อถือได้จึงต้องตามมาดูแลเขา

สมาชิกตระกูลฮวงจินปรากฏตัวขึ้นทีละกองกำลัง

เผ่าหลิว เผ่าเย่หลิว เผ่าจางอวี๋ เผ่าเมิ้ง เผ่าหยวน เผ่าเหนียงเอ๋อ เผ่ามู่หลาน เผ่ากวน

กองกำลังตระกูลฮวงจินมีทั้งหมดสิบเอ็ดเผ่า ทุกกองกำลังเป็นกองกำลังใหญ่ของภาคเหนือ

แต่ก่อนหน้านี้มีอีกสองเผ่า

หนึ่งคือเผ่าตงฟาง แต่น่าเสียดายที่ตงฟางชางฟานทำลายเผ่าของตนเองลงด้วยแผนการฟื้นคืนชีพของเขา

อาจกล่าวได้ว่าเผ่าตงฟางประสบความสำเร็จเพราะตงฟางชางฟานและล่มสลายเพราะตงฟางชางฟานเช่นกัน

อีกหนึ่งคือเผ่าไห่ เผ่าไห่มีผู้อมตะจำนวนมาก แต่พวกเขาถูกเผ่าไป่ซูกลืนกินและต้องละทิ้งแซ่ไห่ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกตระกูลฮวงจินอีกต่อไปและกระทั่งถูกดูหมิ่น

“คารวะเทพธิดากงหว่านถิง” เช่นเดียวกับเผ่าเหยาและเผ่านู๋เอ๋อ ผู้อมตะจากเผ่าต่างๆล้วนทักทายกงหว่านถิงด้วยความอ่อนน้อม

พลังการต่อสู้ของกงหว่านถิงทำให้นางกลายเป็นผู้นำของฝ่ายธรรมะ สิ่งสำคัญที่สุดคือนางเป็นภรรยาขององค์ชายฟงเซี่ยน

“เผ่ากงส่งเทพธิดาหว่านถิงมาจริงๆ ชัดเจนว่าพวกเขาต้องการสะกดข่มเผ่าเหยา”

“คนของเผ่ากงชอบดูถูกผู้อื่น กล่าวตามตรง ข้าชอบเผ่าเหยามากกว่า อย่างน้อยที่สุดเหยากวงก็เป็นคนตระกูลฮวงจินของเรา”

ผู้อมตะเผ่าต่างๆลอบพูดคุย ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นใต้น้ำของฝ่ายธรรมะ

“เมื่อเทพธิดาหว่านถิงอยู่ที่นี่ ข้า เหยาหยวนอิงจะกล้าถือป้ายคำสั่งนี้ได้อย่างไร?” เหยาหยวนอิงมอบป้ายคำสั่งของถ้ำสวรรค์นิรันดรให้กับกงหว่านถิงโดยตรง

กงหว่านถิงปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

เหยาหยวนอิงพยายามเสนอให้นางเป็นครั้งที่สอง

กงหว่านถิงปฏิเสธอีกครั้ง เว้นเพียงท่าทีของนางที่ดูอ่อนลงไปมาก

เหยาหยวนอิงเสนอเป็นครั้งที่สาม สุดท้ายกงหว่านถิงจึงต้องรับป้ายคำสั่งเอาไว้ด้วยการแสดงออกราวกับนางถูกบังคับ

หลังจากนางหยิบมันขึ้นมา นางก็วางมันไว้ที่ทางเข้าวังตะวันตก

กงหว่านถิงกล่าว “ทุกท่าน เชิญเข้าไปข้างใน ข้าได้เตรียมสุราอาหารเอาไว้แล้ว”

ผู้อมตะทุกคนรับคำเชิญนางจาก

ก่อนหน้านี้กงเอ๋อเคยชวนคนอื่นๆเช่นกันแต่ไม่มีผู้ใดเข้าไป อย่างไรก็ตามกงหว่านถิงแตกต่างออกไป ทุกคนต้องให้เกียรตินาง

ทุกเผ่านั่นในตำแหน่งตามสถานะของตน

เผ่านู๋เอ๋อนั่งเก้าอี้ตัวแรกจากด้านขวาเพราะพวกเขานำวังอสนีมา

เผ่าอื่นๆถูกจัดเรียงตามกองกำลังที่พวกเขาส่งมาเช่นกัน

นี่อาจทำให้บางคนไม่พอใจ แต่ต่อหน้ากงหว่านถิง ผู้ใดจะกล้าแสดงออก

“เหตุใดเผ่าเหนียงเอ๋อของข้าถึงอยู่ลำดับสุดท้าย? กงหว่านถิงดูถูกพวกเรางั้นหรือ?” เหนียงเอ๋อปิงซื่อลอบพูดคุยกับผู้อาวุโสเผ่าเหนียงเอ๋อที่นั่งอยู่ด้านข้าง

ครั้งนี้เผ่าเหนียงเอ๋อส่งเหนียงเอ๋อฝูและเหนียงเอ๋ออี้ฟางมาพร้อมกับเหนียงเอ๋อปิงซื่อ

ผู้อาวุโสเผ่าเหนียงเอ๋อวางมือบนไหล่ของเหนียงเอ๋อปิงซื่อและให้กำลังใจ “ปิงซื่อ หากเจ้าไม่พอใจก็จงสังหารคู่ต่อสู้ในการประลองครั้งนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึง ตำแหน่งของเราจะถูกเปลี่ยน สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีของเผ่าเหนียงเอ๋อของเราอีกด้วย”

“ผู้อาวุโสอี้ฟาง ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าจะทำเช่นนั้น!” เหนียงเอ๋อปิงซื่อกำหมัดแน่นขณะที่ดวงตาส่องประกายขึ้น

จากที่นั่งหลัก กงหว่านถิงลอบสังเกตการเคลื่อนไหวของทุกคน เมื่อเห็นการแสดงออกของเหนียงเอ๋อปิงซื่อ นางลอบขบขันอยู่ภายใน ‘อย่าตั้งคำถามกับผู้ตั้งกฎ!’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท