เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1210

ตอนที่ 1210

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1210 ต้องการตัว

แปลโดย iPAT

‘ดังคาด จากข้อมูลของหลิวหยง หากเผ่าหลิวต้องการจับตัวข้า พวกเขาจะส่งหลิวเจิ้งออกมา แต่เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสง แม้ข้าจะฆ่าเขา ข้าก็ไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ในเวลานี้ แล้วเหตุใดข้าต้องเสี่ยง?’

ฟางหยวนในร่างมังกรดาบบรรพกาลบินไปทางทิศตะวัตก

เขาค้นวิญญาณของหลิวหยงระหว่างทาง

ตอนนี้ฟางหยวนกำลังล่าถอย

หากเขาปล้นต่อ เขาต้องต่อสู้กับผู้อมตะเผ่าหลิว ในกรณีนั้นมันจะมีความเสี่ยงสูงขณะที่มีประโยชน์เพียงเล็กน้อย

ฟางหยวนยังใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

ลูกพลัมแดงอมตะมีประสิทธิภาพสูงมาก หากเป็นก่อนหน้าฟางหยวนต้องจ่ายองุ่นเขียวอมตะจำนวนมหาศาล

เป็นไปตามความคาดหมายของฟาหงยวน ขณะที่เขาล่าถอย เขาไม่พบผู้อมตะเผ่าหลิวแม้แต่ครั้งเดียว

ฟางหยวนไม่รู้ว่าหลิวเจิ้งเสียเวลาพาน้องสาวของเขากลับบ้าน สำหรับผู้อมตะอีกสองคนของเผ่าหลิว แม้พวกเขาจะไล่ล่า แต่พวกเขาก็ไม่สามารถติดตามฟางหยวน

หลังจากฟางหยวนเข้าสู่ไท่ชิว ผู้อมตะเผ่าหลิวก็ทำได้เพียงเฝ้ามองโดยไม่กล้าตามเข้าไป

ด้วยค่ายกลวิญญาณขนส่ง ฟางหยวนกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

“ฟางหยวนกลับมาแล้ว!” ผมที่หกได้รับข่าวทันที

เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อน

เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าฟางหยวนสังหารเย่หลิวชุนซิง สิ่งสำคัญที่สุดคือฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาล เขาใช้ความแข็งแกร่งของตนเองและไม่ต้องพึ่งพาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!

“พลังการต่อสู้ของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร? เมื่อเร็วๆนี้เขายังยุ่งอยู่กับการเข้าออกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขากำลังทำสิ่งใดอยู่!?”

ผมที่หกรู้สึกไม่สบายใจมาก

เมื่อเห็นฟางหยวนวุ่นวายทำสิ่งต่างๆ ผมที่หกรู้สึกราวกับกำลังวิ่งตามหลังฟางหยวน

ผมที่หกต้องการเดินเข้าไปกีดขวางอยู่ด้านหน้าและหยุดฟางหยวนแต่ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถทำได้

เมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เขาจะรู้สึกหดหู่ใจมาก

พลังการต่อสู้ระดับแปด!

ผมที่หกทำได้เพียงหวังว่าฟางหยวนจะมีคริสตัลสวรรค์ไม่พอที่จะเลี้ยงดูอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

“ข้าหวังว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะตายเพราะความหิว!” ผมที่หกหวังได้เท่านี้

‘ข้ามีคริสตัลสวรรค์ไม่เพียงพอ’ ฟางหยวนถอนหายใจหลังจากกลับเมืองเมฆาและตรวจสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ความหวังของผมที่หกเป็นจริงแล้ว

คริสตัลสวรรค์เป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดที่แทบไม่มีขายในสวรรค์สีเหลือง

ฟางหยวนได้รับคริสตัลสวรรค์ส่วนใหญ่มาจากการทำธุรกรรมกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

แต่ความอยากอาหารของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดน่ากลัวมาก ตอนนี้คริสตัลสวรรค์กำลังจะหมดลง

“ไม่เป็นไร ข้าจะใช้แต้มผลงานของนิกายหยางหลาแลกเพื่อแลกเปลี่ยนวิญญาณและใช้ท่าไม้ตายอมตะของข้าชะลอการเติบโตของมัน”

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานสามารถเร่งการเติบโตของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและแน่นอนว่ามันมีวิธีที่จะทำสิ่งตรงกันข้าม

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายนี้ เขาจำเป็นต้องฝึกฝน มิฉะนั้นการกระตุ้นใช้งานอาจล้มเหลว ในกรณีนี้นอกจากฟางหยวนจะได้รับบาดเจ็บ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็จะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน สิ่งสำคัญคือท่าไม้ตายอมตะนี้ต้องใช้เวลาสามวันในการกระตุ้นการทำงาน แต่ฟางหยวนยังไม่มีเวลา

ฟางหยวนออกไปหลังจากกลับมา

ด้วยค่ายกลวิญญาณขนส่ง เขาเดินทางไปอีกมุมหนึ่งของภาคเหนือ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าค่ายกลวิญญาณของนิกายหลางหยามีประโยชน์มาก ฟางหยวนสูญเสียวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่ค่ายกลวิญญาณขนส่งของนิกายหลางหยายังสามารถชดเชย

ฟางหยวนเลือกสถานที่ปลอดภัยและโยนศพของหลิวหยงลง

แดนศักดิ์สิทธิ์หลิวหยงก่อตัวขึ้นก่อนที่ฟางหยวนจะเข้าไปภายใน

จิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์หลิวหยงอยู่ในร่างสุนัขสีดำ เงื่อนไขในการเป็นเจ้าของคนใหม่คือรวบรวมสุนัขอสูรเดียวดายยี่สิบตัวมาไว้ที่นี่

ฟางหยวนประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย

เขาสามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์หลิวหยงและได้รับทรัพยากรทั้งหมดจากมัน

หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์มาอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่ของมิติช่องว่างจักรพรรดิเพิ่มขึ้นไม่น้อย

แต่เนื่องจากมิติช่องว่างจักรพรรดิมีขนาดใหญ่เกินไป พื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจึงไม่ถือว่ามีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังมีจิตวิญญาณแผ่นดินปรากฏขึ้น

ตอนนี้มิติช่องว่างของฟางหยวนมีจิตวิญญาณแผ่นดินมากกว่าสิบชีวิตที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ

พวกมันดูแลอาณาเขตของตนเองขณะที่ฟางหยวนช่วยจัดหาพลังงานอมตะและวิญญาณให้กับพวกมัน

มีพลังงานอมตะของเจ้าของคนก่อนถูกทิ้งไว้ แต่พลังงานอมตะของผู้อื่นมีข้อจำกัดในการใช้งาน

ส่วนใหญ่พวกมันจะถูกใช้กับคฤหาสน์วิญญาณอมตะเท่านั้น

ในอดีตฟางหยวนได้รับลูกท้อเหลืองอมตะระดับเก้าจำนวนมากมาจากเทพอมตะตะวันเดือด แต่เขาใช้เกือบทั้งหมดในการกระตุ้นใช้งานคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลที่ภูเขาอี้เทียน หลังจากสลับวิญญาณ ลูกท้อเหลืองอมตะระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือดจึงถูกส่งต่อให้กับอิงอู๋เซี่ย

ความสามารถของคฤหาสน์วิญญาณอมตะจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่พลังอำนาจของมันจะขึ้นอยู่กับพลังงานอมตะที่พวกมันได้รับ

หลังจากกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์บนเส้นทางแห่งทาสของหลิวหยง ฟางหยวนตระหนักว่าเขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติพิภพไปได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

‘ดูเหมือนมันค่อนข้างยากหากต้องการยกระดับการบ่มเพาะระดับเจ็ดด้วยการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหก หลังจากนี้มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเท่านั้นที่มีประสิทธิภาพ’

ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้และรู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อย

‘นี่ค่อนข้างยาก’

ในโลกของผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคมีผู้อมตะระดับหกอยู่มากที่สุด ผู้อมตะระดับเจ็ดหายากกว่า นอกจากนั้นการกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ด คนผู้หนึ่งยังต้องมีความสำเร็จบนเส้นทางสายนั้นอย่างน้อยระดับปรมาจารย์

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางห้าสายเท่านั้น ขณะที่ผู้อมตะระดับเจ็ดที่บ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางแห่งปัญญามีน้อยมาก เส้นทางแห่งดวงดาวและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงยังมีอยู่บ้าง นี่ทำให้ตัวเลือกของฟางหยวนมีน้อยลงไปอีก เขาไม่สามารถกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดได้อย่างสะดวกสบายเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับหก

แต่ฟางหยวนมีทางออกสำหรับปัญหานี้

เขามองไปในระยะไกล

ภาคใต้!

‘ลำพังท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยยังไม่เพียงพอ กระทั่งข้าจะสามารถปกปิดตัวตน แต่ในการติดต่อสื่อสารกับพวกเขา มันยังมีข้อบกพร่องมากมาย นี่เป็นเรื่องที่น่าปวดหัว’

ฟางหยวนคิดและยังไม่ได้ออกจากภาคเหนือทันที

เขากำลังรอดูการตอบสนองของทุกคน

ชื่อเสียงของหลิวกวนซื่อเลวร้ายมาก เขาโจมตีเผ่าหลิวและสังหารหลิวหยง เขาปล้นสะดมสุสานกระดูกและถ้ำแสงมรกต ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

กองกำลังฝ่ายธรรมะโกรธมาก กงหว่านถิงเปลี่ยนทัศนคติของนางหลังจากได้ยินเรื่องนี้ นางถามชูตู๋และกล่าวโทษจักรพรรดิอมตะ

ด้านนิกายชู พวกเขาตกใจและประหลาดใจเช่นกัน

พวกเขาคาดหวังอย่างมากต่อหลิวกวนซื่อ แต่เขากลับเพิกเฉยต่องานประลองทุ่งโลหิตและยังไปปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าหลิวเพียงผู้เดียว

ไร้ยางอายมาก!

ไม่มีคำก่นด่าใดเพียงพอสำหรับการกระทำของเขา!

เผ่าหลิวเป็นศัตรูของชูตู๋ เพราะความขัดแย้งระหว่างชูตู๋กับเผ่าหลิวทำให้ชูตู๋ได้รับฉายาจักรพรรดิอมตะ

แต่ตอนนี้แม้เผ่าหลิวจะพบกับความสูญเสีย ชูตู๋ก็ไม่รู้สึกมีความสุข

‘หลิวกวนซื่อผู้นี้ไม่สามารถควบคุมจริงๆ!’ ความรู้สึกที่ดีของชูตู๋ที่เคยมีต่อฟางหยวนหายไปอย่างสมบูรณ์

เขาไม่ต้องการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดของเขาทำเรื่องเช่นนี้

การกระทำของฟางหยวนเป็นการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ทั้งหมด เขาทำลายข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายลงโดยไม่แยแส

ชูตู๋ค่อนข้างโกรธกับเรื่องนี้

เหยากวงและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

ความตายของเย่หลิวชุนซิงไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อมตะระดับแปดทั้งสองคน แต่หลังจากได้ยินข่าวการโจมตีเผ่าหลิวของฟางหยวน พวกเขากลับขมวดคิ้วอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

“หนูสกปรกเพียงตัวเดียวกลับขโมยน้ำซุปไปจนหมดหม้อ!”

“หลิวกวนซื่อ…เขาไม่ใช่สมาชิกฝ่ายธรรมะ”

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองตัดสินฟางหยวนทันที

การกระทำของฟางหยวนเป็นการตบหน้าพวกเขา ผลที่จะตามมาย่อมไม่ใช่เรื่องดี มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้อมตะคนใดต้องการประสบพบเจอ

ชูตู๋ประกาศทันทีว่าการกระทำของหลิวกวนซื่อไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา เพื่อแสดงจุดยืนของนิกายชู ชูตู๋ต้องประกาศ ณ จุดนั้นว่าหลิวกวนซื่อถูกขับออกจากนิกายของเขาและไม่ใช่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชูอีกต่อไป

“เด็ดเดี่ยวมาก” ฟางหยวนยกย่องหลังจากอ่านจดหมายจากชูตู๋

ในจดหมายชูตู๋ยังสุภาพมาก เขากล่าวว่าไม่สามารถทำสิ่งใดในสถานการณ์นี้และต้องขับไล่หลิวกวนซื่อออกจากนิกายทันที เขาหวังว่าจะได้ร่วมงานกับฟางหยวนอีกครั้งในอนาคต

ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายมิติภัยพิบัติหรือข้อตกลงปีศาจคลั่ง ชูตู๋ยังต้องร่วมมือกับฟางหยวนอย่างลับๆ

แต่ในที่สาธารณะทั้งสองจะเป็นศัตรู

ในเวลาเดียวกันจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและเหยากวงก็ออกมาประฌามการกระทำที่ชั่วร้ายของฟางหยวน พวกเขาออกหมายจับฟางหยวนเพื่อให้เขาได้รับการพิพากษา

นี่เป็นวิธีการทำงานของฝ่ายธรรมะ พวกเขาไม่ต้องการให้ปีศาจอมตะสร้างความเสียหาย

ทุกฝ่ายเตะฟางหยวนออกไปทันที

แม้พลังการต่อสู้ของฟางหยวนจะเป็นสิ่งที่ชูตู๋ต้องการก็ตาม

การกระทำของฟางหยวนทำลายข้อตกลงทั้งหมดของผู้อมตะภาคเหนือ ดังนั้นในเวลานี้หลิวกวนซื่อจึงเป็นที่ต้องการของทุกคน

‘ชูตู๋ จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เหยากวง พวกเขาไม่ใช่ตัวตนที่สามารถวางแผนต่อต้านได้โดยง่าย’

ฟางหยวนยิ้มแต่ไม่กล่าวสิ่งใด

หลิวกวนซื่อเป็นเพียงตัวตนปลอมที่เขาสร้างขึ้นแบบสุ่ม กระทั่งเขาจะกระทำการเหล่านั้นจริง แล้วอย่างไร?

ตอนนี้เขาให้ความสำคัญกับเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ของภาคเหนือเท่านั้น

ในเวลาเดียวกันเขายังวางแผนที่จะไปภาคใต้

แม้ฟางหยวนจะยังสนใจการเคลื่อนไหวของโลกผู้อมตะภาคเหนือ แต่ตอนนี้เขาต้องให้ความสำคัญกับอาณาจักรแห่งความฝันที่ภาคใต้เป็นอันดับแรก

‘ภาคใต้ ข้ากำลังจะกลับไป’

‘ในฐานะผู้อมตะระดับเจ็ด…’

‘นี่ถือเป็นการกลับไปพร้อมกับความรุ่งโรจน์ใช่หรือไม่?’

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้า

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท