เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1208

ตอนที่ 1208

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1208 ด้วยอาวุธสังหารที่อยู่ในมือ

แปลโดย iPAT

ภาคเหนือ สุสานกระดูก

ที่นี่เต็มไปด้วยกระดูกสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วน

มันดูราวกับเนินเขาสีขาว กระดูกส่วนใหญ่ถูกกัดกร่อนและย่อยสลายไปแล้วตามธรรมชาติ เหลือเพียงกระดูกที่แข็งแกร่งของสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลเท่านั้นที่ยังอยู่

แต่กระดูกบางส่วนก็มีลักษณะพิเศษ บางส่วนเป็นสีเหลือง บางส่วนส่องแสงสีม่วงออกมา และบางส่วนมีควันพิษอยู่รอบๆ

ผู้อมตะหลิวหยงกำลังตรวจสอบพวกมัน

เขาเป็นผู้อมตะระดับหกเผ่าหลิวที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลฮวงจิน

ตอนนี้เขาอยู่กับสุนัขเกราะกระดูกเดียวดายและกำลังค้นหากระดูกที่เขาต้องการ

มีเรื่องเล่าหลายเรื่องเกี่ยวกับต้นกำเนิดของสุสานกระดูก

บางคนกล่าวว่าในยุคโบราณ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสที่ยิ่งใหญ่สองคนต่อสู้กันส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตของสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลเป็นจำนวนมาก

บางคนบอกว่านี่คือสุสานของสัตว์อสูรประเภทกระดูก เมื่อสัตว์อสูรประเภทกระดูกตระหนักว่าอายุขัยของพวกมันกำลังจะสิ้นสุดลง พวกมันจะนำตนเองมาตายที่นี่

บางคนคาดเดาว่านี่เป็นสถานที่หลอมรวมวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมในยุคโบราณ หลังจากหลายปี มันจึงอยู่ในสภาพนี้

แต่ไม่ว่าต้นกำเนิดของสุสานกระดูกจะเป็นอย่างไร ที่นี่ก็เต็มไปด้วยกระดูกของสัตว์อสูร

สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าหลิว พวกเขาพัฒนามันและทำให้มันกลายเป็นแหล่งผลิตวิญญาณบนเส้นทางแห่งกระดูก

ทุกปีหลิวหยงจะมาที่นี่และคัดเลือกกระดูกที่เหมาะสมเพื่อเป็นอาหารให้กับสุนัขเกราะกระดูกเดียวดายของเขา

“กระดูกสีขาวชิ้นนี้ดูเหมือนจะเป็นกระดูกของอสรพิษนิ่ม มันใช้ไม่ได้ หากกินเข้าไป กระดูกก็จะนิ่มและไม่สามารถป้องกัน”

“นี่เป็นวิญญาณประเภทพิษ สุนัขเกราะกระดูกไม่สามารถต้านพิษที่รุนแรง พวกมันจะตายหากกินสิ่งนี้เข้าไป”

“กระดูกชิ้นนี้ไม่เลว ดูเหมือนมันจะเป็นกระดูกของกิ้งก่าผิวเหล็ก แม้มันจะไม่ดีที่สุด แต่มันก็เพียงพอเพราะมันมีความสามารถในการอดทนต่อแรงกระแทก”

หลิวหยงตรวจสอบและพบกระดูกที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดเขาก็นำกระดูกหกชิ้นมาวางไว้ด้านหน้าสุนัขเกราะกระดูกเดียวดายของเขา

ขณะที่เขาเอนกายนอนอยู่บนกะโหลกศีรษะขนาดใหญ่และมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“วันนี้อากาศดีจริงๆ” เขามองท้องฟ้าสีครามที่ไร้เมฆขณะที่สายลมอ่อนๆพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเขาและทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมาก

“หือ? เผ่าส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลมาที่นี่งั้นหรือ?” เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาค้นพบบางสิ่ง

เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนและตรวจสอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล

เนื้อหาในจดหมายกล่าวถึงความก้าวหน้าของเผ่าหลิวในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ต่อไปคือข่าวลือและการเคลื่อนไหวของผู้เชี่ยวชาญที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้

ในที่สุดก็มาถึงประเด็นสำคัญ นั่นคือข้อมูลเกี่ยวกับงานประลองทุ่งโลหิต

“มู่หลานกังเอาชนะแปดรอบติดต่อกัน!”

“อย่างไรก็ตามระหว่างการต่อสู้ทุกรอบเขาต้องพักฟื้นเป็นเวลาสองชั่วโมง เขาไม่เหมือนเย่หลิวชุนซิงที่สามารถต่อสู้ติดต่อกัน”

“ข้าได้ยินมาว่ามู่หลานกังมีวิธีการป้องกันที่น่าทึ่ง แต่ค่าใช้จ่ายของมันก็ไม่น้อยเช่นกัน”

“เห้อ…เมื่อกล่าวถึงเย่หลิวชุนซิง น่าเสียดายที่เขาถูกสังหารโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชู การลอบโจมตีนั่นเป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างแท้จริง!”

ตระกูลฮวงจินเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ เมื่อพวกเขาเผยแพร่ข้อมูลออกไป พวกเขาย่อมกล่าวถึงมันด้วยมุมมองของตนเอง แน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมือง

แม้ข้อมูลจะไม่ผิดแต่วิธีการกล่าวถึงเรื่องเหล่านั้นกลับทำให้ผู้รับสารเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

ในจดหมายยังกล่าวถึงความแข็งแกร่งของฟางหยวนและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลของเขา นอกจากนั้นพวกเขายังไม่ลืมที่จะกล่าวถึงความไร้ยางอายอันเป็นที่สุดและความเจ้าเล่ห์ของฟางหยวนอีกด้วย

ตัวตนของหลิวกวนซื่อที่ฟางหยวนใช้กลายเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดของโลกผู้อมตะภาคเหนือที่ไม่รู้จักเขา แม้แต่องค์ชายฟงเซี่ยนและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับเขา หรือกระทั่งภูมิภาคอื่นก็ได้ยินเรื่องราวของหลิวกวนซื่อเช่นกัน

หลังจากแสดงความโกรธและเย้ยหยันหลิวกวนซื่อ หลิวหยงก็ถอนหายใจกับตนเอง

“ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส ข้าไม่เหมาะกับการต่อสู้แบบตัวต่อตัว”

“เมื่อใดกันที่ข้าจะมีชื่อเสียงเช่นนี้บ้าง”

“บางทีวันหนึ่งข้าอาจเอาชนะหลิวกวนซื่อและท้าทายจักรพรรดิอมตะชูตู๋ หากเป็นเช่นนั้นมันจะยอดเยี่ยมมาก!”

ขณะที่จิตใจของหลิวหยงกำลังล่องลอยออกไป เสียงระเบิดกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน

“บึม!”

พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” กะโหลกศีรษะยักษ์ที่อยู่ด้านล่างหลิวหยงหลุดออกจากโครงกระดูกส่วนร่างกายเนื่องจากแรงสั่นสะเทือน

หลิวหยงรีบบินขึ้นสู่อากาศ “ค่ายกลวิญญาณกำลังถูกโจมตี บางคนบุกโจมตีอาณาเขตของเผ่าหลิวงั้นหรือ!?”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิวหยงรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้

เผ่าหลิวเป็นกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะของตระกูลฮวงจิน พวกเขาเป็นกองกำลังที่ปกครองภาคเหนือทั้งหมด

โดยเฉพาะหลังจากเผ่าไห่ที่เป็นคู่อริของพวกเขาล่มสลาย อนาคตของเผ่าหลิวยิ่งสดใส แล้วผู้ใดจะกล้าโจมตีอาณาเขตของเผ่าหลิว

ผู้ใดที่มีความกล้าเช่นนี้?

หลิวหยงโกรธและดีใจเล็กน้อย “โชคดีที่ข้ามาที่นี่เพื่อหาอาหารให้กับสุนัขเกราะกระดูกของข้า ฮ่าฮ่า เจ้าโจรชั่ว เจ้าช่างโชคร้ายนักที่พบกับข้า…หือ?”

ในเวลาต่อมาหลิวหยงก็มองเห็นผู้บุกรุก

หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นมันคือมังกร

มังกรดาบบรรพกาล!

การปรากฏตัวของมันทำให้ร่างของหลิวหยงสั่นสะท้านขึ้น

“โอ้ ดูเหมือนสมาชิกเผ่าหลิวจะอยู่ที่นี่ ข้าโชคดีจริงๆ” มังกรดาบบรรพกาลกล่าวด้วยภาษามนุษย์และปลดปล่อยเจตนาสังหารที่รุนแรงออกมาจากดวงตา

“หลิวกวนซื่อ?” หลิวหยงตะลึง

เขารู้สึกอยากจะร้องไห้

หัวใจของเขาเต้นแรง ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุม เขากรีดร้องอยู่ภายใน ‘ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ หลิวหยง เจ้าทำได้!”

แต่อีกความคิดหนึ่งกลับปรากฏขึ้นในใจของหลิวหยงอย่างรวดเร็ว ‘เขาคือหลิวกวนซื่อ กระทั่งเย่หลิวชุนซิงยังตายอยู่ในกำมือของเขา เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และไร้ยางอาย แต่ข้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับหกตัวเล็กๆ!”

“ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ ถูกต้อง หลิวกวนซื่อเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของนิกายชู นิกายชูเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ เช่นนั้นหลิวกวนซื่อก็ต้องเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ ในฐานะสมาชิกฝ่ายธรรมะ เขาจะโจมตีพวกเราโดยไร้เหตุผลได้อย่างไร? การโจมตีพวกเราเพื่อความมั่งคั่งเป็นการกระทำของปีศาจ!”

หลิวหยงพยายามวิเคราะห์สถานการณ์

แต่เสียงอีกสายหนึ่งยังกรีดร้องอยู่ในใจของหลิวหยง “แล้วเหตุใดหลิวกวนซื่อไม่อยู่ในงานประลองทุ่งโลหิตแต่มาที่นี่? เขาทำลายค่ายกลวิญญาณของเผ่าหลิว ชัดเจนว่าเขามีเจตนาร้าย!”

แม้หลิวหยงจะมีความกล้าหาญอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาหวาดกลัวอย่างมาก เขาเริ่มกล่าวตะกุกตะกัก “ผู้อาวุโสหลิว เหตุใดท่านถึงมาที่นี่…”

“แน่นอน มันคือการ…” ฟางหยวนจงใจลากเสียง

“คือสิ่งใด?” หลิวหยงถาม

คำตอบของฟางหยวนไม่ใช่คำพูดแต่เป็นลมหายใจมังกร

ลมหายใจมังกรดาบบรรพกาลที่มีวิญญาณอมตะลมหายใจมังกรระดับเจ็ดเป็นแกนกลางถูกยิงออกไป

ร่างกายส่วนบนของหลิวหยงถูกตัดออกทันที

เลือดสดๆพุ่งกระจายลงบนกระดูกสีขาวและกลายเป็นฉากที่น่าสยดสยอง

ร่างของหลิวหยงแยกออกเป็นสองส่วนอยู่บนพื้นขณะที่ดวงตาของเขายังเบิกกว้าง

‘สหายที่ไร้ประโยชน์ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ตระกูลฮวงจินอยู่ในอำนาจมานานเกินไป เป็นธรรมดาที่จะมีสิ่งเน่าเสียอยู่ภายในเช่นเดียวกับนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลาง’ ฟางหยวนวิเคราะห์

“โฮ่ง โฮ่ง!”

สุนัขเกราะกระดูกเดียวดายเห่าใส่ฟางหยวนด้วยความโกรธเกรี้ยว

เจ้านายของมันตายไปแล้วแต่ทั้งสองมีความผูกพันที่ยาวนาน ดังนั้นมันจึงปกป้องศพของเจ้านายโดยหวังว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางหยวนต้องให้คะแนนประเมินหลิวหยงเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ‘ดูเหมือนเขาจะเลี้ยงสัตว์อสูรเดียวดายได้ดี น่าเสียดายที่มันไม่มีความฉลาดของผู้อมตะ เพียงสัตว์อสูรเดียวดายระดับหกจะทำสิ่งใดได้?’

ฟางหยวนเย้ยหยันขณะบินลงไป

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีสิ่งใดอยู่นอกเหนือความคาดหมาย

หนึ่งชั่วโมงต่อมา สุนัขเกราะกระดูกเดียวดายก็นอนอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน

สุนัขเกราะกระดูกเดียวดายปรากฏตัวขึ้นในจังหวะนี้ดี ตอนนี้ฟางหยวนกำลังต้องการสุนัขอสูรเดียวดายและใช้อึของพวกมันเป็นอาหารให้กับวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข

นอกจากนี้ยังมีโครงกระดูกของสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลอีกมากมาย

ฟางหยวนวางพวกมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นการชั่วคราว

สุดท้ายศพของหลิวหยงก็ถูกผนึกและเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเช่นกัน

แดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวหยงเหมาะสมสำหรับฟางหยวน

ดวงวิญญาณของหลิวหยงก็ยังอยู่และมีคุณค่า แม้มันจะอ่อนแอมากหลังจากถูกโจมตีโดยลมหายใจมังกรก็ตาม

ฟางหยวนคิด ‘หลิวหยงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส เส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณเป็นเส้นทางที่มีความใกล้ชิด เพื่อสะกดข่มสัตว์อสูร พวกเขาต้องมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง’

ฟางหยวนออกจากจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

เขาเคลื่อนไหวเร็วมาก

มีเพียงค่ายกลวิญญาณที่พังทลาย สุสานกระดูกที่ว่างเปล่า และร่างครึ่งบนของหลิวหยงเท่านั้นที่เหลืออยู่

‘สถานที่ต่อไป ถ้ำแสงมรกตของเผ่าหลิว’

ฟางหยวนเลียริมฝีปากของตนด้วยความตื่นเต้น

เขาเพิ่งก่อคดีฆาตกรรมแต่ตอนนี้เขากลับไม่ถอยและยังต้องการก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้น!

ดังคำกล่าว ด้วยอาวุธสังหารที่อยู่ในมือ ความต้องการฆ่าจะพุ่งสูงขึ้น

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นมังกรดาบบรรพกาลที่แข็งแกร่ง พลังอำนาจของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่ต้องเกรงกลัวผู้อื่นอีกต่อไป

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท