เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1215

ตอนที่ 1215

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1215 ความขัดแย้งภายใน

แปลโดย iPAT

วูตู๋ซิ่วค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

‘เช้าวันใหม่อีกวัน’ นางคิดกับตนเอง

วิญญาณอมตะระดับแปดบินอยู่ในบ้านหลังนี้

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งอาหาร ยาหอม!

นี่คือวิญญาณอมตะสายรักษา มันทำให้บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยา อย่างไรก็ตามกลิ่นเน่าเหม็นจากร่างของวูตู๋ซิ่วกลับรุนแรงกว่า

เมื่อทั้งสองกลิ่นผสมผสานกัน กระทั่งผู้อมตะยังไม่สามารถทนได้

หนึ่งวันผ่านไปหมายถึงชีวิตของนางที่ลดลงอีกหนึ่งวัน

วูตู๋ซิ่วรู้ว่าตนเองกำลังจะตาย

ตอนนี้นางเอนกายอยู่บนเตียงและมองออกไปนอกห้องด้วยหัวใจที่สงบนิ่ง

นานมาแล้วเมื่อนางยังเป็นผู้อมตะระดับหก นางตกหลุมรักปีศาจอมตะผู้หนึ่ง นั่นทำให้นางถูกตระกูลลงโทษ

นางถูกขังอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นเวลาสิบห้าปี

แต่ผู้ใดจะคิดว่าในบ้านหลังนี้เก็บมรดกของบรรพบุรุษตระกูลวูเอาไว้ วูตู๋ซิ่วได้รับมันและฝึกฝนอย่างลับๆ ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางยังใช้แดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่เพื่อลอบพบกันคนรับของนางอย่างลับๆ ผู้อมตะตระกูลวูไม่ได้คาดหวังว่าวูตู๋ซิ่วจะฝ่าฝืนกฎของตระกูลอย่างเปิดเผยภายใต้การควบคุมของพวกเขา

นั่นเป็นช่วงปีที่มีความสุขของนาง

ในเวลานั้นนางเป็นเพียงเด็กสาวที่งดงามและโง่เขลา นางไม่รู้จักความชั่วร้ายในใจของผู้คน นางไม่สามารถบอกได้ว่าคนรักของนางมีแรงจูงใจซ่อนเร้น

หลายพันปีต่อมาวูตู๋ซิ่วกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง

อายุขัยของนางกำลังจะหมดลง นางเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน

ความทรงจำที่มีความสุขของหญิงชราอายุหลายพันปีย้อนกลับมาเมื่อนางอยู่ในบ้านหลังนี้

วันเวลาเหล่านั้นยังคงเป็นวันที่แสนงดงามอยู่ในหัวใจของนางตลอดไป

แต่ภาพของคนรักในครั้งนั้นของนางได้พร่าเลือนไปแล้ว

หน้าต่างถูกเปิดออก สายลมอ่อนๆหอบเอากลิ่นดอกไม้และต้นหญ้าเข้ามาในห้อง

ความเสียใจ ความเกลียดชัง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจค่อยๆจางหายไปกับสายลม

เสียงเคะประตูดังขึ้น

บางคนเปิดประตูเข้ามา

วูตู๋ซิ่วหันศีรษะอย่างยากลำบากและเห็นร่างที่คุ้นเคย

นางไม่แปลกใจ นางเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู หากไม่ได้รับอนุญาตจากนาง ผู้ใดจะกล้าเข้ามาในบ้านหลังนี้

“เจ้ามาแล้ว” วูตู๋ซิ่วกล่าวเบาๆอย่างยากลำบาก

บุคคลที่เข้ามาคุกเข่าลงบนพื้นและโค้งคำนับ “ข้ามาพบท่านแม่แล้ว”

คนผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดามาก เขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่มืดมนออกมา

วูตู๋ซิ่วกล่าว “ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพราะต้องการบอกบางสิ่งกับเจ้า เจ้ามีน้องชายอยู่ที่ทะเลตะวันออก ข้าจะส่งต่อทุกสิ่งในตระกูลวูให้เจ้า แต่ข้าจะเหลือมรดกบางอย่างทิ้งไว้ให้เขา เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

ชายวันกลางคนกล่าว “บุตรเข้าใจ”

“เจ้าออกไปได้” วูตู๋ซิ่วหยุดก่อนกล่าวต่อ

“ข้าขอลา” ผู้อมตะวัยกลางคนกล่าวอย่างระมัดระวัง เขาค่อยๆลุกขึ้นและถอยหลังสองสามก้าวก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้านและปิดประตูเบาๆ

เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

เขาเดินทางผ่านภูเขาหลายลูกก่อนจะกลับถึงคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตน

“บัดซบ!”

“ก่อนตายนางยังต้องการนำลูกนอกสมรสผู้นั้นกลับมา!”

“เจ้าบ้านั่นอยู่ในทะเลตะวันออกก็ดีแล้วมิใช่หรือ? เหตุใดต้องให้เขากลับมาเพื่อแย่งชิงมรดกของข้า!?”

ผู้อมตะวัยกลางคนระเบิดความโกรธออกมาในเวลานี้

“นายท่าน โปรดระงับความโกรธ รักษาสุภาพด้วย” ผู้อมตะระดับเจ็ดหลังค่อมเตือน

ผู้อมตะวันกลางคนเตะเขาออกไป “ท่านแม่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุ นางต้องการส่งมอบวิญญาณอมตะเหล่านี้ให้กับเจ้าบ้านั่น โดยปราศจากวิญญาณอมตะเหล่านี้ เพียงการบ่มเพาะระดับแปดของข้าจะทำสิ่งใดได้? พวกเราจะถูกกดดันจากตระกูลอื่นๆโดยเฉพาะตระกูลไท่และตระกูลเฉิง!”

“นางบอกจะส่งมอบทุกสิ่งในตระกูลวูให้ข้า ฮืม! ข้าจะเก็บทรัพยากรเหล่านั้นไว้เพื่อสิ่งใด? ข้าต้องการความแข็งแกร่ง! ด้วยความแข็งแกร่ง ข้าจะได้รับทุกสิ่ง!”

ผู้อมตะวัยกลางคนเดินไปรอบๆคฤหาสน์วิญญาณอมตะด้วยความโกรธ

“นายท่าน พวกเราเพียงต้องจัดการเขา!” ผู้อมตะระดับเจ็ดหลังค่อมเดินเข้ามา

ผู้อมตะวัยกลางคนหยุดเดิน

เขาขมวดคิ้วลึกและหันหน้าไปถามผู้อมตะระดับเจ็ดหลังค่อม “เจ้าหมายความว่า…”

“ถูกต้อง ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งมีบุตรชายเพียงสองคน นอกเหนือจากท่านก็มีเพียงบุตรนอกสมรสที่ทะเลตะวันออก หากเขาตาย มรดกทั้งหมดของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งก็จะเป็นของท่านเพียงผู้เดียวถูกต้องหรือไม่?” ผู้อมตะระดับเจ็ดหลังค่อมเผยรอยยิ้มน่ากลัว

เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของผู้อมตะวัยกลางคน

“ไม่”

“หากท่านแม่รู้ ข้าจบแน่!” เมื่อนึกถึงความสามารถของวูตู๋ซิ่ว ร่างกายของผู้อมตะวันกลางคนที่มีการบ่มเพาะระดับแปดผู้นี้กลับสั่นสะท้านขึ้น

“ลืมมันไปเถอะ เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แม้เขาจะกลับมา แล้วเขาจะทำสิ่งใดได้” ผู้อมตะวัยกลางคนถอนหายใจ

แต่ผู้อมตะระดับเจ็ดหลังค่อมยังไม่ยอมแพ้ “โอ้ นายท่านคิดเช่นนี้ไม่ได้ เขาอาจเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด แต่จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากเขาได้รับมรดกของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง?”

ผู้อมตะวัยกลางคนตะโกน “แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะระดับแปด แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของเขายังไม่สามารถเปรียบเทียบกับข้า เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่น่าเสียดายวิญญาณอมตะระดับแปดเหล่านั้น เห้อ…”

ผู้อมตะระดับเจ็ดหลังค่อมเผยรอยยิ้มร้ายกาจ “นายท่าน ท่านลังเลเพราะกลัวความผิดพลาดและทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งลงโทษ แต่แท้จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตนเอง นอกจากพวกเรายังมีตระกูลปา ตระกูลไท่ ตระกูลจื่อ และตระกูลอื่นๆ พวกเขาจะลงมือแทนพวกเราตราบเท่าที่พวกเราเปิดเผยข้อมูลเล็กๆน้อยๆและล่อลวงให้พวกเขาโจมตีเป้าหมาย พวกเราเพียงนั่งรอรับผลประโยชน์เท่านั้น”

ดวงตาของผู้อมตะวัยกลางคนส่องประกายขึ้น “แผนการที่ดี ซูเต๋า เจ้าเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของข้า เมื่อข้ากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน”

“นายท่าน มันเป็นหน้าที่ของข้า สามารถแก้ปัญหาให้กับนายท่านถือเป็นเกียรติของข้าแล้ว” ดวงตาของผู้อมตะระดับเจ็ดหลังค่อมเปลี่ยนเป็นสีแดงและแทบจะร้องไห้ออกมา

ผู้อมตะวัยกลางคนตบไหล่ผู้อมตะระดับเจ็ดหลังค่อมซูเต๋าแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด

“นายท่าน ไม่มีเวลาแล้ว ข้าต้องรีบไปเตรียมการ”

“เอาล่ะ ไปเถอะ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจัดการได้”

หลังจากออกจากคฤหาสน์วิญญาณ ดวงตาของซูเต๋าก็ส่องประกายแหลมคมและมืดมิด

‘ฮืม! หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดข้าก็สามารถโน้มน้าววูหยงผู้นี้ ด้วยวิธีนี้แม้ข้าจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบุตรนอกสมรสผู้นั้น ข้าก็จะปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของวูหยง’

ตัวตนที่แท้จริงของซูเต๋าไม่ได้เป็นเพียงคนรับใช้ของวูหยงเท่านั้น แท้จริงแล้วเขาเป็นผู้อมตะของตระกูลปา เขาเป็นหนึ่งในสายลับที่ถูกวางไว้ในตระกูลวูที่มีตำแหน่งสูงที่สุด

สถานการณ์ของภาคใต้แตกต่างจากภาคเหนือและภาคกลาง

ท่ามกลางกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ตระกูลวูถือเป็นกองกำลังอันดับหนึ่ง ในประวัติศาสตร์จุดสูงสุดของพวกเขาเคยมีผู้อมตะระดับแปดถึงสามคน และในประวัติศาสตร์ของตระกูลวูมักมีผู้อมตะระดับแปดอย่างน้อยหนึ่งคนเสมอ

ตระกูลวูแข็งแกร่งมาตลอด แต่วูตู๋ซิ่วกำลังจะจบชีวิตลงขณะที่วูหยงมีความสามารถไม่เพียงพอ แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เปรียบเทียบกับผู้อมตะระดับแปดของตระกูลอื่น เขายังไม่มีสิ่งใดน่าประทับใจ

วูตู๋ซิ่วมีบุตรนอกสมรสชื่อวูอี้ไห่ ตามข้อมูลคนผู้นี้มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา แม้เขาจะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษอยู่ในทะเลตะวันออก แต่เขากลับมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวและมีชื่อเสียงในโลกผู้อมตะของทะเลตะวันออก

การสังหารวูอี้ไห่ นอกจากจะทำให้ตระกูลวูอ่อนแอลง มันยังเป็นการทำลายชื่อเสียงของวูหยงและทำให้ตระกูลวูเกิดความปั่นป่วน

ซูเต๋าเต็มไปด้วยความคาดหวังกับเรื่องนี้

หลายวันต่อมา

สามผู้อมตะเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาค

“นายน้อย พวกเราเกือบพ้นกำแพงภูมิภาคแล้ว นี่เป็นอุปสรรคสุดท้าย เมื่อเราออกจากกำแพงพลังงาน พวกเขาจะมีโอกาสโจมตีพวกเราน้อยลง” ผู้อมตะสูงอายุกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

วูอี้ไห่ตอบ “ท่านลุงจาง ท่านหมายความว่าส่วนต่อไปเป็นจุดที่อันตรายที่สุดงั้นหรือ!?”

“ถูกต้อง” ผู้อมตะเฒ่าพยักหน้า

ผู้อมตะอายุน้อยอีกคนกล่าวเสริม “แต่ตราบเท่าที่เราผ่านสิ่งนี้ เราจะได้รับอิสระ ตราบเท่าที่ท่านได้พบท่านแม่ของท่าน ความยากลำบากทั้งหมดจะได้รับการชำระคืนเป็นร้อยหรือพันเท่า!”

เมื่อได้ยินคำว่าท่านแม่ วูอี้ไห่รู้สึกซับซ้อน

เขาถอนหายใจ “ข้าไม่สนใจรางวัลใดๆ ข้าเพียงต้องการเห็นมารดาผู้ให้กำเนิด นางทอดทิ้งข้า แต่นางยังให้ท่านลุงจางพาข้ากลับไป ข้ามาเพื่อพบนางเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปทะเลตะวันออก”

ลุงจางยิ้ม “นายน้อยอย่ากังวล ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งคิดเรื่องนี้มานานแล้ว นางเตรียมทุกสิ่งเอาไว้ให้ท่าน แม้ท่านจะเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออก แต่เรามีท่าไม้ตายอมตะที่สามารถชำระล้างปราณสวรรค์พิภพในร่างของท่านเพื่อเปลี่ยนท่านเป็นผู้อมตะภาคใต้ หลังจากนั้นท่านจะสามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ภาคใต้และดูดซับปราณสวรรค์พิภพของภาคใต้ได้อย่างไม่มีปัญหา”

“โอ้ มีวิธีเช่นนั้น…” วูอี้ไห่มีความสุขที่ได้ยินเรื่องนี้

แม้เขาจะมีชื่อเสียงในทะเลตะวันออก แต่เขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ เขารู้สึกเจ็บปวดกับความอ่อนแอของตนเองในฐานะผู้บ่มเพาะสันโดษ หากเขามีกองกำลังใหญ่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นั่นจะช่วยเขาได้มาก

อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ ลมหายใจมังกรที่คล้ายแสงดาบกลับพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของเขาอย่างกะทันหัน!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท