เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1218

ตอนที่ 1218

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1218 วูตู๋ซิ่วกับวูหยง

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนมองสถานการณ์อยู่ด้านข้าง เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่วูอี้ไห่จะปรากฏตัว

ประการแรก เขายังไม่ได้ค้นวิญญาณของวูอี้ไห่อย่างสมบูรณ์ การเตรียมการยังไม่เสร็จสิ้น

ประการที่สอง วูตู๋ซิ่วยังไม่ตาย

หากวูตู๋ซิ่วไม่ตาย ฟางหยวนก็ไม่สามารถปรากฏตัวในฐานะวูอี้ไห่ได้อย่างปลอดภัย

ผู้อมตะระดับแปด!

ผู้ใดจะรู้ว่าวูตู๋ซิ่วจะใช้วิธีการใดตรวจสอบว่าวูอี้ไห่เป็นบุตรของนางจริงๆ

หากฟางหยวนล้มเหลวเพราะความโลภ เขาจะสูญเสียโอกาสที่หาได้ยากและนั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับเขา หากเป็นเช่นนั้นเขาจะตบกะโหลกของตัวเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกที่โดยเฉพาะในตระกูลวู

วูหยงมีแรงจูงใจซ่อนเร้นและมีแนวโน้มว่าเขาจะจัดการวูอี้ไห่

หากฟางหยวนปรากฏตัวเร็วเกินไป เขาอาจถูกลอบสังหารอย่างลับๆ

‘ในความเป็นจริงตัวตนของวูอี้ไห่ค่อนข้างมีปัญหา แต่โชคดีที่ข้ามีความทรงจำในอนาคต ข้ารู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในห้าร้อยปีหลังจากนี้ นี่ทำให้ข้าสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ดีขึ้น’

ในช่วงเวลานี้ฟางหยวนยังคงบ่มเพาะและค้นวิญญาณของวูอี้ไห่ต่อไปขณะเดียวกันเขาก็รวบรวมข้อมูลของโลกภายนอกอย่างต่อเนื่อง

สภาพของวูตู๋ซิ่วแย่ลงทุกวัน ภาคใต้ทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วน

ที่ภาคเหนืองานประลองทุ่งโลหิตยังดำเนินต่อไป โดยปราศจากหลิวกวนซื่อ ฝ่ายของชูตู๋ก็ถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์ แต่ในไม่ช้าสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเมื่อจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูส่งผู้บ่มเพาะสันโดษระดับเจ็ดจำนวนสามคนมาช่วยเหลือ พวกเขาได้รับชัยชนะติดต่อกันทำให้ทั้งสองฝ่ายติดอยู่ในทางตันอีกครั้ง

หลิวเจิ้งประกาศว่าเขาต้องการต่อสู้กับหลิวกวนซื่อ

นอกจากนั้นเผ่าอื่นๆเช่นเผ่าเย่หลิวก็ต้องการตัวหลิวกวนซื่อเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลิวกวนซื่อกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับคนผู้นี้ไม่เคยอยู่ที่ภาคเหนือ

กองกำลังต่างๆล้มเหลวในการตามล่า แต่ในภาคกลางผู้อมตะหลายคนกลับมีชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่า

องค์กรใต้ดินที่ถูกสร้างขึ้นโดยนิกายเงาถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์โดยวังสวรรค์รวมถึงสิบนิกายโบราณ

ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดถูกสังหาร ผู้บ่มเพาะสันโดษหลายคนที่มีความผิดน้อยกว่าถูกยึดทรัพยากรโดยสิบนิกายโบราณและกลายเป็นทาสอมตะ

ครึ่งเดือนต่อมาวูตู๋ซิ่วเรียกวูหยงและผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูมาที่บ้านของนาง

ในช่วงเวลาที่วูตู๋ซิ่วกำลังจะตาย นางกล่าวอย่างชัดเจนว่า “ข้ามีความเสียใจสามครั้งในชีวิต”

“ความเสียใจครั้งแรกคือข้าล้มเหลวในการกำจัดเจ็ดภูตผี ข้าสามารถทำลายรังของพวกมันเท่านั้น”

“ความเสียใจครั้งที่สองคือข้าไม่สามารถหาปราณแห้งได้มากพอที่จะหลอมรวมวิญญาณแปดวายุ”

“ความเสียใจครั้งที่สาม…”

นางหยุดก่อนกล่าวต่อ

“คือข้าไม่ได้เห็นหน้าบุตรชายของข้า อี้ไห่ ย้อนกลับไป ข้าเกลียดพ่อของเขา ข้าฆ่าเขา แต่ข้าไม่ควรทิ้งความเกลียดชังไว้กับเด็กน้อยที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสา เขาเป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตของข้า เมื่อข้าต้องการเขา มันก็สายเกินไปแล้ว”

ในบ้านไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียง

วูตู๋ซิ่วถอนหายใจและลุกขึ้นนั่งด้วยตัวของนางเอง

นางเข้าสู่ท่าครึ่งนั่งครึ่งนอนด้วยความยากลำบากก่อนจะกวักมือเรียกวูหยงอย่างอ่อนแรง

วูหยงเข้าใจความตั้งใจของนาง เขารีบปิดผ้าม่านและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับคุกเข่าลง

วูตู๋ซิ่วมองบุตรชายคนโตของนางและเผยรอยยิ้ม “หยงเอ๋อ เจ้าไม่เคยผิดหวังในตัวเจ้า”

ร่างกายของวูหยงสั่นสะท้านขึ้น ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

ในขณะนี้เขากำลังแสดงอารมณ์ที่แท้จริงที่มีต่อมารดาของตนออกมา

“ข้าจะส่งมอบตระกูลวูให้กับเจ้า” วูตู๋ซิ่วกล่าว

“ท่านแม่” วูหยงกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งและน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม

วูตู๋ซิ่วกล่าวต่อ “บุตรของข้า อี้ไห่ไม่สามารถมาที่นี่ได้ นั่นคือโชคชะตาของเขา ลืมมันไปซะ ข้าจะมอบวิญญาณอมตะเหล่านี้ให้กับเจ้า เจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวายุเช่นกัน ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลพวกมันเป็นอย่างดี”

“ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการวิญญาณอมตะของท่าน ข้าเพียงต้องการให้ท่านมีชีวิตอยู่!” วูหยงสะอื้น

“เด็กโง่ ผู้ใดจะสามารถหลบหนีจากความตาย กระทั่งเทพอมตะหรือเทพปีศาจยังต้องตายในที่สุด ชีวิตนิรันดร์เป็นเพียงจินตนาการของคนโง่เท่านั้น”

หลังกล่าวจบคำวิญญาณอมตะของวูตู๋ซิ่วก็ปรากฏขึ้นและบินเข้าไปหาวูหยง

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหมดของตระกูลวูที่อยู่อีกด้านของผ้าม่านเฝ้ามองสิ่งนี้อยู่อย่างเงียบๆ

กลิ่นอายของวิญญาณอมตะหายไปในร่างของวูหยงทีละดวง

วูตู๋ซิ่วมองออกไปนอกหน้าต่าง

แสงแดดลอดผ่านช่องหน้าต่างบานเล็กเข้ามาในห้อง

ด้วยความมึนงง วูตู๋ซิ่วเห็นเงาร่างในแสงแดด

ร่างนั้นไม่ใช่บิดาหรือมารดาของนางและไม่ใช่ชายที่นางเคยรัก แต่มันคือตัวนางเอง

นางในวัยเยาว์ที่มีรอยยิ้มสดใสราวกับดวงตะวัน

“วูตู๋ซิ่ว…”

“วูตู๋ซิ่ว…”

“ฮ่าฮ่า” นางพึมพำชื่อของนางสองครั้งก่อนจะหัวเราะเบาๆ

จุดแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มส่องประกายออกมาจากร่างของนาง

จุดแสงเหล่านี้ค่อยๆกลืนกินดวงวิญญาณและร่างกายของนางเข้าไป

หลังจากชั่วครู่ผู้อมตะระดับแปดที่ทรงพลังและมีชื่อเสียงในภาคใต้มานับพันปีวูตู๋ซิ่วก็จากโลกใบนี้ไปในที่สุด

นางไม่ได้ทิ้งทั้งร่างกายและดวงวิญญาณเอาไว้เบื้องหลัง

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง!”

นอกม่าน ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูต่างกรีดร้องด้วยความโศกเศร้า

เสียงร้องไห้ดังขึ้นในบ้านหลังเล็กที่ไร้เจ้าของหลังนี้

วูหยงร้องไห้อย่างเงียบๆ เขาคุกเข่าลงบนพื้นและก้มศีรษะลง

หลังจากไม่นานเขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นและไม่ได้ร้องไห้อีกต่อไป การแสดงออกของเขามั่นคงราวกับเหล็กกล้า

เขายืนขึ้น

จากนั้นเขามองไปยังกลุ่มผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลวูผ่านผ้าม่าน

“ทุกคนจงอดทนไว้ ท่านแม่จากไปแล้ว แต่พวกเราที่อยู่เบื้องหลังยังต้องนำตระกูลวูสู่ความรุ่งโรจน์ต่อไป!” น้ำเสียงของวูหยงเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ

กลุ่มผู้อาวุโสสูงสุดค่อยๆหยุดร้องไห้

วูหยงดึงม่านออกจากกันและเดินออกไป

กลุ่มผู้อาวุโสสูงสุดยืนขึ้นและตระหนักถึงบางสิ่ง

บรรยากาศกลายเป็นหนักหน่วง พวกเขาเร่งทำความเคารพวูหยงและกล่าวอย่างพร้อมเพรียง “คารวะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง”

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิตไปแล้วขณะที่ผู้อมตะระดับแปดวูหยงกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวู

ข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว

ภาคใต้ตกสู่ความโกลาหลทันที

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิตในที่สุด ผู้อมตะจากหลายกองกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เดิมทีตระกูลวูมีผู้อมตะระดับแปดสองคนแต่ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งเดียว แล้วพวกเขาจะยังรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของกองกำลังฝ่ายธรรมะได้หรือไม่?

ตระกูลวูมีแหล่งทรัพยากรในการครอบครองมากเกินไป

วูตู๋ซิ่วจากไปแล้ว วูหยงเพียงผู้เดียวจะสามารถนำตระกูลวูสู่ความรุ่งโรจน์เช่นในอดีตได้หรือไม่?

ไม่เพียงผู้อมตะนอกตระกูลวูที่คิดถึงประเด็นนี้ กระทั่งผู้อมตะของตระกูลวูก็ยังสงสัยในความสามารถของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งคนใหม่ของพวกเขา

และยังมีข่าวลือว่าวูหยงสังหารวูอี้ไห่น้องชายในสายเลือดของตนเอง ตอนนี้ข่าวลือต่างๆแพร่กระจายออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน

ภูเขาชิงหยาง

ฐานทัพใหญ่ตระกูลเฉียวอยู่ที่นี่

สองผู้อมตะตระกูลเฉียวยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาและมองไปในทิศทางของตระกูลวู

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวถอนหายใจ “วูตู๋ซิ่วตายไปแล้ว วูหยงพึ่งเข้ารับตำแหน่งต่อจากนาง แต่เขาก็ถูกข่าวลือเกี่ยวกับการสังหารน้องชายเล่นงาน ฮ่าฮ่า นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับตระกูลเฉียวของเรา ทุกคนคิดว่าพวกเราเป็นลูกไล่ของตระกูลวู แต่ความจริงก็คือพวกเรากำลังรอคอยโอกาสที่จะดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้ เรามีเหตุผลที่จะเคลื่อนไหวเพราะตระกูลเฉียวเป็นพันธมิตรกับตระกูลวูผ่านการแต่งงาน!”

“วูหยงดูเหมือนธรรมดาแต่ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดาเลย แม้เขาจะไร้ความสามารถ แต่เขายังเป็นผู้อมตะระดับแปด” ผู้อมตะอีกคนกล่าว

นางอยู่ในรูปลักษณ์ของหญิงวัยยี่สิบในชุดสีเขียวที่ไม่สามารถปกปิดรูปร่างอันทรงเสน่ห์เอาไว้ได้ ผิวของนางขาวราวหิมะ ดวงตาของนางสว่างสดใสภายใต้แพขนตายาว

นางเป็นความภาคภูมิใจและเป็นความหวังในอนาคตของตระกูลเฉียว นางยังเป็นหนึ่งในสามเทพธิดาที่งดงามที่สุดของภาคใต้ เฉียวซือหลิว

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวหัวเราะ “โอ้ หลิวเอ๋อ นี่คือเหตุผลที่ข้าขอให้เจ้ามาที่นี่ เราจะดำเนินการผูกมิตรกับตระกูลวูผ่านการแต่งงานต่อไป”

ร่างของเฉียวซือหลิวสั่นสะท้านขึ้น “ข้าเข้าใจ ข้ายินดีที่จะเสียสละเพื่อตระกูล”

“ดีมาก ตระกูลไม่ได้เลี้ยงดูเจ้ามาอย่างไร้ประโยชน์จริงๆ” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวดีใจมาก

“แต่กระทั่งข้าจะแต่งงานกับวูหยง ข้าก็อาจไม่สามารถควบคุมเขา เขาเป็นผู้อมตะระดับแปด เขายังมีอำนาจเหนือตระกูลวูทั้งหมด…” เฉียวซือหลิวลังเล

“ไม่ใช่กับเขา” ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวยิ้ม

“เช่นนั้นผู้ใด?” เฉียวซือหลิวรู้สึกสับสน

“วูอี้ไห่”

“วูอี้ไห่?”

“ถูกต้อง เขามาหาข้าเมื่อไม่กี่วันก่อน”

เจ็ดวันต่อมา

ตระกูลวูจัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่บนภูเขาวายุศักดิ์สิทธิ์

กองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดรวมถึงผู้บ่มเพาะสันโดษและกระทั่งปีศาจอมตะบางคนยังได้รับเชิญให้เข้าร่วม

ต่อหน้าทุกคน วูหยงกล่าว “ทุกคน จงกำจัดคนทรยศของตระกูลผู้นี้!”

“อันใด!?” ซูเต๋าตกใจมาก เขาต้องการขัดขืนแต่มันสายไปแล้ว

“นายท่าน ท่านกำลังทำสิ่งใด? ข้าเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทที่สุดของท่าน!” ซูเต๋ากรีดร้อง

“ฮ่าฮ่า” วูหยงหัวเราะและชี้นิ้วไปที่ซูเต๋า “เจ้าเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์และทุ่มเทอย่างแท้จริงซูเต๋า! คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าจริงๆงั้นหรือ คนเจ้าเล่ห์! เจ้าลอบตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของน้องชายข้าและซุ่มโจมตีเขา น้องชายที่น่าสงสารของข้า ข้ายังไม่เคยพบเขาแต่เขากลับถูกปีศาจร้ายสังหารไปแล้ว!”

หลังกล่าวจบคำ วูหยงเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

ซูเต๋าตะลึง

มันเป็นความตกใจที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูด

เขาต้องการปฏิเสธแต่วูหยงกลับโยนหลักฐานจำนวนมากออกมา

เขาไม่สามารถแก้ตัว

ซูเต๋าไม่สามารถปฏิเสธ เขาตระหนักแล้วว่าวูหยงได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเขามานานแล้วและอดทนมาจนถึงวันนี้!

วูหยงใช้ประโยชน์จากเขาเพื่อกำจัดวูอี้ไห่และได้รับมรดกจากมารดา เขากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลวูและสามารถทำลายข่าวลือเลวร้ายเกี่ยวกับตัวเขาได้ในวันนี้

ซูเต๋ากลายเป็นเบี้ยสังเวยที่ใช้แล้วทิ้ง

‘วันนี้ข้าคือผู้ชนะที่แท้จริง!’ วูหยงลอบหัวเราะอยู่ในใจ เขาชี้นิ้วไปที่ซูเต๋าและออกคำสั่ง “ลากตัวเขาออกไป!”

ทุกคนในที่เกิดเหตุรู้สึกไม่สบายใจและไม่สามารถปกปิดความกังวลบนใบหน้า

วูหยงมองไปรอบๆและรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

แต่ในขณะที่เขากำลังจะกล่าวต่อ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวกลับเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีข่าวดีสำหรับท่านวูหยง วูอี้ไห่น้องชายของท่านยังไม่ตาย นอกจากเขาจะยังไม่ตาย เขายังอยู่ที่นี่ด้วยความช่วยเหลือจากตระกูลเฉียวของข้า”

“อันใด!?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท