เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1235

ตอนที่ 1235

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1235 จุดจบของงานประลองทุ่งโลหิต

แปลโดย iPAT

ราชันมังกรถอนหายใจ “ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ว่ามีขอบเขตของผู้อมตะระดับสิบ แต่วิญญาณอมตะระดับสิบมีอยู่จริง นี่เป็นสิ่งที่ได้รับการยืนยันแล้วโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพ”

เทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นผู้อมตะระดับเก้าหลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเป็นคนดีและมีเมตตา เขาไม่ค่อยติดต่อกับผู้คน เขารักความสงบ เช่นเดียวกับเทพอมตะตะวันเดือด เทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ได้เข้าร่วมกับวังสวรรค์

ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ วังสวรรค์มีผู้อมตะระดับเก้าเพียงไม่กี่คนได้แก่เทพอมตะแรกกำเนิด เทพอมตะกลุ่มดาว และเทพอมตะบัวสวรรค์

…..

ภาคเหนือ

งานประลองทุ่งโลหิตบรรลุถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้าย

ชูตู๋เดินออกมาและกล่าว “ข้ารู้สึกเป็นเกียรตินัก”

เบื้องหน้าเขาคือผู้อมตะหญิงที่แต่งกายราวกับชาววัง นางดูสง่างามและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่สามารถสร้างความโกรธเคืองออกมา

มันคือกงหว่านถิง

ภรรยาขององค์ชายฟงเซี่ยน

กงหว่านถิงแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึมขณะที่น่างถอนหายใจเบาๆ “จักรพรรดิอมตะ เจ้าช่างยอดเยี่ยมสมฉายานัก เจ้าเอาชนะหลิวจวนเฉิงและเหยาหยวนอิงติดต่อกัน ไม่ว่าผลของการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ชื่อเสียงของจักรพรรดิอมตะก็ยังจะแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งภาคเหนือ”

ใบหน้าของหลิวจวนเฉิงและเหยาหยวนอิงที่ถูกกล่าวถึงยังคงซีดขาว ชูตู๋แข็งแกร่งกว่าทั้งสองมาก

การต่อสู้ส่วนใหญ่ของงานประลองทุ่งโลหิต ตระกูลฮวงจินสามารถปราบปรามนิกายชูและพันธมิตรเผ่าไป่ซู

แต่ในตอนท้ายเมื่อชูตู๋เข้าสู่สนามรบ กองกำลังฝ่ายธรรมะก็ถูกกำหราบทันที

พลังอำนาจของจักรพรรดิอมตะทำให้ผู้อมตะตระกูลฮวงจินรู้สึกหวาดกลัว

นี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ฝ่ายธรรมะไม่สามารถส่งผู้ใดออกมาอีก ดังนั้นกงหว่านถิงจึงต้องออกมาด้วยตนเอง

นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างผู้นำของทั้งสองฝ่าย

“เชิญ” ชูตู๋สุภาพมาก แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนก

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของกงหว่านถิง นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดิอมตะช่างกล้าหาญอย่างแท้จริง”

หลังกล่าวจบคำแสงสีม่วงก็พุ่งเข้าโจมตีชูตู๋ราวกับกระบี่อันแหลมคม

ชูตู๋คำรามและเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ

การต่อสู้อันดุเดือดทำให้สวรรค์พิภพสั่นสะเทือน ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง หลังจากหลายร้อยกระบวนท่าก็ยังไม่ปรากฏผู้ชนะ ผู้อมตะที่เฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้ต้องล่าถอยออกไปสามหมื่นลี้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่คาดคิดจากการต่อสู้ระหว่างชูตู๋กับกงหว่านถิง

ชูตู๋อาจได้รับบาดเจ็บแต่เขายังโจมตีมากกว่าป้องกันขณะที่กงหว่านถิงทำตรงกันข้ามและมีพลังงานเต็มเปี่ยม

การต่อสู้ที่รุนแรงดำเนินไปอีกร้อยรอบ ชูตู๋ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น แต่กงหว่านถิงก็ไม่มีช่วงเวลาที่สะดวกสบายอีกต่อไป นางมองชูตู๋ด้วยความเคร่งเครียดและไม่กล้าประมาท

ผู้ชมทั้งหมดรู้สึกอัศจรรย์ใจมาก พวกเขาต่างแสดงความคิดเห็นอย่างไม่รู้จบสิ้น นี่เป็นการปะทะกันระหว่างผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดที่เป็นรองเพียงผู้อมตะระดับแปดเท่านั้น

ดวงอาทิตย์ตก ดวงจันทร์ขึ้น ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ การต่อสู้ยังไม่สามารถตัดสิน

มันไม่แม้แต่จะลดความร้อนแรงลง

กระทั่งถึงรุ่งเช้าของวันที่สอง ทั้งสองฝ่ายนอ่อนแอลงมาก การต่อสู้กำลังจะถึงจุดสิ้นสุด

ผู้ชมต่างกลั้นหายใจและเฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้โดยไม่กระพริบตา

แต่ในจังหวะนี้เสาแสงกลับพุ่งลงมาและแยกชูตู๋กับกงหว่านถิงออกจากกัน

“พอแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงด้วยการเสมอ” ผู้อมตะระดับแปดเหยากวงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ

เขามองไปในระยะไกลและกล่าว “จักรพรรดิสวรรค์เห็นด้วยกับข้าหรือไม่?”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าและพยักหน้า “เราจะต่อสู้กันบนท้องฟ้า”

หลังกล่าวจบคำ ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองก็บินเข้าสู่สวรรค์สีขาวภายใต้การจ้องมองของทุกคน

ในไม่ช้าผู้อมตะทั้งหมดก็ได้ยินเสียงระเบิดที่รุนแรงมาจากสวรรค์สีขาว

จักรพรรดิอมตะชูตู๋พ่นลมหายใจออกมา เขาพอใจกับผลลัพธ์นี้

กงหว่านถิงมีสถานะพิเศษ นางเป็นภรรยาขององค์ชายฟงเซี่ยน ชูตู๋ต้องคิดถึงเรื่องนี้และไม่สามารถสังหารนางได้ หากเขาทำ มันจะเป็นการสร้างความขุ่นเคืองให้กับองค์ชายฟงเซี่ยน

หากชูตู๋เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาอาจไม่กลัว แต่เมื่อเขาก่อตั้งนิกายชู ทุกอย่างจึงแตกต่างออกไป

นอกจากนั้นชูตู๋ยังแสดงความสามารถที่น่าทึ่งออกมาในงานประลองทุ่งโลหิต เพื่อประโยชน์ของเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูย่อมไม่ปล่อยให้ชูตู๋ตายอยู่ที่นี่

เช่นเดียวกับสิ่งที่เหยากวงและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ การประลองครั้งนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถลดความสูญเสีย

“เหลือเชื่อ! สวรรค์สีขาวเกิดรอยแตกร้าว!”

“นี่สามารถบอกได้ว่าการต่อสู้ของพวกเขารุนแรงเพียงใด!”

“น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเข้าไปในสวรรค์สีขาวและชมการต่อสู้โดยตรง”

ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้

การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกับเหยากวงจะตัดสินทุกอย่าง

ในงานประลองทุ่งโลหิต แม้จะมีการสูญเสียมากมาย แต่ผู้อมตะที่ตายก็มีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นผู้อมตะระดับหก มีผู้อมตะระดับเจ็ดเพียงเล็กน้อย การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเย่หลิวชุนซิง

หลังจากนั้นก็ไม่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นอีก

แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บของผู้อมตะเป็นปัญหาใหญ่

เนื่องจากพลังงานแห่งเต๋า มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะรักษา ผู้อมตะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

บนสวรรค์สีขาว

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและเหยากวางนั่งตรงข้ามกันโดยมีกระดานหมากรุกคั่นอยู่ตรงกลาง

“เชิญชิมชาทองคำเปลวที่ข้าพึ่งคิดค้นขึ้นใหม่” เหยากวงหัวเราะเบาๆและแนะนำชาของเขา

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูดื่มมันและพยักหน้าก่อนจะหยิบขนมถุงใหญ่ออกมา

“นี่คือตะขาบทอดสูตรพิเศษของข้า”

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองดื่มชาและกินตะขาบทอดขณะเล่นหมากรุก กล่าวได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย

เหยากวงถอนหายใจ “ตะขาบทอดนี้สดใหม่และอร่อยมาก ข้าไม่เคยเบื่อหน่ายรสชาติของมัน มันถือเป็นอาหารเลิศรสอย่างแท้จริง”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวชมเช่นกัน “ชาทองคำเปลวของพี่เหยายอดเยี่ยมกว่าชาใบเงิน ดูเหมือนท่านเข้าใกล้ความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะฟื้นคืนจากความตายแล้ว”

ชาหรือสุราทุกชนิดถือได้ว่าเป็นเคล็ดลับในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางอาหารที่ไม่สมบูรณ์

บ่อยครั้งที่การแข่งขันบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระหว่างผู้อมตะจะใช้การผลิตสุราหรือชาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหรือปกป้องชื่อเสียง

เมื่อผู้อมตะได้ลิ้มรสชาติของชาหรือสุราของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาจะเข้าใจความสามารถในการหลอมรวมของอีกฝ่าย

แน่นอนว่านี่เป็นวิธีที่คลุมเครือมาก มันเป็นเพียงการตรวจสอบอย่างหยาบๆและไม่สามารถบ่งบอกทักษะที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้าม

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรับรู้ถึงรสชาติที่แตกต่างออกไปในชาชนิดใหม่ของเหยากวงเนื่องจากเขาเคยดื่มชาใบเงินของเหยากวงมาก่อน เมื่อเปรียบเทียบชาทั้งสอง จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถตัดสินว่าทักษะการหลอมรวมของเหยากวงพัฒนาขึ้น

พัฒนาการนี้ชัดเจนว่าเกิดจากความพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะฟื้นคืนจากความตายของเหยากวง

สำหรับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ขนมที่เขาสร้างขึ้นไม่ง่ายเช่นกัน มันแสดงถึงความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขา

แต่ในช่วงที่ผ่านมาจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยุ่งอยู่กับการสร้างเผ่าไป่ซูและการบุกโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ดังนั้นทักษะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาจึงไม่ได้พัฒนาขึ้นมากนัก นี่เป็นเหตุผลที่ตะขาบทอดของเขาไม่แตกต่างจากเดิม

เป็นเพียงเวลานี้ที่เหยากวงมองลงไปด้านล่าง

ไม่ไกลจากพวกเขามีสองร่างกำลังต่อสู้กัน

คนหนึ่งมีลักษณะคล้ายกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขณะที่อีกคนดูคล้ายเหยากวง

บนพื้นพิภพด้านล่างสวรรค์สีขาว ผู้อมตะในทุ่งโลหิตยังส่งเสียงโห่ร้องอย่างไม่หยุดยั้ง

เหยากวงชมเชย “จักรพรรดิสวรรค์มีทักษะการสร้างร่างแยกที่ลึกล้ำนัก แท้จริงแล้วเจ้าสามารถสร้างร่างแยกที่มีพลังการต่อสู้ของผู้อมตะระดับแปดได้ถึงสามสิบส่วน”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูหัวเราะ “ข้าไม่ควรได้รับคำชมนี้ ถ้ำสวรรค์นิรันดรครอบครองหนึ่งในท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ คู่เหมือน มันสามารถสร้างร่างแยกที่มีพลังทัดเทียมกับร่างจริง สำหรับวิธีการของข้า มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์”

เหยากวงยิ้ม

เขาเข้าใจความตั้งใจของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

เหยากวงอธิบาย “อย่าได้กังวล จักรพรรดิสวรรค์ ตราบเท่าที่ผู้อมตะจากถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ปรากฏตัว เพียงป้ายคำสั่ง ไม่สามารถบีบบังคับพวกเรา”

“นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าสถานการณ์ของทั้งห้าภูมิภาคขึ้นอยู่กับผู้อมตะระดับแปดที่ปกครองอยู่เช่นนั้นหรือ?”

“ตอนนี้ในภาคเหนือ ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปด ปีศาจอมตะเซี่ยหูแข็งแกร่งที่สุด หากเขาประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ เราจะไม่สามารถหยุดเขาได้อีก แต่ข้าเห็นว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะมีการป้องกันที่หนาแน่น กระทั่งพวกเราก็ยังพบกับความยากลำบากหากต้องการบุกเข้าไป”

“ความขัดแย้งระหว่างพวกเราเป็นเพียงความขัดแย้งภายในของฝ่ายธรรมะ แต่ปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นฝ่ายปีศาจ นั่นเป็นปัญหาที่แท้จริง”

เหยากวงกล่าวอย่างช้าๆขณะที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพยักหน้าเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของสหายเฒ่าผู้นี้

เมื่อวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลง ฝ่ายปีศาจเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น หากปีศาจอมตะเซี่ยหูประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ สถานการณ์จะไม่สามารถควบคุม

เปรียบเทียบกับการถือกำเนิดของกองกำลังใหม่ฝ่ายธรรมะ เหยากวงไม่เต็มใจที่จะเห็นกองกำลังฝ่ายปีศาจแข็งแกร่งขึ้น

“โชคดีที่ข้าเชิญผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะหลายคนเข้าร่วมในการประลองครั้งนี้ หลังการประลองสิ้นสุดลง บางส่วนจะเข้าร่วมกับนิกายชูและบางส่วนจะเข้าร่วมกับเผ่าไป่ซู นี่จะทำให้ฝ่ายปีศาจอ่อนแอลงและส่งเสริมฝ่ายธรรมะของเรา” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

การประลองครั้งนี้อาจทำให้ตระกูลฮวงจินอ่อนแอลง แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและชูตู๋ก็ทำให้ฝ่ายปีศาจอ่อนแอลงเช่นกัน นี่ทำให้เกิดเสถียรภาพขึ้นในภาคเหนือ

แต่เหยากวงยังขมวดคิ้ว

“นิกายชูจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง”

“ภาคเหนือไม่อนุญาตให้นิกายเกิดขึ้น”

“หากชูตู๋ต้องการให้นิกายชูคงอยู่ เขาต้องเปลี่ยนมันเป็นเผ่าชู มิฉะนั้นกองกำลังฝ่ายธรรมะจะไม่พอใจ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท