เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1238

ตอนที่ 1238

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1238 ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งโชค

แปลโดย iPAT

“ท่านแม่ ท่านหมายถึง…” ฟงจินฮวงขมวดคิ้ว นิกายคฤหาสน์วิญญาณมีสมาชิกเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ในช่วงเวลาที่ฟงจินฮวงเติบโตขึ้น นางดูถูกผู้ชายรุ่นเดียวกันมาตลอด

มีเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง นั่นคือบิดาของนางมีความสามารถสูงเกินไป มันทำให้ความคาดหวังของนางสูงขึ้น นางไม่เคยเห็นสิ่งที่ดีในตัวเด็กหนุ่มที่อยู่รอบตัว

เทพธิดาไป่ชิงพยักหน้าถามอย่างล้อเลียน “ถูกต้อง ฮวงเอ๋อ ในบรรดาเด็กหนุ่มที่เจ้าเคยพบ เจ้าสนใจผู้ใดบ้าง?”

ฟงจินฮวงขมวดคิ้ว หลังจากคิดเรื่องนี้ นางส่ายศีรษะ

เทพธิดาไป่ชิงแทบหัวเราะออกมากับท่าทางงงงวยของบุตรสาว นางถามอีกครั้ง “เช่นนั้นแม่จะเปลี่ยนคำถาม เด็กหนุ่มคนใดที่ทิ้งความประทับใจไว้กับเจ้าได้มากที่สุด?”

ฟงจินฮวงตะลึง

ภาพของฟางหยวนปรากฏขึ้นในใจของนางอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

ฟางหยวนทำให้นางพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ฟงจินฮวงไม่มีวันลืมฉากบนภูเขาตงฮัน

นอกจากนั้นฟางหยวนยังเคยช่วยชีวิตฟงจิวเก้อมาก่อน!

เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ฟงจินฮวงมีความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างยิ่งต่อฟางหยวน

มันไม่ใช่ความเกลียดชังที่บริสุทธิ์

นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่ความกตัญญูที่บริสุทธิ์

การแสดงออกของฟงจินฮวงทำให้เทพธิดาไป่ชิงตระหนักถึงบางสิ่งและเริ่มโทษตัวเอง ‘โอ้ ไม่ เหตุใดข้าถึงลืมเกี่ยวกับการคงอยู่ของฟางหยวน!?’

คิดได้เช่นนี้ เทพธิดาไป่ชิงจึงเร่งกล่าว “ฮวงเอ๋อ อย่าคิดถึงมัน!”

ในฐานะมารดา เทพธิดาไป่ชิงกังวลมาก แม้ฟงจินฮวงจะเติบโตขึ้นมากแล้ว แต่นางก็ยังไร้เดียงสา ในแง่ของความสัมพัมธ์ นางเหมือนกระดาษสีขาวที่ว่างเปล่า

“ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลก เขาใช้วิญญาณกาลเวลาหวนกลับมา อายุที่แท้จริงของเขาอาจแก่กว่าทั้งพ่อและแม่ของเจ้า!” เทพธิดาไป่ชิงกล่าวอย่างจริงจัง

“สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจที่ชั่วร้าย เขาข่นฆ่าผู้คนมานับไม่ถ้วนและเป็นอันตรายต่อโลกใบนี้!”

“แต่เขาช่วยท่านพ่อเอาไว้” ฟงจินฮวงโต้แย้ง

เทพธิดาไป่ชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมและมองลึกเข้าไปในดวงตาของฟงจินฮวง “เจ้าต้องจำสิ่งนี้เอาไว้ บุญคุณกับความแค้นไม่สามารถนำมารวมกัน เจ้าต้องแยกมันให้ออก บุญคุณที่เขาช่วยชีวิตพ่อของเจ้าเอาไว้พวกเราจะตอบแทนเขาอย่างเหมาะสม แต่เขาเป็นสมาชิกฝ่ายปีศาจ เขาเป็นคนเลวที่ต้องถูกกำจัด หากเราพบเขาอีกครั้ง เราต้องกำจัดเขา เข้าใจหรือไม่?”

ฟงจินฮวงพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”

…..

ภาคใต้ ในอาณาจักรแห่งความฝัน

“ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่ว!” ฟางหยวนจามสองครั้ง

เขาถูจมูกและกล่าวกับผู้ใช้วิญญาณหญิงตรงหน้า “อีกครั้ง”

ผู้ใช้วิญญาณหญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะ นำหินสามก้อนออกมา “เชิญ”

นี่ไม่ใช่อาณาจักรแห่งความฝันก่อนหน้า

อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งวารีก่อนหน้านี้ยากเกินไปในฉากสุดท้าย ฟางหยวนตัดสินใจยอมแพ้และเปลี่ยนเป็นอาณาจักรแห่งความฝันอื่น

สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขก็คือการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันนี้จะทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของเขาเพิ่มขึ้น!

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งโชคมีอยู่น้อยมาก

เพราะกระทั่งเทพอมตะตะวันเดือดจะสร้างเส้นทางแห่งโชคขึ้นมาบนโลกใบนี้ แต่เขาไม่ได้แพร่กระจายมันออกไป

ดังนั้นอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งโชคจึงหาได้ยากเช่นกัน มันเป็นไปแทบไม่ได้ที่ฟางหยวนจะพบอาณาจักรแห่งความฝันเช่นนี้

ฟางหยวนมองหินสามก้อน เขารู้ว่าตามกฎเขาต้องชนะสามครั้งติดต่อกันเพื่อผ่านฉาก

มันคือผลึกหินโชคลาภ

‘ข้าประสบความสำเร็จสองครั้งแล้ว หากครั้งนี้ข้าล้มเหลว ความพยายามของข้าจะกลายเป็นไร้ผล ข้าควรใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน’

ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายของเขาทันที

แต่หลังจากรอสักพัก มันก็ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ขณะที่ฟางหยวนกำลังสับสน ผู้ใช้วิญญาณหญิงมองมาที่เขาด้วยความขบขันและกระซิบ “น้องชายตัวน้อยเลือกตรงกลาง อย่ากังวล ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”

หลังกล่าวจบคำ นางขยิบตาให้ฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่ยียวน

ในที่สุดฟางหยวนก็ตระหนักว่านี่คือผลลัพธ์ของท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน เขาไม่ลังเลที่จะคว้าหินก้อนตรงกลาง

หินทั้งสามถูกเปิดออก ไม่มีวิญญาณใดๆอยู่ภายใน แต่ด้วยคุณภาพของตัวผนึกหินเอง ก้อนตรงกลางจึงถือว่ามีมูลค่าสูงที่สุด

ฉากแรกเลือนหายไปขณะที่ฟางหยวนเข้าสู่ฉากที่สอง

…..

ภาคเหนือ

ถ้ำสวรรค์นิรันดร

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด แท่นบูชาแห่งโชค

แท่นบูชาแห่งโชคมีเสาหยกขาวจำนวนมากจัดเรียงเป็นวงกลมสามชั้นและปลดปล่อยแสงที่งดงามออกมา

ผู้อมตะแปดคนของถ้ำสวรรค์นิรันดรยืนอยู่ที่แท่นบูชาแห่งโชคและพยายามควบคุมมันอย่างสุดความสามารถ

ปรมาจารย์ห้าธาตุที่ติดอยู่ตรงกลางแท่นบูชาแห่งโชคแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้เขาต้องใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมาเพื่อต่อต้านมัน

เงียบมาก

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเคลื่อนไหว ไม่แม้แต่จะกล่าวสิ่งใดออกมา

แต่ในจังหวะนี้เสียงระฆังกลับดังขึ้น

ผู้อมตะทั้งแปดรู้สึกตกใจและเต็มไปด้วยคำถาม

“นี่คือสัญญาณเตือน เหตุใดมันจึงดังขึ้น?”

“บรรพชนตะวันเดือดเป็นผู้จัดตั้งค่ายกลวิญญาณนี้ หากเราพบปัญหา มันจะกระตุ้นการทำงานด้วยตัวของมันเอง”

“แต่ปรมาจารย์ห้าธาตุยังถูกขังอยู่ที่นี่”

ผู้อมตะทั้งแปดลอบสนทนา

ผู้นำกลุ่มผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์กล่าว “เมื่อปรมาจารย์ห้าธาตุบุกเข้ามา เสียงระฆังก็ยังไม่ดังขึ้น ตอนนี้เมื่อมันดังขึ้น หมายความว่ามีอันตรายอื่นที่ร้ายแรงกว่า”

ทุกคนตื่นตระหนก

“นั่นหมายความว่าภัยพิบัติต่อไปนี้จะรุนแรงกว่าการบุกโจมตีของปรมาจารย์ห้าธาตุงั้นหรือ?”

“ตอนนี้เราต้องใช้พลังทั้งหมดของแท่นบูชาแห่งโชคเพื่อกำหราบปรมาจารย์ห้าธาตุ เราไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วเราจะจัดการกับมันได้อย่างไร?”

“ด้วยแท่นบูชาแห่งโชค ภัยพิบัติสวรรค์พิภพไม่สามารถทำสิ่งใดต่อพวกเรา มันต้องเป็นภัยพิบัติมนุษย์!”

“ในสถานการณ์นี้เราต้องปลุกผู้อมตะสี่ดินแดนเท่านั้น”

ผู้อมตะทั้งแปดพยักหน้าเห็นด้วย

ปรมาจารย์ห้าธาตุกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้ำสวรรค์นิรันดรแทบไม่สามารถป้องกันตนเอง ข้าอยากรู้นักว่าภัยพิบัติใดที่สามารถทำให้เสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น”

ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์กำลังจะกล่าวแต่เสียงอีกสายหนึ่งกลับดังขึ้น “มันเป็ฯภัยพบิติที่มาพร้อมกับโชคดี โชคเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ในฐานะผู้อมตะ พวกเราจะเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นโชคดี แท่นบูชาแห่งโชคก็ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวความคิดนี้”

ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์ได้ยินเสียงนี้และรู้สึกมีความสุขมาก

ปรมาจารย์ห้าธาตุมองไปยังผู้อมตะลึกลับที่มาใหม่และถาม “เช่นนั้นท่านก็คือผู้อมตะสี่ดินแดน?”

“คารวะราชันใต้” แปดผู้อมตะเกาะสวรรค์แสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียงและถือเป็นการตอบคำถามของปรมาจารย์ห้าธาตุ

ถ้ำสวรรค์นิรันดรแบ่งออกเป็นสี่ดินแดนแปดเกาะสวรรค์

ดินแดนทั้งสี่ได้แก่ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก แต่ละดินแดนมีผู้อมตะระดับแปดปกครองอยู่

สำหรับแปดเกาะสวรรค์ มีผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นผู้ดูแล

ถ้ำสวรรค์นิรันดรมีพื้นที่กว้างใหญ่และทรัพยากรมากมาย นอกเหนือจากผู้อมตะทั้งสิบสองคนนี้ยังมีผู้อมตะคนอื่นๆ แต่ผู้อมตะสิบสองคนเป็นกำลังสำคัญของถ้ำสวรรค์นิรันดร พวกเขาเป็นชนชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะทั้งหมด

ราชันใต้สวมชุดเกราะสีฟ้าทอง เคราของเขายาวลงมาถึงหน้าอก เขาเป็นชายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแต่ดูค่อนข้างแก่ เขากล่าว “ข้าตื่นขึ้นเพราะเสียงระฆัง มันเป็นเสียงยาวสามครั้งและเสียงสั้นอีกสองครั้ง มันไม่เร็วและไม่ช้า นี่หมายความว่าวิญญาณแห่งความรักกำลังเข้าสู่ภาคเหนือ วิญญาณแห่งความรักสามารถต่อต้านโชคชะตา ในอดีต บรรพชนของเรายังต้องระวังมัน ท่านเคยพยายามปรับแต่งวิญญาณแห่งความรักเป็นเวลาสามปีแต่ยังล้มเหลว ท่านทำได้เพียงจัดตั้งค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งโชคเอาไว้ เมื่อวิญญาณแห่งความรักเข้ามาในภาคเหนือ ค่ายกลวิญญาณจะส่งเสียงเตือนและนั่นจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราที่จะจับวิญญาณแห่งความรัก!”

ปรากฏว่ามันคือการเตรียมการของเทพอมตะตะวันเดือดเมื่อนานมาแล้ว

ผู้อมตะแปดเกาะสวรรค์กล่าว “พวกเราจะทำตามคำบัญชาของท่าน เราเต็มใจสละชีวิตเพื่อจับวิญญาณแห่งความรัก!”

…..

ภาคใต้

“นี่คือถ้ำสวรรค์ไป่เซียง!” ไห่ลั่วหลันก้าวเข้าสู่ถ้ำสวรรค์ไป่เซียงอย่างเป็นทางการ

ไท่เป่ยหยุนเฉิง อิงอู๋เซี่ย และซื่อหนิวติดตามมาด้านหลัง

“หือ? มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนแปลงไป

ในเวลาต่อมาสภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนแปลงไป ค่ายกลวิญญาณถูกกระตุ้นใช้งานและขังผู้อมตะทั้งสี่เอาไว้ภายใน

ร่างของไป่หนิงปิงปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

ซื่อหนิวตกใจและโกรธมาก เขาคำราม “เจ้าคือไป่หนิงปิงงั้นหรือ? เจ้ากล้าทรยศพวกเราจริงๆ!?”

“ฮืม! เศษซากของนิกายเงา วันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้า!” ไป่หนิงปิงเผยรอยยิ้มเย็นชา

อิงอู๋เซี่ยรู้สึกประหลาดใจมาก

เขาเกิดแรงบันดาลใจหนึ่ง “เจ้าใช้วิธีหลอมรวมวิญญาณมนุษย์เปลี่ยนเป็นมังกร ดูเหมือนมันจะมีอยู่จริงๆ!”

“กล่าวตามตรงข้าต้องขอบคุณเจ้าสำหรับเรื่องนี้ เช่นนั้นให้ข้ามอบของขวัญตอบแทนเจ้า” ไป่หนิงปิงหัวเราะเสียงดัง

“เดี๋ยว! เราสามารถเจรจา…” อิงอู๋เซี่ยยังกล่าวไม่จบประโยคขณะที่ค่ายกลวิญญาณเริ่มส่งพายุหิมะและหอกน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา

ผู้อมตะทั้งสี่ถูกบังคับให้ปกป้องตนเอง

…..

ภายในค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ของภาคใต้

ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นและกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง

จิตวิญญาณของเขาอ่อนแอมากแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะเขามีวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

“ผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งโชค!” ฟางหยวนตรวจสอบความสำเร็จของตนเอง

นี่เป็นสิ่งที่อาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งโชคมอบให้เขา แต่เขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งโชคส่วนที่เหลือ

อย่างไรก็ตามกำไรที่เขาได้รับถือว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคระดับทั่วไปของเขาพุ่งขึ้นสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญในครั้งเดียว

นี่ทำให้เขารู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน

มันเป็นความรู้สึกที่ลึกลับและไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูด

‘หากความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของข้าบรรลุระดับปรมาจารย์ ข้าอาจต้องการมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งโชคจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา หากข้าสามารถใช้งานมันได้ดี ความแข็งแกร่งของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกมาก!’

‘ในปัจจุบันข้ารู้สึกว่าข้าสามารถใช้วิญญาณอมตะคลี่คลายปริศนาร่วมกับวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน!’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท