เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1242

ตอนที่ 1242

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1242 วังสวรรค์แห่งโชค

แปลโดย iPAT

เหนือทะเลเมฆอันกว้างใหญ่ บางคนยืนมองก้อนเมฆที่เคลื่อนตัวผ่านไปอย่างเงียบๆ

คนผู้นี้สวมชุดเกราะสีฟ้าทอง เคราของเขายาวลงมาถึงหน้าอก เขาเป็นชายชราที่มีร่างกายกำยำ มันก็คือราชันใต้

“ข้าเหยากวงคารวะราชันใต้!” ร่างหนึ่งปรากฏขึ้น เขาก็คือผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าเหยาผู้อมตะระดับแปดเหยากวง

ราชันใต้หันกลับมาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราต่างเป็นผู้อมตะระดับแปด ปฏิบัติต่อข้าเช่นสหายผู้หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากเกินไป”

เหยากวงโค้งคำนับอีกครั้ง “ในแง่ของระดับการบ่มเพาะ ท่านเหนือกว่าข้า ในแง่ของความอาวุโส ข้าเป็นทายาทที่ไม่อาจนับรุ่น ไม่ว่าอย่างไรสถานะของข้าก็ต่ำกว่าท่าน”

ราชันใต้พยักหน้าและถอนหายใจ “เจ้าเป็นคนดี แต่น่าเสียดายที่สายเลือดตระกูลฮวงจินของเราตกต่ำลงในปัจจุบัน นอกถ้ำสวรรค์นิรันดร เจ้าเป็นผู้อมตะระดับแปดเพียงคนเดียวของตระกูลฮวงจิน!”

องค์ชายฟงเซี่ยเป็นสมาชิกเผ่ากง แต่จากมุมมองของราชันใต้ เขาเป็นคนนอกเพราะเขาไม่มีสายเลือดตระกูลฮวงจินไหลเวียนอยู่ในร่างกาย

“ย้อนกลับไปในรุ่นของข้า มีผู้อมตะระดับแปดของตระกูลฮวงจินถึงสี่คน หนึ่งในนั้นรู้จักกันในนามของจ้าวพยัคฆ์อมตะ เขาแข็งแกร่งมาก ผู้คนคิดว่าเขามีศักยภาพที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับเก้า น่าเสียดายที่เขาตายในสวรรค์สีดำ เมื่อเวลาผ่านไป ตระกูลฮวงจินจึงค่อยๆตกต่ำลง”

ปรากฏความผิดหวังอยู่ในดวงตาของราชันใต้

เหยากวงไม่สามารถกล่าวสิ่งใด

เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะวิจารณ์สายเลือดตระกูลฮวงจิน มีเพียงตัวตนระดับราชันใต้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็นลักษณะนี้

และเขาก็กล่าวเรื่องจริง

เหยากวงไม่มีสิ่งใดโต้แย้ง

มันเป็นเช่นนั้น ตระกูลฮวงจินของภาคเหนือตกต่ำลง พวกเขาขาดแคลนบุคคลที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่น ในทางตรงข้ามผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะกลับมีอัจฉริยะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่น จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ชูตู๋ และหลิวกวนซื่อ

“อย่างไรก็ตามบรรพชนตะวันเดือดคาดการณ์ไว้แล้ว” ราชันใต้กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างกะทันหันและทำให้เหยากวงตกใจมาก

“โอ้ บรรพชนตะวันเดือดสามารถทำนายอนาคตที่ยาวไกลได้งั้นหรือ?”

“แม้บรรพชนของเราจะบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งโชค แต่ความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาของท่านก็ไม่ต่ำต้อย นอกจากนี้โชคยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน บรรพชนของเราเข้าใจว่าทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ท่านสร้างวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงขึ้นมา ท่านก็ประกาศไว้แล้วว่าวันหนึ่งมันจะพังทลายลง เมื่อวันนั้นมาถึง มันจะเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลง ยุคที่ยิ่งใหญ่จะมาถึง” ราชันใต้กล่าวเสริม

เหยากวงตกใจ “เป็นเช่นนั้น?”

ยุคที่ยิ่งใหญ่หมายถึงสิ่งใด?

มันจะเป็นยุคที่ยิ่งใหญ่หากเทพอมตะหรือเทพปีศาจถือกำเนิดขึ้น

ราชันใต้ถอนหายใจ “บรรพชนตะวันเดือดใช้ความพยายามอย่างหนักและจัดเตรียมสิ่งต่างๆเอาไว้มากมายเพื่อช่วยเหลือบุตรหลานของท่าน ท่านต้องการทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของยุคที่ยิ่งใหญ่ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ท่านยังต้องทำให้แน่ใจว่าสายเลือดตระกูลฮวงจินจะถูกส่งต่อ”

เหยากวงลังเล “ไม่ว่าตระกูลฮวงจินจะอ่อนแอลงเพียงใด พวกเราก็ยังสามารถปกป้องตนเอง อย่างน้อยภาคเหนือก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา แม้พวกเราจะไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังมีถ้ำสวรรค์นิรันดร”

ราชันใต้ส่ายศีรษะ “ถ้ำสวรรค์นิรันดรอาจแข็งแกร่ง แต่มันเป็นเพียงมิติช่องว่างของบรรพชนของเรา ขณะที่วังสวรรค์ของภาคกลางเป็นการรวมตัวของมิติช่องว่างจำนวนนับไม่ถ้วน รากฐานของถ้ำสวรรค์นิรันดรยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวังสวรรค์ ตอนนี้ภาคกลางส่งผู้อมตะระดับแปดจำนวนสามคนและคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกสามหลังบุกมายังภาคเหนือแล้ว เจ้าคิดว่าตระกูลฮวงจินของเราจะรับมือพวกเขาได้หรือไม่?”

เหยากวงรู้สึกพูดไม่ออก “กระไรนะ!? ภาคกลางบุกงั้นหรือ?”

ราชันใต้ไม่ได้อธิบายต่อ เขากล่าว “ตามข้ามา”

หลังกล่าวจบคำ เขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที

เหยากวงเร่งติดตามไปด้านหลัง

ผู้อมตะทั้งสองบินผ่านกำแพงสวรรค์และเข้าสู่สวรรค์สีดำ

ภายใต้การนำทางของราชันใต้ เหยากวงมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

หลังจากบินไปได้สักพัก ร่างกายของเหยากวงพลันสั่นสะท้านขึ้น ‘สวรรค์สีดำเป็นสถานที่อันตราย แม้ข้าจะสำรวจมันบ่อยครั้งเพื่อค้นหาทรัพยากรอมตะระดับแปด แต่ข้าไม่เคยเดินทางได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ อย่าบอกว่าราชันใต้มีแผนที่ของสวรรค์สีดำ?’

แต่ความจริงคือแผนที่ไม่สามารถใช้งานในสวรรค์ทั้งเก้า

เมฆที่อยู่ในเก้าสวรรค์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันไม่สามารถเชื่อถือ

แม้กลุ่มผู้อมตะภาคกลางจะเดินทางได้ค่อนข้างราบรื่น แต่พวกเขายังพบกับหมูป่าเหินเวหา อสรพิษทมิฬ ยุงหมี และอื่นๆ อย่างไรก็ตามราชันใต้กับเหยากวงกลับไม่พบสิ่งใดเลย พวกเขาปลอดภัยและเดินทางได้อย่างราบรื่นราวกับพวกเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของตนเอง

“เอาล่ะ ที่นี่” ราชันใต้หยุดบิน

เหยากวงหยุดอยู่ด้านข้าง

เขารู้สึกแปลกเล็กน้อย ที่แห่งนี้ว่างเปล่ามาก แต่เหตุใดราชันใต้ถึงหยุดอยู่ที่นี่?

ในเวลาต่อมาราชันใต้ก็ตอบข้อสงสัยของเหยากวงด้วยการกระทำ

ร่างกายของเขาส่องแสงสีทองออกมาราวกับดวงตะวัน เหยากวงต้องปิดเปลือกตาลงแต่หัวใจของเขากลับแตกตื่น

สวรรค์สีดำมืดมาก การกระทำนี้จะดึงดูดฝูงสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่มีสัตว์อสูรปรากฏตัวแม้แต่ตัวเดียว

‘ที่นี่คือสวรรค์สีดำจริงๆงั้นหรือ?’ เหยากวงต้องคิดเช่นนี้อย่างช่วยไม่ได้

ครู่ต่อมาราชันใต้ก็หยุดเคลื่อนไหวขณะที่วังสีทองปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

เหยากวงไม่คาดหวังว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะจะถูกซ่อนไว้ที่นี่

แต่เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าวังหลังนี้คือสิ่งใด เขารู้สึกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก “นี่คือวังสวรรค์แห่งโชค?”

แท่นบูชาแห่งโชค วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง วังสวรรค์แห่งโชค เหล่านี้ล้วนเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะของเทพอมตะตะวันเดือดทั้งสิ้น

วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงตั้งอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ แท่นบูชาแห่งโชคถูกเก็บไว้ในถ้ำสวรรค์นิรันดร ขณะที่วังสวรรค์แห่งโชคอยู่ในสวรรค์สีดำมาอย่างยาวนาน

‘วังสวรรค์แห่งโชคของบรรพชนตะวันเดือดอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาซ่อนเร้น แต่ท่านวางแผนใดเอาไว้?’

เหยากวงยังคาดเดาต่อไปขณะที่ราชันใต้หันกลับมามองเขา “ตามข้ามา”

เหยากวงติดตามราชันใต้เข้าไปในวังสวรรค์แห่งโชค

“พวกเจ้ามาแล้ว” ในห้องโถงมีคนผู้หนึ่ง

เขานั่งอยู่บนเบาะ เขาไม่ใช่รูปแบบของเจตจำนง เขาเปิดเปลือกตาขึ้นและเผยให้เห็นแสงสีทองที่ส่องประกายระยิบระยับ

หัวใจของเหยากวงสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อเห็นคนผู้นี้ “บรรพชน! บรรพชนตะวันเดือด!?”

…..

“อะวู้…”

ฝูงหมาป่าไล่ล่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง

พวกมันมีร่างกายเรียวยาวและมีกรงเล็บกับเขี้ยวที่แหลมคม แต่สิ่งที่ดูโดดเด่นที่สุดคือพวกมันไม่มีขน ร่างกายของพวกมันราวกับสวมเกราะหนังสีดำที่มันวาวและแข็งแกร่งเอาไว้

นี่คือฝูงหมาป่าราตรีสวรรค์ที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งหมื่นตัว

หมาป่าราตรีสวรรค์แต่ละตัวเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย ราชาของพวกมันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล นอกจากนี้ยังมีจักรพรรดิหมาป่าที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปดอีกหนึ่งตัว!

“พวกเราไม่สามารถหลบหนี พวกเราถูกล้อมเอาไว้แล้ว”

“ผู้ใดจะคิดว่าจักรพรรดิหมาป่าตัวนี้จะมีวิญญาณอมตะป่าระดับแปดที่สามารถปิดซ่อนร่องรอย!”

“ฝูงหมาป่าใหญ่โตเช่นนี้ถือว่าหาได้ยากในสวรรค์สีดำแต่พวกเรากลับพบพวกมันจริงๆ”

ผู้อมตะระดับแปดทั้งสามสนทนากันอย่างรวดเร็ว

เว่ยหลิงหยางตะโกน “ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ!”

ค่ายนักรบเปิดเส้นทางด้านหน้าและฝ่าวงล้อมของฝูงหมาป่าออกไป

ศาลานกขมิ้นและหอคอยวายุติดตามไปด้านหลัง

การต่อสู้ครั้งใหญ่ทั้งน่ากลัวและอันตรายมาก

จักรพรรดิหมาป่าซุ่มโจมตีระหว่างการต่อสู้ โชคดีที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะแต่ละหลังมีผู้อมตะระดับแปดควบคุมอยู่ ดังนั้นมันจึงสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ออกมาและสังหารหมาป่าจำนวนนับไม่ถ้วน

ในที่สุดจักรพรรดิหมาป่าก็ส่งเสียงเห่าหอนและนำฝูงของมันล่าถอยกลับไป นี่ทำให้การต่อสู้นองเลือดครั้งนี้จบลง

ฝูงหมาป่าได้รับความเสียหายรุนแรงเกินไป จักรพรรดิหมาป่าไม่ยินดีให้กองกำลังของมันอ่อนแอลง ดังนั้นมันจึงตัดสินใจล่าถอย

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามได้รับความเสียหายอย่างมากเช่นกัน วิญญาณจำนวนมากถูกทำลายรวมถึงวิญญาณอมตะสามดวง กระทั่งผู้อมตะระดับแปดยังอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามอง

พวกเขาสูญเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล

“ยิ่งเราเข้าใกล้ภาคเหนือมากเท่าใด พวกเราก็พบกับความยากลำบากมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเพราะเหตุใด?”

“เราพบหมาป่าสวรรค์มาห้าฝูง รวมถึงจระเข้มังกร และจิ้งจอกจิตวิญญาณ… ดูเหมือนฝูงสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการกำจัดพวกเรา”

“ลืมสัตว์อสูรเหล่านั้นไปซะ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราไม่สามารถเผชิญหน้ากับเมฆาดำขาวได้อีก ตอนนี้หอคอยวายุแทบไม่สามารถทำสิ่งใด”

“พักซ่อมแซมคฤหาสน์วิญญาณอมตะกันก่อน” เว่ยหลิงหยางกล่าว

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหยุดลง แต่ในจังหวะนี้จุดแสงจำนวนนับไม่ถ้วนกลับสว่างขึ้นจากทุกทิศทาง

มันดูเหมือนดอกไม้แสงจำนวนมากท่ามกลางความมืดมิด

“โอ้ ไม่ นี่คือภูตผีแห่งสวรรค์สีดำ โคมทมิฬ! อย่ามองพวกมัน!” ไป่เฉินเทียนตะโกน

แต่มันสายเกินไป ผู้อมตะหลายคนมองพวกมันเพียงครั้งเดีวก่อนจะสูญเสียการมองเห็นทันที

เสียกรีดร้องดังขึ้นจากภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสาม

จ้าวเหลียนหยุนค่อนข้างโชคดี นางหันไปด้านในคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพื่อพูดคุยกับอวี๋อี้เย่ซือ

อวี๋อี้เย่ซือตระหนักถึงการคงอยู่ของโคมทมิฬและปิดเปลือกตาลงทันที

เขามีความรู้กว้างขวางขณะที่ผู้อมตะมากมายไม่รู้

บางคนยืนพิงหน้าต่างและมองออกไปรอบๆ พวกเขาเห็นโคมทมิฬจำนวนนับไม่ถ้วน นี่ทำให้พวกเขาสูญเสียการมองเห็นไปอย่างสมบูรณ์

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามรีบออกมาจากจุดนั้นและทิ้งโคมทมิฬเอาไว้ด้านหลัง

ผู้อมตะบางคนสูญเสียการมองเห็นไปอย่างถาวรขณะที่ความสามารถในการมองเห็นของบางคนลดลง แม้จะสามารถรักษา แต่พวกเขายังต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

“เราพึ่งผ่านฝูงหมาป่าราตรีสวรรค์และต้องการพักผ่อน แต่พวกเรากลับเคลื่อนที่เข้าสู่จุดศูนย์กลางของโคมทมิฬโดยไม่คาดคิด ช่างโชคร้ายนัก!”

“เดี๋ยว! นั่นคือสิ่งใด?”

มดฝูงหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา

มดแต่ละตัวคือวิญญาณ

วิญญาณมดทหาร!

“กองทัพมดทหารหลายแสนหรืออาจจะหลายล้าน หนีเร็ว!”

คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามพึ่งหยุดแต่พวกเขากลับถูกบังคับให้หลบหนีอีกครั้ง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท