เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1254

ตอนที่ 1254

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1254 ความรักมาพร้อมกับปัญหา

แปลโดย iPAT

การรอคอยมักยาวนานและยากที่จะอดทน

ซือเจิ้งอี้ไม่สามารถนั่งนิ่ง เขาเดินไปรอบๆห้องโถง

อวี๋อี้เย่ซือนั่งไขว้ขาและปิดเปลือกตาอยู่บนพื้น เขากล่าวด้วยความไม่พอใจ “เจ้าควรพักบ้าง อย่าเดินไปมา”

ซือเจิ้งอี้ตะโกน “ข้าพักมากพอแล้ว เห้อ…เราต้องรออีกนานเท่าใด?”

“จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง” ปู้เจิ้งซือตอบ

“หากพวกเขาไม่มา เราต้องรอตลอดไปหรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนขมวดคิ้ว นางค่อนข้างร้อนใจ

ตอนนี้พวกนางถูกขังอยู่ที่นี่ ทุกวินาทีมันยากที่จะอดทน

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกราวกับกองไฟกำลังเผาผลาญหัวใจของนาง

ปู้เจิ้งซือขมวดคิ้วและกำลังจะกล่าว

แต่ในจังหวะนี้จ้าวเหลียนหยุนกลับชิงกล่าวอีกครั้ง “พวกท่านต้องทำบางสิ่ง พวกท่านได้เห็นและกระทั่งผ่านช่วงเวลาสุดท้ายในอุโมงค์มิติมาด้วยตนเอง พวกท่านคิดว่าพวกเขาจะตายอยู่ที่นั่นหรือไม่?”

“เป็นไปไม่ได้!” ซือเจิ้งอี้เป็นคนแรกที่ตอบโต้และจ้องมองจ้าวเหลียนหยุนด้วยความโกรธ

บิดารของเขา ซือเก้อเป็นหนึ่งในผู้อมตะที่จ้าวเหลียนหยุนกล่าวถึง ดังนั้นคำกล่าวของนางจึงไม่ต่างจากการสาปแช่งบิดาของเขา

จ้าวเหลียนหยุนเพิกเฉยต่อทัศนคติของซือเจิ้งอี้และกล่าวต่อ “พวกท่านรู้ว่าเรามาที่นี่ได้เพราะวิญญาณแห่งความรัก แต่ผู้อมตะคนอื่นๆไม่ได้รับความช่วยเหลือ กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะยังพังทลายลงโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะ หากปราศจากกำลังเสริม แล้วเราต้องรอถึงเมื่อใด?”

การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แท้จริงแล้วพวกเขากังวลเรื่องนี้เช่นกันแต่ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวออกมา

ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนได้เปิดประเด็นนี้ขึ้น ปู้เจิ้งซือจึงต้องกล่าวอย่างจริงจัง “การคาดเดาของเจ้าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สิบนิกายโบราณของภาคกลางก็ต้องส่งกำลังเสริมกลุ่มที่สองออกมา”

จ้าวเหลียนหยุนกล่าวต่อ “กำลังเสริมกลุ่มที่สองจะมาถึงที่นี่หรือไม่? พวกท่านได้รับประสบการณ์ตรงและเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายระหว่างทาง ตอนนี้อุโมงค์มิติไม่สามารถใช้งานได้อีก กระทั่งมันจะสามารถใช้งาน แล้วพวกเรายังจะกล้าใช้งานมันอีกหรือไม่?”

ปู้เจิ้งซือมองจ้าวเหลียนหยุนและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าต้องเชื่อมั่นในนิกายของเรา จ้าวเหลียนหยุน เจ้าคือผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณ นิกายเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ของเจ้า หากเจ้าไม่เชื่อในนิกาย แล้วเจ้าจะเชื่อผู้ใดได้อีก?”

จ้าวเหลียนหยุนสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของปู้เจิ้งซือ แต่นางเลือกที่จะเพิกเฉย “แม้นิกายจะส่งกำลังเสริมมาและพวกเขาจะมาถึงที่นี่ แต่พวกเขาจะมาถึงเมื่อใด? พวกเขาต้องจ่ายด้วยสิ่งใด? จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นอีกหรือไม่? ที่นี่คือภาคเหนือ ไม่ใช่ภาคกลาง!”

ปู้เจิ้งซือเงียบ เขาไม่สามารถโต้แย้งคำกล่าวของจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ “กล่าวตามตรง ข้าไม่ต้องการรออีกต่อไป”

“เจ้าต้องรอแม้จะไม่ต้องการ” ปู้เจิ้งซือขมวดคิ้วด้วยความโกรธ

ทั้งคู่ไม่มีฝ่ายใดยอมแพ้

ในไม่ช้าดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนก็กลายเป็นพร่ามัว นางหันหน้าไปทางอื่น “หากหงหยุนถูกสังหารในช่วงเวลานี้ เราจะทำอย่างไร? ผู้ใดจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของเขา?”

ในความเป็นจริงจ้าวเหลียนหยุนรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งที่นางกลัวไม่ใช่ความปลอดภัยของตนเอง

แต่ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังเสริมอยู่ห่างไกล การรอคอยไม่สามารถแก้ปัญหา

หากในช่วงเวลานี้หม่าหงหยุนได้รับอันตรายใดๆหรือปีศาจอมตะเซี่ยหูประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ นี่จะเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของจ้าวเหลียนหยุน

ในอนาคตเมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้ นางจะเสียใจอย่างที่สุด

นางจะเสียใจที่ครั้งหนึ่งนางพุ่งทะยานเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและมีโอกาสช่วยเหลือหม่าหงหยุนแต่นางกลับไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้

จ้าวเหลียนหยุนไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ผลลัพธ์ก็คือนางรู้สึกโศกเศร้าและเจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย

ผู้อมตะอีกสามคนรู้สึกไม่สะดวกที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทระหว่างจ้าวเหลียนหยุนกับปู้เจิ้งซือเพราะมันถือเป็นเรื่องภายในของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

ปู้เจิ้งซือโต้กลับ “แม้เจ้าจะไม่ต้องการแต่เจ้าจะช่วยหม่าหงหยุนได้งั้นหรือ? แม้เจ้าจะสามารถเอาชนะผู้นำยอดเขาอื่นๆแต่อย่าลืมว่าเจ้าต้องเผชิญหน้ากับปีศาจอมตะเซี่ยหูในตอนสุดท้ายเพราะหม่าหงหยุนอยู่ที่นั่น!”

“ข้ารู้” จ้าวเหลียนหยุนกำหมัดแน่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงคมชัด “แต่ท่านกล่าวว่าพวกเราต้องกำจัดผู้นำยอดเขาทั้งหมดก่อนจะพบกับปีศาจอมตะเซี่ยหู ในกรณีนี้เราสามารถจัดการพวกเขาก่อน เมื่อกำลังเสริมมาถึง เราจะบุกยอดเขาที่หนึ่ง นี่จะช่วยประหยัดเวลาและพลังงานไปได้มาก”

ปู้เจิ้งซือโกรธมาก ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดครึ้ม “เช่นนั้นข้าคงต้องกล่าวตามตรง ค่ายกลวิญญาณนี้สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับพวกเขาขณะที่พวกเราจะอ่อนแอลง หากเราออกจากสถานที่แห่งนี้ เราจะถูกแยกกัน พวกเจ้าแต่ละคนสามารถต่อสู้กับผู้นำยอดเขาแต่ละยอดเพียงลำพังหรือไม่? ในการต่อสู้ครั้งก่อนข้ากับมู่หลิงหลานยังต้องร่วมมือกันจึงจะประสบความสำเร็จ!”

ผู้อมตะระดับหกทั้งสามไม่สามารถโต้แย้งเรื่องนี้เพราะสิ่งที่เขากล่าวเป็นเรื่องจริง

จ้าวเหลียนหยุนก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้นและกล่าว “เช่นนั้นข้าจะใช้วิญญาณแห่งความรักอีกครั้ง!”

ปู้เจิ้งซือเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใด? วิญญาณแห่งความรักจะเชื่อฟังเจ้าและอนุญาตให้เจ้าควบคุมมันได้อย่างง่ายดายงั้นหรือ? ย้อนกลับไปกระทั่งเทพอมตะตะวันเดือดก็ยังไม่สามารถปรับแต่งมัน!”

“นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้รับการยอมรับจากวิญญาณแห่งความรัก” จ้าวเหลียนหยุนโต้กลับ

“เจ้าต้องการกล่าวว่าผู้นำคนอื่นๆของนิกายคฤหาสน์วิญญาณต่างไร้ประโยชน์เพราะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถควบคุมวิญญาณแห่งความรักงั้นหรือ?” ปู้เจิ้งซือกล่าวอย่างดุเดือด

“จะรู้ได้อย่างไรหากไม่ทดลอง” จ้าวเหลียนหยุนไม่ยอมแพ้

ปู้เจิ้งซือหัวเราะและกำลังจะกล่าว อย่างไรก็ตามจ้าวเหลียนหยุนได้ดำเนินการไปแล้ว นางกรีดร้องอยู่ในใจ “วิญญาณแห่งความรักโปรดแสดงพลังอำนาจของเจ้าออกมาและพาพวกเราไปยังยอดเขาอื่น!”

วิญญาณแห่งความรักไม่ขยับเขยื้อนราวกับมันตายไปแล้ว

จ้าวเหลียนหยุนยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ นางยังสวดอ้อนวอนต่อไป

ปู้เจิ้งซือสังเกตเห็นท่าทีของจ้าวเหลียนหยุนและกำลังจะกล่าวต่อ แต่ในจังหวะนี้กลิ่นอายของวิญญาณแห่งความรักกลับปะทุขึ้นจากร่างของจ้าวเหลียนหยุน

ผู้อมตะทั้งสี่ตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้

มู่หลิงหลานอดไม่ได้ที่จะกล่าว “นี่…ดูเหมือนเราจะหลบหนีจากอุโมงค์มิติได้เพราะสิ่งนี้จริงๆ!”

“ทำต่อไปอย่าหยุด!” ซือเจิ้งอี้กระตุ้น

ในเวลาต่อมาแสงสว่างจากร่างของจ้าวเหลียนหยุนก็แผ่ขยายไปยังถึงกลุ่มผู้อมตะทั้งสี่

“ด้วยวิธีนี้เราอาจสามารถไปยังยอดเขาอื่น อา…บางทีมันอาจพาเราออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะโดยตรง!” ซือเจิ้งอี้เต็มไปด้วยความคาดหวัง

ปากของปู้เจิ้งซืออ้าค้าง เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก

ความตกใจของเขารุนแรงกว่าคนอื่นๆมาก

‘วิญญาณแห่งความรักไม่สามารถควบคุมได้ นี่เป็นเรื่องจริงจากประวัติศาสตร์! กระทั่งเทพอมตะตะวันเดือดยังไม่สามารถทำสิ่งใด แล้วเหตุใด?’

‘เหตุใดวิญญาณแห่งความรักจึงเชื่อฟังจ้าวเหลียนหยุน!?’

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าจ้าวเหลียนหยุนคือผู้นำที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ!?’

‘ไม่ มันอาจเป็นเพราะสถานะของนาง นางเป็นปีศาจต่างโลก เป็นไปได้หรือไม่ว่าปีศาจต่างโลกและวิญญาณแห่งความรักสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกัน? ผู้อื่นไม่สามารถควบคุมวิญญาณแห่งความรักแต่ปีศาจต่างโลกเป็นข้อยกเว้นงั้นหรือ?’

ความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในใจของปู้เจิ้งซือราวกับคลื่นสมุทร

ขณะที่เขากำลังคิด พื้นที่ด้านหลังเขาก็แตกออกและกลายเป็นหลุมดำขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ หลุมดำปล่อยแรงดึงดูดที่รุนแรงออกมาและลากปู้เจิ้งซื่อเข้าไปด้วยพลังอำนาจที่น่าเหลือเชื่อ

กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดปู้เจิ้งซือก็ไม่สามารถต่อต้าน เขาถูกลากเข้าไปและหายตัวไปจากจุดนั้นในพริบตา

สิ่งเดียวกันเกิดขึ้นกับผู้อมตะคนอื่นๆเช่นกัน ภายในระยะเวลาสั้นห้องโถงแห่งกลายเป็นว่างเปล่าและเงียบงัน

“เราออกจากยอดเขาที่เก้าแล้ว!” ปู้เจิ้งซือตกใจขณะที่เขากวาดตามองสภาพแวดล้อม

ที่นี่ดูเหมือนห้องโถงแต่ไม่ใช่ห้องโถงเดิม ห้องโถงก่อนหน้านี้ตกแต่งอย่างงดงามและมีกลิ่นอายของหญิงสาว แต่ห้องโถงแห่งนี้ทั้งสง่างามและยิ่งใหญ่ มันเหมือนห้องโถงของผู้ชาย

‘นี่คือยอดเขาใด?’ ปู้เจิ้งซือคิด

แต่หลังจากไม่นานการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาตะโกน “บัดซบ!”

เขาสงบสติอารมณ์และรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป จ้าวเหลียนหยุนอาจเป็นปีศาจต่างโลกแต่นางจะควบคุมวิญญาณแห่งความรักได้อย่างไร? วิญญาณแห่งความรักไม่น่าเชื่อถือ มันสามารถทำทุกสิ่ง แต่ผู้ใดจะรู้ว่ามันจะทำสิ่งใด

‘ข้าถูกส่งมาที่นี่ แล้วคนอื่นๆอยู่ที่ใด? มันจะดีกว่าหากพวกเขาอยู่ด้วยกัน จ้าวเหลียนหยุนจะปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย แต่หากจ้าวเหลียนหยุนอยู่เพียงลำพัง…’

ปู้เจิ้งซือไม่กล้าคิดต่อ

ในเวลานี้เงาสีดำได้คืบคลานเข้ามาใกล้เขาอย่างเงียบๆ

สัญชาตญาณของปู้เจิ้งซือเตือนเขาและทำให้เขากระโดดถอยหลังทันที

แต่เงาดำราวกับอสรพิษที่พุ่งเข้าไปหาปู้เจิ้งซือด้วยความเร็วสูง

เปลี่ยนเป็นภูตผี!

ในช่วงเวลาสำคัญปู้เจิ้งซือใช้ความสามารถพิเศษของเขาและเปลี่ยนร่างเป็นภูตผี

เงาดำพุ่งผ่านร่างภูตผีของเขาไปอย่างช่วยไม่ได้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท