เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1254 ความรักมาพร้อมกับปัญหา
แปลโดย iPAT
การรอคอยมักยาวนานและยากที่จะอดทน
ซือเจิ้งอี้ไม่สามารถนั่งนิ่ง เขาเดินไปรอบๆห้องโถง
อวี๋อี้เย่ซือนั่งไขว้ขาและปิดเปลือกตาอยู่บนพื้น เขากล่าวด้วยความไม่พอใจ “เจ้าควรพักบ้าง อย่าเดินไปมา”
ซือเจิ้งอี้ตะโกน “ข้าพักมากพอแล้ว เห้อ…เราต้องรออีกนานเท่าใด?”
“จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง” ปู้เจิ้งซือตอบ
“หากพวกเขาไม่มา เราต้องรอตลอดไปหรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนขมวดคิ้ว นางค่อนข้างร้อนใจ
ตอนนี้พวกนางถูกขังอยู่ที่นี่ ทุกวินาทีมันยากที่จะอดทน
จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกราวกับกองไฟกำลังเผาผลาญหัวใจของนาง
ปู้เจิ้งซือขมวดคิ้วและกำลังจะกล่าว
แต่ในจังหวะนี้จ้าวเหลียนหยุนกลับชิงกล่าวอีกครั้ง “พวกท่านต้องทำบางสิ่ง พวกท่านได้เห็นและกระทั่งผ่านช่วงเวลาสุดท้ายในอุโมงค์มิติมาด้วยตนเอง พวกท่านคิดว่าพวกเขาจะตายอยู่ที่นั่นหรือไม่?”
“เป็นไปไม่ได้!” ซือเจิ้งอี้เป็นคนแรกที่ตอบโต้และจ้องมองจ้าวเหลียนหยุนด้วยความโกรธ
บิดารของเขา ซือเก้อเป็นหนึ่งในผู้อมตะที่จ้าวเหลียนหยุนกล่าวถึง ดังนั้นคำกล่าวของนางจึงไม่ต่างจากการสาปแช่งบิดาของเขา
จ้าวเหลียนหยุนเพิกเฉยต่อทัศนคติของซือเจิ้งอี้และกล่าวต่อ “พวกท่านรู้ว่าเรามาที่นี่ได้เพราะวิญญาณแห่งความรัก แต่ผู้อมตะคนอื่นๆไม่ได้รับความช่วยเหลือ กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะยังพังทลายลงโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะ หากปราศจากกำลังเสริม แล้วเราต้องรอถึงเมื่อใด?”
การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แท้จริงแล้วพวกเขากังวลเรื่องนี้เช่นกันแต่ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวออกมา
ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนได้เปิดประเด็นนี้ขึ้น ปู้เจิ้งซือจึงต้องกล่าวอย่างจริงจัง “การคาดเดาของเจ้าไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น สิบนิกายโบราณของภาคกลางก็ต้องส่งกำลังเสริมกลุ่มที่สองออกมา”
จ้าวเหลียนหยุนกล่าวต่อ “กำลังเสริมกลุ่มที่สองจะมาถึงที่นี่หรือไม่? พวกท่านได้รับประสบการณ์ตรงและเผชิญหน้ากับอันตรายมากมายระหว่างทาง ตอนนี้อุโมงค์มิติไม่สามารถใช้งานได้อีก กระทั่งมันจะสามารถใช้งาน แล้วพวกเรายังจะกล้าใช้งานมันอีกหรือไม่?”
ปู้เจิ้งซือมองจ้าวเหลียนหยุนและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าต้องเชื่อมั่นในนิกายของเรา จ้าวเหลียนหยุน เจ้าคือผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณ นิกายเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ของเจ้า หากเจ้าไม่เชื่อในนิกาย แล้วเจ้าจะเชื่อผู้ใดได้อีก?”
จ้าวเหลียนหยุนสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของปู้เจิ้งซือ แต่นางเลือกที่จะเพิกเฉย “แม้นิกายจะส่งกำลังเสริมมาและพวกเขาจะมาถึงที่นี่ แต่พวกเขาจะมาถึงเมื่อใด? พวกเขาต้องจ่ายด้วยสิ่งใด? จะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นอีกหรือไม่? ที่นี่คือภาคเหนือ ไม่ใช่ภาคกลาง!”
ปู้เจิ้งซือเงียบ เขาไม่สามารถโต้แย้งคำกล่าวของจ้าวเหลียนหยุน
จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ “กล่าวตามตรง ข้าไม่ต้องการรออีกต่อไป”
“เจ้าต้องรอแม้จะไม่ต้องการ” ปู้เจิ้งซือขมวดคิ้วด้วยความโกรธ
ทั้งคู่ไม่มีฝ่ายใดยอมแพ้
ในไม่ช้าดวงตาของจ้าวเหลียนหยุนก็กลายเป็นพร่ามัว นางหันหน้าไปทางอื่น “หากหงหยุนถูกสังหารในช่วงเวลานี้ เราจะทำอย่างไร? ผู้ใดจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของเขา?”
ในความเป็นจริงจ้าวเหลียนหยุนรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่นางกลัวไม่ใช่ความปลอดภัยของตนเอง
แต่ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังเสริมอยู่ห่างไกล การรอคอยไม่สามารถแก้ปัญหา
หากในช่วงเวลานี้หม่าหงหยุนได้รับอันตรายใดๆหรือปีศาจอมตะเซี่ยหูประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ นี่จะเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของจ้าวเหลียนหยุน
ในอนาคตเมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้ นางจะเสียใจอย่างที่สุด
นางจะเสียใจที่ครั้งหนึ่งนางพุ่งทะยานเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะและมีโอกาสช่วยเหลือหม่าหงหยุนแต่นางกลับไม่คว้าโอกาสนี้เอาไว้
จ้าวเหลียนหยุนไม่ต้องการเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ผลลัพธ์ก็คือนางรู้สึกโศกเศร้าและเจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย
ผู้อมตะอีกสามคนรู้สึกไม่สะดวกที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทะเลาะวิวาทระหว่างจ้าวเหลียนหยุนกับปู้เจิ้งซือเพราะมันถือเป็นเรื่องภายในของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ
ปู้เจิ้งซือโต้กลับ “แม้เจ้าจะไม่ต้องการแต่เจ้าจะช่วยหม่าหงหยุนได้งั้นหรือ? แม้เจ้าจะสามารถเอาชนะผู้นำยอดเขาอื่นๆแต่อย่าลืมว่าเจ้าต้องเผชิญหน้ากับปีศาจอมตะเซี่ยหูในตอนสุดท้ายเพราะหม่าหงหยุนอยู่ที่นั่น!”
“ข้ารู้” จ้าวเหลียนหยุนกำหมัดแน่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงคมชัด “แต่ท่านกล่าวว่าพวกเราต้องกำจัดผู้นำยอดเขาทั้งหมดก่อนจะพบกับปีศาจอมตะเซี่ยหู ในกรณีนี้เราสามารถจัดการพวกเขาก่อน เมื่อกำลังเสริมมาถึง เราจะบุกยอดเขาที่หนึ่ง นี่จะช่วยประหยัดเวลาและพลังงานไปได้มาก”
ปู้เจิ้งซือโกรธมาก ใบหน้าของเขากลายเป็นมืดครึ้ม “เช่นนั้นข้าคงต้องกล่าวตามตรง ค่ายกลวิญญาณนี้สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับพวกเขาขณะที่พวกเราจะอ่อนแอลง หากเราออกจากสถานที่แห่งนี้ เราจะถูกแยกกัน พวกเจ้าแต่ละคนสามารถต่อสู้กับผู้นำยอดเขาแต่ละยอดเพียงลำพังหรือไม่? ในการต่อสู้ครั้งก่อนข้ากับมู่หลิงหลานยังต้องร่วมมือกันจึงจะประสบความสำเร็จ!”
ผู้อมตะระดับหกทั้งสามไม่สามารถโต้แย้งเรื่องนี้เพราะสิ่งที่เขากล่าวเป็นเรื่องจริง
จ้าวเหลียนหยุนก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้นและกล่าว “เช่นนั้นข้าจะใช้วิญญาณแห่งความรักอีกครั้ง!”
ปู้เจิ้งซือเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ใด? วิญญาณแห่งความรักจะเชื่อฟังเจ้าและอนุญาตให้เจ้าควบคุมมันได้อย่างง่ายดายงั้นหรือ? ย้อนกลับไปกระทั่งเทพอมตะตะวันเดือดก็ยังไม่สามารถปรับแต่งมัน!”
“นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้รับการยอมรับจากวิญญาณแห่งความรัก” จ้าวเหลียนหยุนโต้กลับ
“เจ้าต้องการกล่าวว่าผู้นำคนอื่นๆของนิกายคฤหาสน์วิญญาณต่างไร้ประโยชน์เพราะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถควบคุมวิญญาณแห่งความรักงั้นหรือ?” ปู้เจิ้งซือกล่าวอย่างดุเดือด
“จะรู้ได้อย่างไรหากไม่ทดลอง” จ้าวเหลียนหยุนไม่ยอมแพ้
ปู้เจิ้งซือหัวเราะและกำลังจะกล่าว อย่างไรก็ตามจ้าวเหลียนหยุนได้ดำเนินการไปแล้ว นางกรีดร้องอยู่ในใจ “วิญญาณแห่งความรักโปรดแสดงพลังอำนาจของเจ้าออกมาและพาพวกเราไปยังยอดเขาอื่น!”
วิญญาณแห่งความรักไม่ขยับเขยื้อนราวกับมันตายไปแล้ว
จ้าวเหลียนหยุนยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ นางยังสวดอ้อนวอนต่อไป
ปู้เจิ้งซือสังเกตเห็นท่าทีของจ้าวเหลียนหยุนและกำลังจะกล่าวต่อ แต่ในจังหวะนี้กลิ่นอายของวิญญาณแห่งความรักกลับปะทุขึ้นจากร่างของจ้าวเหลียนหยุน
ผู้อมตะทั้งสี่ตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
มู่หลิงหลานอดไม่ได้ที่จะกล่าว “นี่…ดูเหมือนเราจะหลบหนีจากอุโมงค์มิติได้เพราะสิ่งนี้จริงๆ!”
“ทำต่อไปอย่าหยุด!” ซือเจิ้งอี้กระตุ้น
ในเวลาต่อมาแสงสว่างจากร่างของจ้าวเหลียนหยุนก็แผ่ขยายไปยังถึงกลุ่มผู้อมตะทั้งสี่
“ด้วยวิธีนี้เราอาจสามารถไปยังยอดเขาอื่น อา…บางทีมันอาจพาเราออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะโดยตรง!” ซือเจิ้งอี้เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ปากของปู้เจิ้งซืออ้าค้าง เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีก
ความตกใจของเขารุนแรงกว่าคนอื่นๆมาก
‘วิญญาณแห่งความรักไม่สามารถควบคุมได้ นี่เป็นเรื่องจริงจากประวัติศาสตร์! กระทั่งเทพอมตะตะวันเดือดยังไม่สามารถทำสิ่งใด แล้วเหตุใด?’
‘เหตุใดวิญญาณแห่งความรักจึงเชื่อฟังจ้าวเหลียนหยุน!?’
‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าจ้าวเหลียนหยุนคือผู้นำที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ!?’
‘ไม่ มันอาจเป็นเพราะสถานะของนาง นางเป็นปีศาจต่างโลก เป็นไปได้หรือไม่ว่าปีศาจต่างโลกและวิญญาณแห่งความรักสามารถเติมเต็มซึ่งกันและกัน? ผู้อื่นไม่สามารถควบคุมวิญญาณแห่งความรักแต่ปีศาจต่างโลกเป็นข้อยกเว้นงั้นหรือ?’
ความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในใจของปู้เจิ้งซือราวกับคลื่นสมุทร
ขณะที่เขากำลังคิด พื้นที่ด้านหลังเขาก็แตกออกและกลายเป็นหลุมดำขนาดเท่ากำปั้นมนุษย์ หลุมดำปล่อยแรงดึงดูดที่รุนแรงออกมาและลากปู้เจิ้งซื่อเข้าไปด้วยพลังอำนาจที่น่าเหลือเชื่อ
กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดปู้เจิ้งซือก็ไม่สามารถต่อต้าน เขาถูกลากเข้าไปและหายตัวไปจากจุดนั้นในพริบตา
สิ่งเดียวกันเกิดขึ้นกับผู้อมตะคนอื่นๆเช่นกัน ภายในระยะเวลาสั้นห้องโถงแห่งกลายเป็นว่างเปล่าและเงียบงัน
“เราออกจากยอดเขาที่เก้าแล้ว!” ปู้เจิ้งซือตกใจขณะที่เขากวาดตามองสภาพแวดล้อม
ที่นี่ดูเหมือนห้องโถงแต่ไม่ใช่ห้องโถงเดิม ห้องโถงก่อนหน้านี้ตกแต่งอย่างงดงามและมีกลิ่นอายของหญิงสาว แต่ห้องโถงแห่งนี้ทั้งสง่างามและยิ่งใหญ่ มันเหมือนห้องโถงของผู้ชาย
‘นี่คือยอดเขาใด?’ ปู้เจิ้งซือคิด
แต่หลังจากไม่นานการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาตะโกน “บัดซบ!”
เขาสงบสติอารมณ์และรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไป จ้าวเหลียนหยุนอาจเป็นปีศาจต่างโลกแต่นางจะควบคุมวิญญาณแห่งความรักได้อย่างไร? วิญญาณแห่งความรักไม่น่าเชื่อถือ มันสามารถทำทุกสิ่ง แต่ผู้ใดจะรู้ว่ามันจะทำสิ่งใด
‘ข้าถูกส่งมาที่นี่ แล้วคนอื่นๆอยู่ที่ใด? มันจะดีกว่าหากพวกเขาอยู่ด้วยกัน จ้าวเหลียนหยุนจะปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย แต่หากจ้าวเหลียนหยุนอยู่เพียงลำพัง…’
ปู้เจิ้งซือไม่กล้าคิดต่อ
ในเวลานี้เงาสีดำได้คืบคลานเข้ามาใกล้เขาอย่างเงียบๆ
สัญชาตญาณของปู้เจิ้งซือเตือนเขาและทำให้เขากระโดดถอยหลังทันที
แต่เงาดำราวกับอสรพิษที่พุ่งเข้าไปหาปู้เจิ้งซือด้วยความเร็วสูง
เปลี่ยนเป็นภูตผี!
ในช่วงเวลาสำคัญปู้เจิ้งซือใช้ความสามารถพิเศษของเขาและเปลี่ยนร่างเป็นภูตผี
เงาดำพุ่งผ่านร่างภูตผีของเขาไปอย่างช่วยไม่ได้