เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1258

ตอนที่ 1258

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1258 หนึ่งต่อห้า (1)

แปลโดย iPAT

แม้ไป่หนิงปิงพึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้ แต่นางมีข้อได้เปรียบผู้อมตะทั่วไป

ประการแรก นางมีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา น้ำแข็งแห่งความมืด มันเหมาะสมสำหรับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง นี่ทำให้นางเหนือกว่าผู้อมตะระดับหกทั่วไป

ประการที่สอง นางกลายเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไป่เซียง นางได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียงรวมถึงวิญญาณจำนวนมาก ท่ามกลางวิญญาณเหล่านี้ยังมีกระทั่งวิญญาณอมตะระดับเจ็ด!

อย่างไรก็ตามไม่มีวิญญาณอมตะระดับแปด

สถานะของไป่เซียงในประวัติศาสตร์ยังด้อยกว่าไห่ฟาน

จุดอ่อนของไป่หนิงปิงคือนางยังไม่คุ้นเคยกับวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะ นางมักจะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานพวกมันและได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบย้อนกลับ

เพื่อทำความคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ ไป่หนิงปิงต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกนาน

ด้วยเหตุนี้นางจึงอยู่ห่างไกลจากจุดที่สามารถใช้งานพวกมันได้อย่างอิสระ

แต่…

ในเวลานี้จุดอ่อนของไป่หนิงปิงกลับถูกปิดอย่างมีประสิทธิภาพ

เนื่องจากนางได้รรับการปกป้องจากคนอื่นๆ นั่นทำให้นางมีเวลาใช้ท่าไม้ตายอมตะโดยไม่รีบร้อน

ด้านฟางหยวน เขาไม่มีข้อมูลของไป่หนิงปิง เขาคิดว่าไป่หนิงปิงเหมือนไท่เป่ยหยุนเฉิงและไห่ลั่วหลันที่ได้รับผลประโยชน์จากนิกายเงา

ฟางหยวนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับถ้ำสวรรค์ไป่เซียงเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงประเมินความแข็งแกร่งของไป่หนิงปิงต่ำเกินไป

หากเขารู้ความจริงทั้งหมด เขาจะไม่เลือกไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นเป้าหมายแรกแต่จะเลือกไป่หนิงปิง

แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้กลับชาติมาเกิด แต่เขาไม่ได้รู้ทุกสิ่ง

สายตาของไป่หนิงปิงทำให้ความสามารถในการเคลื่อนที่ของฝ่ายตรงข้ามล่าช้าลง นี่เป็นวิธีของไป่เซียง

หลังจากตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ ฟางหยวนเร่งตอบโต้ทันที เขาปกปิดร่องรอยและบินกลับไป

เขาหายไปจากมุมมองสายตาของไป่หนิงปิง

นางกัดฟันแน่น จิ้งจอกเฒ่าฟางหยวนสามารถมองทะลุขีดจำกัดความสามารถของนางได้อย่างรวดเร็ว

“แม้เขาจะมีไพ่ตาย แต่เขาจะไม่เสี่ยง โชคไม่ดีที่พวกเราวางแผนต่อต้านกลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจงของเขาเท่านั้น” ไป่หนิงปิงรู้สึกเสียใจ

ท่าไม้ตายอมตะที่ฟางหยวนใช้ทำลายค่ายกลวิญญาณในทะเลตะวันออกทรงพลังมาก มันทำให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยรู้สึกหวาดกลัว

ระหว่างทางพวกเขาจึงได้หารือและคิดมาตรการป้องกันท่าไม้ตายนี้ของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับไม่ใช้มันและทำให้การเตรียมการของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นไร้ประโยชน์

“น่าเสียดายที่ข้าพึ่งได้รับมรดกที่แท้จริงของไป่เซียง ท่าไม้ตายนี้มีขีดกำจัด แต่ท่าไม้ตายอื่นสามารถใช้งานร่วมกันเพื่อชดเชยขีดจำกัดนี้”

ไป่หนิงปิงไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายเหล่านี้ เมื่อนางพยายามใช้ท่าไม้ตายหลายท่าพร้อมกัน นางจะล้มเหลวทุกครั้ง

ไป่หนิงปิงไม่ใช่ฟางหยวนที่สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ความสำเร็จในด้านนี้ของไป่หนิงปิงยังต่ำมาก

ฟางหยวนถอยกลับและซ่อนตัว

ภายใต้สถานการณ์นี้ไป่หนิงปิงไม่สามารถเสี่ยง

หากนางล้มเหลว ฟางหยวนจะฉวยโอกาสโจมตีอย่างรุนแรง

ไป่หนิงปิงเข้าใจฟางหยวนเป็นอย่างดี เขาจะไม่ทิ้งโอกาสดังกล่าว กระทั่งไป่หนิงปิงก็ยังต้องชื่นชมความสามารถในการคว้าโอกาสของฟางหยวน

‘เกล็ดของฟางหยวนถูกแช่แข็ง แต่เมื่อมันฟื้นตัวขึ้น ด้วยความเร็วของเขา มันเป็นเรื่องยากที่ข้าจะมองตามเขาได้ทัน!’ ไป่หนิงปิงคิด

การระเบิดความเร็วของมังกรดาบบรรพกาลรวมกับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดเย่หลิวชุนซิงก็ยังตกตายอยู่ในกำมือของเขา

ไป่หนิงปิงรู้ว่าก่อนหน้านี้นางสามารถแช่แข็งเพราะฟางหยวนไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับสิ่งนี้

ตอนนี้ฟางหยวนย่อมต้องระวังตัวมากขึ้น มันเป็นเรื่องยากที่จะโจมตีฟางหยวนด้วยกระบวนท่าเดิมๆ

‘ดูเหมือนข้าต้องเปลี่ยนกลยุทธ์’ ไป่หนิงปิงตัดสินใจทันที

หากนางไม่เปลี่ยนกลยุทธ์ คนที่ตายอาจเป็นนาง!

สถานการณ์เต็มไปด้วยอันตราย ไป่หนิงปิงต้องล่าถอยไปด้านหลังซือหนิวและกล่าวกับอิงอู๋เซี่ย “ปกป้องข้า ข้าจะใช้ท่าไม้ตายนั่น!”

ไป่หนิงปิงและอิงอู๋เซี่ยมีไพ่ตายของพวกเขา

ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงเข้าใจโดยที่ไป่หนิงปิงไม่ต้องอธิบายให้มากความ

เขาพยักหน้า “ตกลง ใช้ท่านั้น ให้เราดูแลความปลอดภัยของเจ้า!”

เขาออกคำสั่งกับซื่อหนิว “แม้ต้องสละชีวิต เจ้าก็ต้องปกป้องไป่หนิงปิง!”

ซื่อหนิวผู้ภักดีพยักหน้าโดยปราศจากความลังเล

“ใจเย็น เขาถูกสายตาของข้าแช่แข็ง จากข้อบกพร่องของร่างทารกอมตะที่เจ้าอธิบาย หากเขาไม่มีวิธีการที่เฉพาะเจาะจงในการตอบโต้ เขาต้องใช้เวลาหลายสิบลมหายใจในการฟื้นฟูร่างกาย” ไป่หนิงปิงกล่าวด้วยความมั่นใจ

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี”

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการท่าไม้ตายอมตะของศัตรู มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ฟางหยวนจะมีวิธีการตอบโต้ท่าไม้ตายที่พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

แต่ในเวลานี้แสงสีขาวกลับพุ่งผ่านดวงตาของผู้อมตะทั้งห้า

“ระวัง!”

“มันคือลมหายใจมังกร!”

“ปกป้องไป่หนิงปิงและไท่เป่ยหยุนเฉิง!”

ลมหายใจมังกรราวกับสายฝนที่โปรยปรายลงมา

ไป่หนิงปิงใช้สมาธิทั้งหมดในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะของนางขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงยังหมดสติจากอาการบาดเจ็บ

ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือผู้อมตะที่สามารถต่อสู้เพียงสามคน พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทันที

ฟางหยวนส่งลมหายใจมังกรมาจากระยะไกล

ร่างมังกรดาบบรรพกาลยังถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ

ท่าไม้ตายของไป่หนิงปิงค่อนข้างมีประสิทธิภาพขณะที่ร่างทารกอมตะของฟางหยวนมีจุดอ่อนที่ชัดเจน

โชคดีที่มังกรดาบบรรพกาลมีร่างกายที่แข็งแกร่ง มันไม่เหมือนร่างกายของมนุษย์ที่อาจถูกแช่แข็งจนตาย

ฟางหยวนใช้ลมหายใจมังกรกำหราบกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยและตรวจสอบการเคลื่อนไหวของพวกเขา

ในที่สุดเขาก็ค้นพบบางสิ่ง ไป่หนิงปิงได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ หากฟางหยวนไม่ใช้พลังทั้งหมด เขาจะไม่สามารถเข้าถึงตัวไป่หนิงปิง

“ต้องการใช้ท่าไม้ตายงั้นหรือ? ฮืม!” ฟางหยวนคิด เมื่อนางได้รับการปกป้องจากคนอื่นๆ แน่นอนตอนนี้นางกำลังจัดเตรียมท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลัง

ดังนั้นหลังจากฟางหยวนฟื้นตัวขึ้น เขาก็ระเบิดความเร็วพุ่งเข้าโจมตีทันที

เร็วมาก!

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆไม่มีเวลาแม้แต่จะตะโกนเตือนเมื่อฟางหยวนบุกเข้ามา

ไป่หนิงปิงเกือบล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ

ไห่ลั่วหลันได้รับบาดเจ็บสาหัส

แขนซ้ายของนางหายไปอย่างสมบูรณ์ กระทั่งลำตัวด้านซ้ายของนางยังได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุและกลายเป็นบ่อเลือดอยู่บนพื้น

บาดแผลถูกปกคลุมไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า นั่นทำให้เลือดไหลไม่หยุด

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ไห่ลั่วหลันจะเป็นคนแรกที่ตาย

ภายใต้สถานการณ์นี้ไห่ลั่วหลับเลือกที่จะเปลี่ยนร่างเป็นผีดิบอมตะ

ผีดิบอมตะสามารถอดทนต่ออาการบาดเจ็บระดับนี้ เลือดสีแดงกลายเป็นสีเขียวขณะที่ความเร็วในการไหลของเลือดลดลงอย่างมาก

ไห่ลั่วหลันคุกเข่าลงข้างหนึ่งและหอบหายใจอย่างหนักหน่วงแต่ริมฝีปากของนางยังยกตัวขึ้น “ฮี่ฮี่ฮี่…”

นางหัวเราะ!

ในทางกลับกันฟางหยวนรู้สึกแปลกๆ ‘หือ ข้าถูกโจมตีงั้นหรือ? ไม่เลว ไห่ลั่วหลัน!’

กรงเล็บมังกรที่เขาใช้ฉีกร่างของไห่ลั่วหลันยังมีเศษเลือดเนื้อของนางติดอยู่

เศษเลือดเนื้อเหล่านั้นค่อยๆลุกไหม้ขึ้นเป็นเพลิงสีเลือด

ท่าไม้ตายอมตะเพลิงเลือดเนื้อ!

ไฟชนิดนี้ใช้เลือดและเนื้อเป็นเชื้อเพลิง มันจะไม่ดับหากไม่มีวิธีการตอบโต้ที่เหมาะสม

นอกจากนั้นยิ่งร่างกายของเป้าหมายแข็งแกร่งเท่าใด ไฟก็จะยิ่งรุนแรงเท่านั้น

ร่างมังกรดาบบรรพกาลของฟางหยวนเป็นเป้าหมายที่สมบูรณ์แบบสำหรับเพลิงเลือดเนื้อ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว

เขาเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์และกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะสายรักษาบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

บุรุษคนก่อนหน้า!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท