เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1255

ตอนที่ 1255

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1255 ความตายของจ้าวเหลียนหยุน

แปลโดย iPAT

“แปะ แปะ แปะ”

เสียงปรบมือดังขึ้น

“เป็นเส้นทางแห่งภูตผีจริงๆ” ผู้อมตะลึกลับแสดงตัวออกมาในที่สุด

คนผู้นี้เป็นชายร่างสูง ใบหน้าของเขามีหนวดเครา ดวงตาไม่มีสีขาวแต่เป็นสีดำทั้งหมด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือชุดคลุมสีดำที่เหมือนผิวหนังของเขา

รูม่านตาของปู้เจิ้งซือหดเล็กลง เขาจำคนผู้นี้ได้ ตั้งแต่ผู้อมตะภาคกลางวางแผนช่วยหม่าหงหยุน แล้วพวกเขาจะไม่รวบรวมข้อมูลของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะได้อย่างไร?

“ดังนั้นเจ้าก็คือราชันเงา” ปู้เจิ้งซือกล่าวเบาๆ

ในเวลาเดียวกันเขาก็ตระหนักว่าตนเองอยู่บนยอดเขาที่เจ็ดของแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ

ก่อนหน้านี้เจ้าของยอดเขาที่เจ็ดคือเซี่ยซ่งซื่อ

แต่หลังจากเซี่ยซ่งซือเสียชีวิต ปีศาจอมตะผู้นี้ก็ได้รับตำแหน่งต่อจากเขา

กองกำลังภูเขาหิมะเป็นกองกำลังของปีศาจอมตะ มีปีศาจอมตะอาศัยอยู่ที่นี่มากมาย

ราชันเงามองปู้เจิ้งซือและหัวเราะ “พวกเจ้าจากภาคกลางรนหาที่ตายอย่างแท้จริง”

“ยังไม่แน่ว่าผู้ใดจะตาย!” ปู้เจิ้งซือเย้ยหยัน

“งั้นหรือ!?” ราชันเงาเปลี่ยนร่างเป็นเงาสีดำพุ่งเข้าโจมตีปู้เจิ้งซือทันที

เสียงระเบิดดังขึ้นบนยอดเขาที่เจ็ด

แรงสั่นสะเทือนทำให้หิมะบนภูเขาถล่มลงมาอย่างรุนแรง

อีกด้านหนึ่ง แตกต่างจากการคาดเดาของปู้เจิ้งซือ จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้อยู่ลำพัง

ยอดเขาที่สิบสอง

ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันแล้ว

“โอ้ มดตัวน้อยสองตัว ฮืม คอยดูว่าข้าจะเหยียบพวกเจ้าอย่างไร?” ผู้นำยอดเขาที่สิบสองกล่าวก่อนจะก้าวเท้าออกไป

ผู้นำยอดเขาที่สิบสองเปลี่ยนร่างเป็นยักษ์ที่มีศีรษะเป็นวัวและมีร่างกายเป็นมนุษย์ ขาทั้งสองของเขากลายเป็นขาวัวทั้งสองข้าง

“บึม!”

เท้าวัวกระทืบพื้นจนเกิดเป็นหลุมลึก

เผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งระดับนี้ ผู้อมตะภาคกลางสองคนเร่งถอยกลับ

หนึ่งคือจ้าวเหลียนหยุนและอีกหนึ่งคือซือเจิ้งอี้

ใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นซีดขาว ศัตรูแข็งแกร่งมากขณะที่นางมีประสบการณ์ในการต่อสู้เพียงเล็กน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้สร้างแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่แก่นาง

ซือเจิ้งอี้ม้วนตัวกลิ้งไปบนพื้นและแทบไม่สามารถหลบการโจมตีของมนุษย์วัว เขากัดฟันแน่น “บัดซบ!”

เขาเร่งลุกขึ้นจากพื้น “รับนี่ไป!”

ซือเจิ้งอี้อ้าปากและสะบัดลิ้นอย่างรวดเร็ว “แบร่ แบร่ แบร่ แบร่…”

ทุกครั้งที่เขาสะบัดลิ้น แสงดาบสีแดงจะพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกพูดไม่ออก คนปกติจะทำเช่นนี้งั้นหรือ? บางคนอาจไม่กล้าแม้แต่จะคิด นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเหลียนหยุนเคยเห็นบางคนต่อสู้ด้วยลิ้น!

ร่างกายของผู้นำยอดเขาที่สิบสองแข็งแกร่งมากแต่แสงดาบสีแดงยังสามารถฝากรูเล็กๆไว้บนร่างกายของมัน

“อา…เจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ!” ผู้นำยอดเขาที่สิบสองกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด การเคลื่อนไหวของเขากลายเป็นชะงักงัน

“รุนแรงมาก!” จ้าวเหลียนหยุนยกย่อง

“แน่นอน นี่คือวิญญาณอมตะของข้า วิญญาณลิ้นดาบ!” ซือเจิ้งอี้สะบัดลิ้นและส่งดาบแสงสีแดงออกไป

“เจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดาบงั้นหรือ?” จ้าวเหลียนหยุนถาม

“อา…ไม่…ข้าบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งข้อมูล!” ซือเจิ้งอี้ตอบ

“สามารถพูดคุยขณะต่อสู้ เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ” จ้าวเหลียนหยุนเพิ่มระดับการยกย่องซือเจิ้งอี้ นางรู้สึกว่าคนผู้นี้มีทุกสิ่งยกเว้นสมอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าสาบานว่าจะกำจัดปีศาจทั้งหมดบนโลกใบนี้!” ซือเจิ้งอี้พอใจมาก

“อย่าได้ใจนัก!” ผู้นำยอดเขาที่สิบสองคำราม

“บึม!”

รัศมีแสงปะทุขึ้นบนร่างกายของเขาพร้อมกับกระแสลมที่พุ่งออกไปรอบๆ

“ไม่ดีแล้ว มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ!”

“ป้องกัน!”

ซือเจิ้งอี้และจ้าวเหลียนหยุนป้องกันตัวด้วยพลังทั้งหมดของพวกเขา แต่มันไร้ประโยชน์

จ้าวเหลียนหลุนกับซือเจิ้งอี้ลอยกลับหลังและพุ่งชนกำแพง ทั้งสองกระอักเลือดคำโตออกมาจากปาก พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อวัยวะภายในของพวกเขามีเลือดออกขณะที่กระดูกแตกร้าว

ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ผู้นำยอดเขาที่สิบสองกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้ง

“นี่เป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ!”

“ช่างทรงพลังนัก!”

จ้าวเหลียนหยุนกับซือเจิ้งอี้อดทนต่อความเจ็บปวดและพยายามลุกขึ้นจากพื้น ตอนนี้ทั้งสองอยู่ห่างกันมาก

“เป็นอย่างไรบ้าง? พวกเจ้าชอบท่าไม้ตายอมตะปราณกระทิงสวรรค์ของจ้าวต้าหนิวผู้นี้หรือไม่?”

“พวกเจ้ายังเด็กแต่กลับทรงพลัง โชคไม่ดีที่พลังการต่อสู้ของข้าอยู่ในระดับเจ็ด แล้วพวกเจ้าจะแข่งขันกับข้าได้อย่างไร?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” จ้าวต้าหนิวหัวเราะเสียงดัง

“คอยดูข้ากระทืบเจ้า!” จ้าวต้าหนิวหยุดหัวเราะและมองไปที่ซือเจิ้งอี้ด้วยเจตนาสังหาร

เขากระโดดเข้าหาซือเจิ้งอี้ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตราวกับเนินเขา

“บึม!”

จ้าวต้าหนิวกดซือเจิ้งอี้ลงไปที่พื้น

“ซือเจิ้งอี้!” จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้องด้วยความตกใจ นี่เป็นภาพที่น่าสยดสยอง

แต่ในวินาทีต่อมาซือเจิ้งอี้กลับยกเท้าของจ้าวต้าหนิวขึ้นและผลักมันออกไป

เหตุการณ์นี้เหมือนกระต่ายตัวเล็กๆที่ผลักพญาราชสีห์ออกไป ฉากที่เหนือจินตนาการนี้ทำให้จ้าวเหลียนหยุนต้องเบิกตากว้าง

“อันใด!? พละกำลังของข้าเทียบเท่ากับกระทิงอสูรเดียวดาย แต่เจ้ากลับสามารถผลักข้ากลับมางั้นหรือ?” กระทั่งจ้าวต้าหนิวก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ซือเจิ้งอี้กระอักเลือดอีกครั้งก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความอ่อนล้า

“นี่คือพลังแห่งความยุติธรรม!” ซือเจิ้งอี้กล่าวด้วยความยากลำบาก

“อย่าพูดมาก เจ้าเสียเลือดมากเกินไปแล้ว!” จ้าวเหลียนหยุนกรีดร้อง

“ความยุติธรรมบ้าบออันใด!?” จ้าวต้าหนิวพุ่งเข้าโจมตีซือเจิ้งอี้อีกครั้ง

ร่างกายของเขาใหญ่โตมากแต่ความเร็วของเขากลับไม่ช้า

จ้าวต้าหนิวปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าซือเจิ้งอี้ในเสี้ยวพริบตา

“ฮืม ดูพลังแห่งความยุติธรรมของข้า!” ซือเจิ้งอี้ตะโกนและพุ่งเข้าปะทะอย่างไม่เกรงกลัว

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่ร่างของซือเจิ้งอี้บินกลับหลัง

เขากระอักเลือดออกมาก่อนจะล้มลงบนพื้นและดูราวกับกำลังจะตาย

“ข้าจะฆ่าเจ้า! หือ?” จ้าวต้าหนิวต้องการโจมตีต่อเนื่อง แต่ขณะที่เขาก้าวเท้าออกไป เขากลับพบว่าร่างกายของเขาถูกมัดไว้ด้วยโซ่สีเงิน

ที่ปลายโซ่สีเงินคือจ้าวเหลียนหยุน

นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของนางแล้ว

น่าเสียดายที่การต่อสู้จริงแตกต่างจากการฝึกซ้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์คับขัน จ้าวเหลียนหยุนล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะของนางถึงสองครั้ง

แต่สุดท้ายนางก็ประสบความสำเร็จในครั้งที่สาม

ท่าไม้ตายอมตะโซ่เงินสังหาร!

“โอ้ ขอบใจ ท่าไม้ตายนี้ช่างงดงามนัก” ซือเจิ้งอี้คลานขึ้นมาจากพื้นและกระอักเลือดออกมาระหว่างกล่าว

“อย่าพูด เจ้ายังไอเป็นเลือด!” จ้าวเหลียนหยุนเตือน

“ฮ่าฮ่า เจ้าไม่เข้าใจข้า ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งข้อมูล การพูดสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของข้า ยิ่งข้าตะโกนดังเท่าใด การโจมตีของข้าก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น” ซือเจิ้งอี้กล่าว

“สาวน้อย เจ้าช่างน่ารำคาญนัก” จ้าวต้าหนิวคำรามและพยายามใช้แขนทั้งสองข้าดึงโซ่ออกไป แต่ไม่ว่าเขาจะใช้พละกำลังมากเท่าใด เขาก็ไม่สามารถทำลายโซ่เหล่านี้

“เป็นเช่นนี้” จ้าวต้าหนิวเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

“ตูม!”

เกิดการระเบิดขึ้นในห้องโถงอีกครั้ง

คลื่นอากาศทำให้เพดานห้องโถงลอยออกไป

“เคล้ง!”

โซ่สีเงินแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและหายไปในที่สุด

จ้าวต้าหนิวใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาทำลายโซ่เงินสังหารและปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ

ในทางตรงข้ามจ้าวเหลียนหยุนและซือเจิ้งอี้ถูกส่งลอยกลับหลัง ทั้งสองกระอักเลือดและล้มลงบนพื้นโดยไม่สามารถยืนขึ้นได้

“บัดซบ!” ซือเจิ้งอี้ต้องการลุกขึ้นแต่ร่างกายของเขาใกล้แหลกสลายแล้ว

สำหรับจ้าวเหลียนหยุน นางตกอยู่ในอาการมึนงง

อาการบาดเจ็บของนางเลวร้ายกว่าซือเจิ้งอี้

เนื่องจากโซ่เงินสังหารของนางถูกทำลาย นั่นทำให้นางได้รับผลกระทบย้อนกลับ

นางมีวิญญาณแห่งความรัก อย่างไรก็ตามตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น มันกลับไม่เคยทำสิ่งใดเลย

วิญญาณแห่งความรักไม่สามารถควบคุม แม้มันจะทรงพลัง แต่มันอาจไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเสมอไป

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกว่านางกำลังลอยอยู่ท่ามกลางความมืดอันไร้ขอบเขต

“นี่คือความรู้สึกก่อนตายงั้นหรือ?”

“ข้ากำลังจะตาย?”

“ข้าเป็นความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ข้าตายเพราะตัวละครที่ไร้นัยสำคัญ”

“ช่างเถอะ เมื่อข้าตาย ข้าจะไม่รู้สึกเหนื่อยและเจ็บปวดอีกต่อไป”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท