เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1263

ตอนที่ 1263

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1263 เลือดไหลนอง

แปลโดย iPAT

ท่าไม้ตายอมตะหอกแสงตะวันประสบความสำเร็จ!

“ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!” จ้าวเหลียนหยุนเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางค่อยๆยกหอกแสงตะวันขึ้นและชี้ไปที่จ้าวผูด้วยเจตนาสังหาร

จ้าวผูมองหอกแสงตะวันในมือของจ้าวเหลียนหยุนและยกย่อง “เป็นหอกที่น่าประทับใจ ทั้งอุณหภูมิและความเปล่งประกาย เมื่อมันระเบิด มันจะมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว แต่…”

ทันใดนั้นเขากลับเผยรอยยิ้มราวกับแผนการของเขาประสบความสำเร็จแล้ว

เขากล่าว “ตอนนี้เจ้าไม่รู้สึกแปลกๆบ้างงั้นหรือ?”

“อันใด?” เป็นเพียงเวลานี้ที่จ้าวเหลียนหยุนสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ไหลลงมาจากริมฝีปากของนาง

นางใช้มือซ้ายเช็ดเบาๆและพบว่ามันคือเลือด!

นางเริ่มมีเลือดออกตั้งแต่เมื่อใด?

“นี่คือ!?” รูม่านตาของจ้าวเหลียนหยุนหดเล็กลงพร้อมกับร่างกายของนางที่เริ่มสั่นสะท้านขึ้น

“มันคือท่าไม้ตายของข้าโลหิตไหลนอง”

“เป็นไปไม่ได้! ชัดเจนว่าเจ้า…” จ้าวเหลียนหยุนพยายามกล่าวแต่เลือดยิ่งไหลออกมาจากปากของนางมากขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าต้องการกล่าวว่าข้าไม่ได้แสดงท่าทางว่ากำลังกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะงั้นหรือ? อันที่จริงข้ากระตุ้นใช้งานมันไปแล้ว เจ้าเพียงไม่รู้เท่านั้น” จ้าวผูหัวเราะ

“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันคือทักษะแบ่งจิต!?” อวี๋อี้เย่ซือเบิกตากว้าง

จ้าวผูชำเลืองมองเด็กหนุ่ม “เจ้าหนู เจ้าค่อนข้างมีความรู้”

ในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ มีวิธีการและทักษะมากมายตัวอย่างเช่นนางมารผลาญสวรรค์สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งไฟสองท่าหรือมากกว่าพร้อมกันเพื่อสร้างผลกระทบที่รุนแรงขึ้น

อีกตัวอย่างหนึ่งคือท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนของฟางหยวน มันเป็นการผสานเส้นทางความแข็งแกร่งและทาสเข้าด้วยกันเพื่อสร้างกองทัพภูตมนุษย์จำนวนมาก นอกจากนั้นเขายังสามารถหลอมรวมพวกมันให้เป็นกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเพื่อเพิ่มพลังโจมตี ท่าไม้ตายเหล่านี้ล้วนใช้ทักษะการแบ่งจิตเพื่อทำงานหลายอย่างพร้อมกันทั้งสิ้น

วิธีของจ้าวผูก็เช่นกัน หากเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะโลหิตไหลนองโดยตรง จ้าวเหลียนหยุนจะตระหนักถึงมันและระวังตัวมากขึ้น สุดท้ายนางอาจสามารถหลบเลี่ยง

อย่างไรก็ตามเมื่อจ้าวผูใช้ท่าไม้ตายหลายท่าพร้อมกัน จ้าวเหลียนหยุนจึงไม่พบสิ่งผิดปกติและถูกลอบโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะโหลิตไหลนองอย่างลับๆ

‘บัดซบ! เขาซ่อนมันไว้ เขาแสร้งโจมตีโซ่เงินสังหารของข้าแต่แอบซ่อนแผนการชั่วร้ายเอาไว้!’

ตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนพบว่านอกจากปาก เลือดยังเริ่มไหลออกจากจมูก รูหู และดวงตาของนางเช่นกัน

จ้าวเหลียนหยุนนึกถึงช่วงเวลาที่นางเห็นอวี๋อี้เย่ซือครั้งแรก

‘ข้าถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนั่น!’

‘หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะจบลงในสภาพเดียวกับอวี๋อี้เย่ซือ?’

‘ช่างเจ้าเล่ห์นัก!’

ด้วยจิตใจที่ปั่นป่วน จ้าวเหลียนหยุนส่งหอกแสงตะวันออกไป

แต่จ้าวผูเตรียมพร้อมไว้แล้ว เขาเห็นตั้งแต่จ้าวเหลียนหยุนเริ่มขยับไหล่

หอกแสงตะวันไม่สามารถติดตามเป้าหมายแต่มันเร็วมาก

มันเคลื่อนที่ผ่านจ้าวผูและทะลวงกำแพงห้องโถงออกไปด้านนอกก่อนจะเกิดการระเบิด

‘ทรงพลังนัก! หากข้าถูกโจมตีด้วยสิ่งนี้…’ ร่างกายของจ้าวผูเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ‘โชคดีที่พวกเขาถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายของข้าแล้ว’

“โอ้” อวี๋อี้เย่ซือถอนหายใจและเดินเข้าไปหาจ้าวเหลียนหยุนเพื่อต่อสู้เคียงข้างนาง

ขวัญกำลังใจของจ้าวเหลียนหยุนลดลงอย่างรวดเร็ว นางมีประสบการณ์การต่อสู้จริงน้อยมาก นี่ทำให้สภาพจิตใจของนางได้รับอิทธิพลอย่างง่ายดายหลังจากท่าไม้ตายอมตะหอกแสงตะวันกลายเป็นการสูญเสียที่ไร้ประโยชน์

“อาการบาดเจ็บของเจ้า…” จ้าวเหลียนหยุนมองอวี๋อี้เย่ซือด้วยความกังวล

อาการบาดเจ็บของอวี๋อี้เย่ซือยังไม่ดีขึ้น

จ้าวผูหัวเราะ “พวกเจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าได้พักผ่อนจริงๆงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า ตราบเท่าที่พวกเจ้าถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายของข้า พวกเจ้าก็ไม่สามารถทำสิ่งใด เว้นเพียงข้าจะยกเลิกมันด้วยตนเอง “

“แต่ข้าค่อนข้างใจดี ข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้ายอมจำนน ตราบเท่าที่พวกเจ้าคุกเข่าร้องขอความเมตตาและมอบวิญญาณอมตะของพวกเจ้าให้ข้า ข้าจะรับพวกเจ้าเป็นทาสและไว้ชีวิตพวกเจ้า”

“ฝันไปเถอะ!” จ้าวเหลียนหยุนกัดฟันปฏิเสธ

จ้าวผูไม่สนใจทัศนคติของนางและหัวเราะ “การต่อสู้ถูกตัดสินแล้ว พวกเจ้ายังไม่รู้สถานการณ์ของตนเองอีกงั้นหรือ? คนฉลาดย่อมสามารถยอมแพ้ พวกเจ้ายังเด็ก หากตาย มันก็จบ แต่ตราบเท่าที่มีชีวิตอยู่ก็ยังมีความหวัง”

อวี๋อี้เย่ซือเย้ยหยัน “ข้าไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บและทำได้เพียงปล่อยให้เลือดไหลต่อไป แต่ข้าก็ได้รับประโยชน์อย่างมาก ข้าอนุมานแล้วว่าตราบเท่าที่เราสามารถสังหารเจ้า อาการบาดเจ็บของเราจะฟื้นฟูขึ้นด้วยตัวมันเอง”

“โอ้?” การแสดงออกของจ้าวผูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาต้องประเมินอวี๋อี้เย่ซือสูงขึ้น “เด็กน้อย ข้าต้องเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเจ้าอีกครั้ง”

อวี๋อี้เย่ซือเป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม กระทั่งผู้อมตะระดับเจ็ดยังต้องขอคำแนะนำจากเขา

อวี๋อี้เย่ซือไม่เพียงเชี่ยวชาญด้านการหลอมรวมวิญญาณแต่เขายังมีทักษะในการพัฒนาเคล็ดลับการหลอมรวม

หลังจากทั้งหมดเส้นทางแห่งการหลอมรวมกับเส้นทางแห่งปัญญามีความใกล้ชิดและสามารถทำงานร่วมกัน

นี่เป็นสาเหตุที่อวี๋อี้เย่ซือสามารถอนุมานท่าไม้ตายของจ้าวผู

“เราต้องฆ่าเขา จากนั้นเลือดจะหยุดไหล หากเขาไม่ตาย พวกเราจะตาย!”

พวกเขาถูกบังคับให้เข้าสู่การต่อสู้แห่งชีวิตและความตายอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยง

“ไป!” จ้าวเหลียนหยุนพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล

“เด็กดื้อ ข้าจะให้พวกเจ้าได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า!” จ้าวผูหัวเราะเสียงดังและพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างไม่เกรงกลัว

ทั้งสองฝ่ายไม่มีฝ่ายใดยอมแพ้

โซ่เงินสังหารถูกส่งออกมาขณะที่จ้าวผูพ่นเลือดไปที่โซ่สามเส้น

โซ่เงินสลายกลายเป็นบ่อเลือดทันที

“แปดประตูหลอมรวม ประตูที่สาม ประตูมือ เปิด!” อวี๋อี้เย่ซือฉวยโอกาสส่งฝ่ามือพุ่งเข้าโจมตีจ้าวผูจากระยะไกล

เงาฝ่ามือปะทะแผ่นหลังของจ้าวผูด้วยความเร็วสูง

จ้าวผูกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เลือดที่กระเด็นออกมากลับช่วยปิดบาดแผลของเขาอย่างรวดเร็ว

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวผู เขาคิด ‘แปลก เหตุใดการโจมตีของเด็กผู้นี้ทรงพลังขึ้นเรื่อย!”

อวี๋อี้เย่ซืออาจเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่พลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

ตราบเท่าที่เขามีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถค้นหาจุดอ่อนของเป้าหมาย นอกจากนั้นท่าไม้ตายอมตะแปดประตูหลอมรวมของเขายังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์และปลดปล่อยคุณสมบัติบางอย่างที่จะส่งผลกระทบต่อศัตรูผู้นั้นโดยเฉพาะ

อวี๋อี้เย่ซือและจ้าวเหลียนหยุนรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหลบหนีและต้องระเบิดพลังการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ออกมาเท่านั้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท