เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1296

ตอนที่ 1296

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1296 ราเรืองแสง

แปลโดย iPAT

ทะเลตะวันออก

บนเกาะนิรนาม มีเพียงพื้นที่รกร้างและถ้ำแห่งหนึ่ง

ผู้อมตะหลายคนบินลงมาจากท้องฟ้า

ท่ามกลางพวกเขามีฟางหยวน ฮวาตี้ และเฟิงเจียงรวมอยู่ด้วย

“ผู้ใดจะคิดว่างานประชุมการค้าครั้งนี้จะจัดขึ้นบนเกาะที่รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้” ฟางหยวนก้าวขึ้นไปบนเกาะและถอนหายใจ

“น้องชู เจ้าอาจไม่รู้ว่างานประชุมการค้าขนาดใหญ่เช่นนี้มักจะเลือกสถานที่ล่วงหน้าเพียงไม่กี่วันเพื่อป้องกันผู้ที่มีเจตนาร้าย” ผู้อมตะที่อยู่ด้านข้างกล่าว

ผู้อมตะชายผู้นี้ไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม ในแง่ของรูปลักษณ์ เขาดูธรรมดา มีเพียงจมูกที่แบนและกว้างของเขาเท่านั้นที่เป็นจุดเด่น

คนผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก เมี่ยวหมิงเฉิน

ในแง่ของรูปลักษณ์ เขาไม่โดดเด่น แต่หลังจากฟางหยวนได้พูดคุยกับเขา แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ฟางหยวนก็ยังรู้สึกประทับใจ

ฟางหยวนช่วยชีวิตผู้อมตะฮวาตี้และเฟิงเจียงภายใต้ตัวตนของชูอิงและได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานประชุมการค้า

ต่อมาเขาติดตามคนทั้งสองมาพบเมี่ยวหมิงเฉิน

เมี่ยวหมิงเฉินไม่ลังเลที่จะตอบรับคำขอเข้าร่วมงานประชุมการค้าของฟางหยวน เขากล่าวว่า “สหาย เจ้าช่วยเหลือข้ามาสองครั้งแล้ว เจ้ายังเป็นผู้มีพระคุณของเสี่ยวตี้และเสี่ยวเจียง นี่เป็นเพียงงานประชุมการค้า แล้วข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร? การปรากฏตัวของเจ้าถือเป็นโชคของพวกเขาอย่างแท้จริง”

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออกขณะที่ชูอิงเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษนิรนาม แต่เมี่ยวหมิงเฉินกลับไม่ยโสและยังเป็นมิตรมาก ถ้อยคำของเขาเต็มไปด้วยความความสุภาพและอบอุ่น

ดังนั้นฟางหยวนและเมี่ยวหมิงเฉินจึงมาร่วมงานประชุมการค้าพร้อมกัน

เพียงเมื่อคนทั้งสี่มาถึง ผู้อมตะผู้หนึ่งก็ออกมาต้อนรับ

“เมี่ยวหมิงเฉิน เจ้ามาถึงแล้ว” ผู้อมตะที่มีรูปร่างแคระแกร็นกล่าว

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูเทาเทา ไม่ได้พบกันนานแล้ว” เมี่ยวหมิงเฉินหัวเราะและเร่งเดินเข้าไปหาฝ่ายตรงข้าม

“มาเถอะ ให้ข้าแนะนำเจ้า นี่คือผู้บ่มเพาะสันโดษของทะเลตะวันออก ชูอิง ส่วนนี่คือปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปฐพีที่หาได้ยากในทะเลตะวันออก ถูเทาเทา” เมี่ยวหมิงเฉินแนะนำ

“ยินดีที่ได้พบ” ฟางหยวนกล่าวด้วยถ้อยคำที่สุภาพแต่การแสดงออกของเขากลับแข็งทื่อ เขาแสร้งแสดงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ไม่เก่งเรื่องการเข้าสังคม

ถูเทาเทามองฟางหยวนและเผยรอยยิ้ม “เจ้าได้รับคำแนะนำจากเมี่ยวหมิงเฉินและมาที่นี่เป็นครั้งแรก ฮ่าฮ่า ในอดีตข้าก็เข้าร่วมงานประชุมการค้าภายใต้คำแนะนำของเมี่ยวหมิงเฉินเช่นกัน”

ถูกเทาเทาค่อนข้างสุภาพเช่นกัน

เขาคิดว่า ‘เมี่ยวหมิงเฉินเป็นคนมองการณ์ไกล คนที่เขาเชิญมาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ ชูอิงผู้นี้ดูถ่อมตนและไร้ชื่อเสียง แต่เนื่องจากเขาได้รับการแนะนำโดยเมี่ยวหมิงเฉิน เขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา’

ขณะที่คิดเช่นนี้ ถูเทาเทากล่าว “โปรดตามข้ามา ข้ามาถึงเป็นคนแรก ในช่วงเวลาที่รอคอย ข้าได้สร้างพื้นที่ใต้ดินเอาไว้แล้ว”

“ครั้งนี้ข้าเป็นเจ้าภาพของงานประชุมการค้า ดังนั้นข้าคงต้องรบกวนพี่ถูแล้ว” เมี่ยวหมิงเฉินกล่าวอย่างสุภาพ

“ฮ่าฮ่า มันเป็นเพียงถ้ำใต้พิภพ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ มาเถอะ!” ถูเทาเทาคว้าแขนของเมี่ยวหมิงเฉินและพาเขาเดินเข้าไปในถ้ำใต้ดิน

ถูเทาเทาและเมี่ยวหมิงเฉินเดินไปข้างหน้าขณะที่ฟางหยวน ฮวาตี้ และเฟิงเจียงติดตามอยู่ด้านหลัง

ถูเทาเทาและเมี่ยวหมิงเฉินพูดคุยกันไปตลอดทาง

เมี่ยวหมิงเฉินมีทักษะในการเข้าสังคมที่น่าเหลือเชื่อขณะที่ถูเทาเทาหัวเราะอย่างมีความสุข

นอกจากนี้เมี่ยวหมิงเฉินยังหันไปพูดคุยกับฟางหยวนตลอดเวลา

ถ้อยคำของเขาอาจดูธรรมดาแต่มันให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและไม่ได้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกถูกทอดทิ้งไว้เพียงลำพัง

ถ้ำใต้พิภพแห่งนี้ดูธรรมดามากแต่มันค่อนข้างกว้าง

มีศาลาและเก้าอี้หลายตัววางอยู่ ทุกอย่างล้วนเป็นงานแกะสลักที่งดงาม สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าถูเทาเทาเป็นคนค่อนข้างพิถีพิถัน

ฟางหยวนนับและพบเก้าอี้หกตัว

‘ดูเหมือนงานประชุมการค้าครั้งนี้จะมีเพียงหกคน เมื่องานเริ่มขึ้น ฮวาตี้และเฟิงเจียงจะต้องออกไป’ ฟางหยวนคาดเดา

“มีสมาชิกใหม่ ดังนั้นข้าจะเพิ่มเก้าอี้เข้าไป” ถูเทาเทากระทืบเท้าเบาๆและทำให้เนินดินปรากฏขึ้นและเริ่มหมุนเหมือนลูกข่าง

ในชั่วพริบตา มันก็กลายเป็นเก้าอี้แกะสลักที่งดงามอีกตัว

ฟางหยวนและคนอื่นๆนั่งลงระหว่างรอคอยผู้อมตะคนอื่นๆ

ไม่นานหลังจากนั้นผู้อมตะสองคนก็ปรากฏตัวขึ้น

หนึ่งเป็นเด็กผู้หญิงที่มีผมเปียหางม้าสองข้าง นางมีดวงตากลมโตแต่สามารถมองเห็นวุฒิภาวะที่ซ่อนอยู่ภายใน

นางคือตงฮัว

ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งแสงที่มีชื่อเสียงของทะเลตะวันออก

คนหลังเป็นผู้อมตะชาย เขามีจมูกคด ดวงตาดำสนิท และสวมชุดคลุมดำ

เขาคืออู๋หม่าหยาง ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งความมืด เขามีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัว ท่าไม้ตายอมตะของเขาคือม่านลูกศรทมิฬ เขาเคยเอาชนะการร่วมมือกันของผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนในการต่อสู้ นั่นทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังในทะเลตะวันออก

ตงฮัวเป็นคนพูดมากแต่อู๋หม่าหยางกลับไม่พูด

ภายใต้การแนะนำของเมี่ยวหมิงเฉิน บรรยากาศกลายเป็นที่น่าพอใจ

สิบห้านาทีต่อมาผู้อมตะคนที่สามก็มาถึง

เขาคือกงเหลียงไป่ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้ ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีน้อย โดยเฉพาะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นฟางหยวน

อย่างไรก็ตามกงเหลียงไป่ไม่เพียงมีมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เขายังมีความสำเร็จอยู่บ้าง แม้เขาจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาสามอันดับแรกของทะเลตะวันออกและเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่เขาก็มีเครือข่ายที่กว้างขวางและเต็มใจอนุมานเพื่อแลกกับทรัพยากร

“กงเหลียงไป่ หลังจากงานนี้ ข้ามีเรื่องจะขอให้เจ้าช่วยอนุมาน” เมี่ยวหมิงเฉินกล่าว

“เรื่องของหลิวกวนซื่อใช่หรือไม่? ข้าได้รับคำขอจากผู้คนมากมายให้อนุมานเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาทั้งหมดกำลังตามหาคนผู้นี้” กงเหลียงไป่กล่าว

“แน่นอนว่าไม่”

กงเหลียงไป่พยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ข้าเคยอนุมานเกี่ยวกับคนผู้นี้มาแล้วห้าครั้งแต่กลับล้มเหลวทั้งหมด มีเบาะแสน้อยเกินไปขณะที่หลิวกวนซื่อมีวิธีป้องกันตัวจากการอนุมาน”

ฟางหยวนที่ฟังอยู่ด้านข้างรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยแต่ภายนอกการแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน

หัวข้อนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคน

ถูเทาเทาตะโกน “หลิวกวนซื่อผู้นี้กำลังโด่งดัง ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับเขา!”

“ผู้อมตะระดับเจ็ดที่สามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด คนเช่นนี้จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์” ตงฮัวถอนหายใจ

“สามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปดด้วยการบ่มเพาะระดับเจ็ด นี่เป็นเป้าหมายที่ทุกคนต่างไล่ล่า” เมี่ยวหมิงเฉินเผยรอยยิ้มขมขื่น “น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสผูกมิตรกับคนเช่นนี้”

ฟางหยวนกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “ข้าได้ยินว่าหลิวกวนซื่อสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปดเพราะเขาเป็นเจ้าของแม่น้ำหวนคืน แม้แม่น้ำหวนคืนจะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ แต่มันมีพลังอำนาจมากพอที่จะต่อต้านผู้อมตะระดับแปดเลยงั้นหรือ?”

ด้วยเหตุนี้หัวข้อสนทนาของกลุ่มผู้อมตะจึงเปลี่ยนจากหลิวกวนซื่อเป็นแม่น้ำหวนคืน

ฟางหยวนเปลี่ยนทิศทางของการสนทนา!

กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกันจนถึงเวลากลางคืน

เมื่อดวงจันทร์ปรากฏ งานประชุมการค้าก็เริ่มขึ้น

ผู้อมตะอีกสองคนมาถึงแล้ว

ตงฮัวยืนอยู่บนแท่นด้านหน้า

“นี่คือพืชอสูรเดียวดาย ข้าพบมันในทะเลน้ำลึก สถานที่แห่งนั้นมืดมาก แต่ข้าเห็นแสงสว่างจากมัน เมื่อข้าพบแหล่งกำเนิดแสง ข้าต้องใช้เวลาหลายนาทีเพื่อไปถึงที่นั่น กล่าวได้ว่าที่นั่นเป็นสวรรค์บนเส้นทางแห่งแสงอย่างแท้จริง”

“เดิมทีข้าคิดว่ามันเป็นแสงปะการัง แต่ไม่นานข้าก็พบราสีเขียวที่อยู่บนผิวปะการัง ราสีเขียวเหล่านี้เป็นพืชอสูรเดียวดายชนิดใหม่ที่ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นมาก่อน ข้าตั้งชื่อมันว่าราเรืองแสง ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสง มันจึงสามารถปลดปล่อยแสงสว่างออกมา”

ตงฮัวกล่าวถึงการค้นพบของนางและกระทั่งกระบวนการตั้งชื่อ

ฟางหยวนประหลาดใจเมื่อเขาพบบางสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่งานประชุมการค้าเริ่มขึ้น

ราเรืองแสง!

——————-

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท