เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1312

ตอนที่ 1312

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1312 ปล้นสะดมยอดเขาเยือกแข็ง

แปลโดย iPAT

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยพ่ายแพ้และจากไปอย่างเงียบๆ

ฟางหยวนหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะและเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์กลับไปยังยอดเขาเยือกแข็ง

คฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ถูกนำออกไป ตอนนี้เหลือเพียงยอดเขาเยือกแข็งที่หนาวเย็นเท่านั้น

จิตใจของฟางหยวนยังสงบนิ่งและปราศจากระลอกคลื่นใดๆ ชัยชนะไม่คุ้มค่าที่เขาจะหวงแหนหรือคุยโว สำหรับศักดิ์ศรี เขาทิ้งไปนานแล้ว

‘ชัยชนะที่ง่ายดายได้มาเพราะข้ามีข้อได้เปรียบ’

รู้เขารู้เราจะไม่มีวันพ่ายแพ้

สองผู้อมตะตระกูลเซี่ยไม่รู้วิธีการต่อสู้ของฟางหยวน พวกเขาทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น ในทางตรงข้ามฟางหยวนรู้รายละเอียดทั้งหมดของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะ อารมณ์ หรืออื่นๆ เขารู้เรื่องเหล่านี้จากข้อมูลที่ได้รับจากตระกูลวู

เรื่องนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสำคัญของข้อมูล

มันเหมือนกันผู้อมตะเยี่ยนฮวงที่สามารถเอาชนะวูอวี้ป๋อ

พวกเขาได้รับชัยชนะด้วยสติปัญญา

วูอวี้ป๋อทรงพลังแต่ทุกคนรู้จักท่าไม้ตายอมตะของเขา เมื่อเขาประมาท ทุกอย่างจึงจบลงเช่นนั้น

ฟางหยวนมีข้อมูลมากกว่า เขาดำเนินแผนการไปทีละขั้นตอน ในที่สุดเขาก็บังคับให้ผู้อมตะตระกูลเซี่ยล่าถอย

‘กระดองเต่าวัชระค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แต่มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายในอนาคต’

ผู้อมตะตระกูลเซี่ยจะรวบรวมข้อมูลและประสบการณ์การต่อสู้เพื่อคิดวิธีรับมือและตอบโต้กระดองเต่าวัชระในที่สุด

‘เรื่องนี้จะทำให้วูอี้ไห่มีชื่อเสียงมากขึ้น’

‘ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์และกระดองเต่าวัชระเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง แต่เมื่อข้าใช้มันหลายครั้ง มีโอกาสสูงที่บางคนจะสามารถคิดค้นวิธีตอบโต้’

‘แท้จริงแล้วเกราะหวนคืนของข้าก็กำลังถูกวิเคราะห์โดยสิบนิกายโบราณ ถ้ำสวรรค์นิรันดร ปีศาจอมตะเซี่ยหู และกองกำลังอื่นๆ ข้าต้องระวังในการใช้งานมันครั้งต่อไปโดยเฉพาะต่อหน้าผู้คนเหล่านี้’

ฟางหยวนระวังตัวมาก

วูอวี้ป๋อเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้

มันไม่ง่ายที่จะสร้างท่าไม้ตายอมตะ แต่ท่าไม้ตายอมตะที่ทรงพลังไม่สามารถหยุดอยู่ที่เดิม มันต้องก้าวหน้าและพัฒนาขึ้นตลอดเวลา มิฉะนั้นมันจะถูกทำลายโดยบางคน

แต่การพัฒนาท่าไม้ตายอมตะก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

นอกเหนือจากแรงบันดาลใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือระดับความสำเร็จของผู้อมตะ

‘และวิธีที่ดีที่สุดในการยกระดับความสำเร็จก็คืออาณาจักรแห่งความฝัน’ ฟางหยวนต้องคิดถึงเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้

ด้วยอาณาจักรแห่งความฝัน ตัวละครที่โดดเด่นปรากฏตัวขึ้นในสงครามห้าภูมิภาคในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวนราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า

ยุคที่ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยความโกลาหลและวุ่นวาย

‘น่าเสียดายที่ข้าพึ่งเข้าร่วมกับตระกูลวูได้ไม่นาน การร้องขออย่างจริงจังเพื่อเข้าไปในค่ายกลวิญญาณน่าสงสัยเกินไป’

‘แม้ภารกิจยอดเขาเยือกแข็งจะจบลงแล้ว แต่ผู้ใดจะรู้ว่าข้าจะได้ไปยังอาณาจักรแห่งความฝันเมื่อใด จะดีกว่าที่ข้าจะจัดการเรื่องที่อยู่ในมือตอนนี้และไม่ปล่อยให้มันไหลไปตามกระแส’

ฟางหยวนไตร่ตรองขณะบินลงบนยอดเขาเยือกแข็ง

ยอดเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งแต่ฟางหยวนยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด

หิมะปกคลุมยอดเขาเอาไว้ทั้งหมด

ในส่วนลึกของชั้นหิมะมีสัตว์อสูรประเภทแมลง พืช และวิญญาณป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

‘หยกเยือกแข็ง’ ฟางหยวนค้นเริ่มต้นเก็บเกี่ยวในไม่ช้า

เขาพบหยกเยือกแข็งจำนวนมากใต้ชั้นหิมะ

‘หยกเยือกแข็งเป็นเพียงทรัพยากรระดับห้า แต่ยังมีหยกเยือกแข็งระดับหกอยู่บ้าง’

ฟางหยวนเริ่มรวบรวมสมบัติโดยปราศจากความลังเล

“บึม”

ผิวหิมะถูกระเบิดออกและเผยให้เห็นชั้นหินที่อยู่ด้านล่าง

มันคือหยกเยือกแข็งที่ซ่อนอยู่

หยกเยือกแข็งเป็นหินสีขาวบริสุทธิ์และเย็นจัด แน่นอนว่าพวกมันไม่มีอันตราย

ฟางหยวนนำหยกเยือกแข็งขึ้นมา

หลังจากนั้นเขายังค้นหาทรัพยากรที่อยู่บนยอดเขาทั้งหมด

หยกเยือกแข็งขนาดใหญ่ถูกขุดขึ้นมาทีละชิ้น หยกเยือกแข็งขนาดเล็กที่สุดมีขนาดเท่ากับช้างขณะที่ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่ากับเรือโดยสาร

หยกเยือกแข็งพันปีมักจะมีแก่นแท้หยกเยือกแข็งซึ่งเป็นทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดอยู่ภายใน

ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้ใดค้นพบพวกมันแต่พวกมันถูกเก็บรักษาไว้โดยตระกูลวู

ฟางหยวนนำหยกเยือกแข็งส่วนใหญ่ออกไป

ไม่เพียงเท่านั้นเขายังปล้นสะดมวิญญาณอีกมากมาย

ไม่จำเป็นต้องคิดถึงวิญญาณอมตะ

โดยปกติยอดเขาเยือกแข็งสามารถผลิตวิญญาณอมตะระดับหกได้เพียงครั้งเดียวในรอบหลายร้อยหรือหนึ่งพันปี

หากมีวิญญาณอมตะป่าอยู่จริง ผู้อมตะตระกูลเซี่ยจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และล่าถอยไปอย่างง่ายดาย

วิญญาณส่วนใหญ่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งหิมะและน้ำแข็ง แต่ยังมีวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีอยู่เล็กน้อย

นี่เป็นเหตุผลที่มันได้รับชื่อว่ายอดเขาเยือกแข็ง

หลังจากปล้นสะดม ฟางหยวนก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้า

เขาชำเลืองมองยอดเขาเยือกแข็งเป็นครั้งสุดท้าย

มันเป็นยอดเขาที่งดงามด้วยหิมะสีขาว

แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ทัศนียภาพของมันถูกทำลาย ทรัพยากรมากกว่าครึ่งสูญหายไป กล่าวได้ว่ารากฐานของยอดเขาเยือกแข็งได้รับความเสียหายอย่างหนัก

‘หากข้าใช้วิญญาณอมตะยกภูเขา ข้าจะสามารถเก็บยอดเขาเยือกแข็งไว้ในมิติช่องว่าง’

‘น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นในเวลานี้ ตัวตนของข้าคือวูอี้ไห่ สมาชิกของตระกูลวู การทำกำไรในครั้งนี้คือการยัดยอกทรัพย์ มันคือขีดจำกัด หากข้านำภูเขาทั้งลูกไป ยังไม่ต้องกล่าวถึงการเปิดเผยตัวตนของข้า แต่ข้าจะไม่สามารถอธิบายกับตระกูลวู’

ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะบินจากไปอย่างรวดเร็ว

หลายวันต่อมาฟางหยวนกลับไปถึงตระกูลวูและพบกับวูหยง

“ต้องขอบคุณน้องชายที่ช่วยปกป้องยอดเขาเยือกแข็งให้กับตระกูลและขับไล่หัวขโมย” วูหยงชื่นชมฟางหยวน

“ท่านยกย่องข้าเกินไปแล้ว มันเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น” ฟางหยวนตอบกลับอย่างสุภาพ

“ผู้อาวุโสวูฝา ท่านประเมินมันหรือยัง? ความสำเร็จของน้องชายข้าไม่ใช่เล็กน้อย เราควรมองในภาพรวม” วูหยงหันหน้าไปทางผู้อมตะของตระกูลวูผู้หนึ่ง

เขามีรูปร่างหน้าตาธรรมดาแต่สถานะของเขากลับไม่ธรรมดา

เขาเป็นผู้ช่วยคนสนิทของวูหยงและรับผิดชอบคำนวณรางวัลหรือบทลงโทษแก่ผู้อมตะทั้งหมดของตระกูลวู

วูฝากล่าวด้วยคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย “เราได้เห็นความกล้าหาญของท่านวูอี้ไห่แล้ว ด้วยการต่อสู้ครั้งนี้ ชื่อเสียงของท่านจะแพร่กระจายออกไป แต่หากกล่าวถึงรางวัล เนื่องจากท่านวูอี้ไห่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีข้อกำหนดเพียงห้าปี ขณะเดียวกันยอดเขาเยือกแข็งยังถูกปล้นสะดมอย่างโหดร้าย รากฐานของมันได้รับความเสียหายรุนแรง นั่นทำให้มูลค่าของมันลดลงอย่างมาก”

“โอ้ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นงั้นหรือ?” วูหยงหันไปทางฟางหยวนด้วยความประหลาดใจ

ฟางหยวนถอนหายใจ “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าผู้อมตะตระกูลเซี่ยจะเป็นคนน่าชังเช่นนี้!”

วูหยงขมวดคิ้วบาง “น้องชาย เจ้าเห็นผู้อมตะตระกูลเซี่ยปล้นสะดมยอดเขาเยือกแข็งด้วยตาของตนเองหรือไม่?”

“ไม่ มันเป็นเพียงการคาดเดา หรือบางทีมันอาจเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ?” ฟางหยวนตอบโดยปราศจากข้อบกพร่อง

วูหยงพยักหน้าและกล่าว “ในกรณีนี้ผู้อาวุโสวูฝาจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย”

ผู้อาวุโสวูฝาคำนวณอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่งรายละเอียดให้ฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท