เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1318

ตอนที่ 1318

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1318 ตำนานเทศกาลไหว้พระจันทร์

แปลโดย iPAT

‘เจ้าล้อเล่นใช่หรือไม่? ชาเก้ากลิ่นหอมของข้าไม่สามารถเปรียบเทียบกับน้ำทะเลถ้วยหนึ่งงั้นหรือ?’ ลั่วมู่ซือคำรามอยู่ในใจแต่ภายนอกยังสงบนิ่ง

‘บัดซบ! วูอี้ไห่กำลังเล่นตลก เรากำลังเสนอชา แต่เขาเสนอน้ำทะเล ช่างไร้ยางอายนัก! เทพธิดาซื่อหลิวยังยอมรับเขาอีก นี่มันน่าโมโหเกินไปแล้ว!’ หลุนเฟยลอบกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะ

เทพธิดาเถียนลู่เร่งแก้ไขสถานการณ์ “ดวงจันทร์ขึ้นสูงแล้ว หลังจากดื่มชา หากไร้บทกวี มันคงไม่สมบูรณ์”

ฟางหยวนแสร้งไม่เข้าใจ “เราต้องอ่านบทกวีจริงๆงั้นหรือ?”

ดวงตาของลั่วมู่ซือและหลุนเฟยส่องประกายขึ้นทันที นี่เป็นโอกาสอีกครั้ง

โอกาสที่จะล้มคู่แข่งความรักของพวกเขา!

‘คราวนี้อย่าคิดว่าจะสามารถหลบเลี่ยง ข้าจะผลักเจ้าลงบนพื้นและกระทืบซ้ำอย่างดุเดือด!’

จิตใจของลั่วมู่ซือเต็มไปด้วยความคิดเช่นนี้แต่ภายนอกเขายังยิ้มและแสดงท่าทางที่สง่างาม

เช่นเดียวกับหลุนเฟยที่คิดคล้ายคลึงกัน

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้ว่าฟางหยวนเป็นคนเช่นไร

แข่งขันบทกวี?

สวรรค์!

นี่มันแย่ยิ่งกว่าการแสดงต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ

ฟางหยวนมาจากดาวโลก เขามีบทกวีดั้งเดิมที่มีชื่อเสียงจำนวนมากอยู่ในหัว พวกมันล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกที่สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ เขาสามารถใช้หนึ่งในนั้นทำให้สองคนนี้ไม่สามารถกอบกู้ใบหน้าของตนเองได้อีกเลย

“ถูกต้อง เราจะท่องบทกวี มีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้” เฉียวซื่อหลิวตอบฟางหยวน

“โอ้ โปรดอธิบาย” ฟางหยวนถามต่อ

“นี่เป็นตำนานที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นของภาคใต้และยังเป็นที่มาของเทศกาลไหว้พระจันทร์อีกด้วย” เฉียวซื่อหลิวกล่าว

กาลครั้งหนึ่ง ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภาคใต้

ชายหนุ่มตกหลุมรักบุตรสาวของผู้ใช้วิญญาณชราและหญิงผู้นี้ก็หลงรักชายหนุ่มเช่นกัน

ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าเพื่อขอแต่งงาน แต่เขาพบกับการปฏิเสธของผู้ใช้วิญญาณชรา

“เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาขณะที่บุตรสาวของข้าเป็นผู้ใช้วิญญาณที่มีอนาคตสดใส เจ้าจะคู่ควรกับบุตรสาวของข้าได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มอ้อนวอนแต่ผู้ใช้วิญญาณชรายังปฏิเสธและเย้ยหยัน “เจ้ากำลังฝันกลางวัน เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้บุตรสาวของข้าแต่งงานกับเจ้างั้นหรือ!? เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่สามารถชงชา แล้วเจ้าจะมีประโยชน์ใด?”

ชายหนุ่มตอบ “มันก็เป็นเพียงน้ำชามิใช่หรือ? หากข้าสามารถชงชา ท่านจะอนุญาตให้บุตรสาวของท่านแต่งงานกับข้าหรือไม่?”

ผู้ใช้วิญญาณขรารู้สึกปวดหัว

เขารู้ว่าบุตรสาวของเขาก็รักชายผู้นี้เช่นกัน การทุบตีชายหนุ่มอย่างรุนแรงจะทำให้บุตรสาวของเขาเกลียดชังเขา

“หากเจ้าสามารถชงชาได้ตามความคาดหวังของข้า ข้าจะให้โอกาสเจ้า”

ชายหนุ่มดีใจและตกลงทันที “ข้าจะทำให้สำเร็จ!”

บุตรสาวของผู้ใช้วิญญาณชรากังวลมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “ครอบครัวของข้ามีชื่อเสียงในเรื่องชา เจ้าต้องชงชาให้ท่านพ่อของข้าพึงพอใจ เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่มีความสามารถของผู้ใช้วิญญาณ แล้วเจ้าจะชงชาเลิศรสได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มตอบ “อย่ากังวล ผู้ใดบอกว่ามนุษย์ไม่สามารถชงชา ข้าขอบอกหลักการสามข้อกับเจ้า”

“ข้อแรก กฎของป่า ปลาใหญ่กินปลาเล็กและปลาเล็กกินกุ้ง”

หลังกล่าวจบคำชายหนุ่มเดินไปที่ลำธารและจับปลาตัวใหญ่ขึ้นมา เขาผ่าร่างของปลาตัวใหญ่และนำปลาตัวเล็กออกมาจากภายใน จากนั้นเขาก็ผ่าร่างของปลาตัวเล็กและดึงกุ้งออกมาจากภายใน

“ข้อสอง มนุษย์จำเป็นต้องกินและขับถ่าย”

ชายหนุ่มกินกุ้งและถ่ายออกมา

“ข้อสาม อุจจาระสามารถหล่อเลี้ยงพืชให้เติบโตขึ้น”

ชายหนุ่มฝังอุจจาระของตนไว้ใต้ดินและแน่นอนว่ามันทำให้ต้นไม้ผลิบาน

ชายหนุ่มดึงดอกไม้ชนิดหนึ่งขึ้นมาและนำมันไปแช่ในแอ่งน้ำเล็กๆทำให้มันกลายเป็นน้ำชา

ผู้ใช้วิญญาณชราไม่สามารถกล่าวสิ่งใดเป็นเวลานานหลังจากจิบชาชนิดนี้

บุตรสาวของเขากล่าว “ท่านพ่อ ท่าจะไม่ผิดคำพูดใช่หรือไม่?”

ผู้ใช้วิญญาณชราต้องพยักหน้าด้วยความไม่เต็มใจ “เจ้าหนู เจ้าผ่านการทดสอบแรกแล้ว แต่ยังเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์ธรรมดาจะแต่งงานกับบุตรสาวของข้า เจ้าหยาบคายเกินไปและขาดพรสวรรค์ เจ้าท่องบทกวีไม่ได้”

ชายหนุ่มเกาศีรษะและกล่าวด้วยความกังวล “แม้ข้าจะไม่เคยท่องบทกวีมาก่อน แต่ข้าสามารถทดลอง”

ผู้ใช้วิญญาณชราเย้ยหยัน “เจ้า?”

ชายหนุ่มถามกลับ “เหตุใดข้าจะทำไม่ได้?”

“หนุ่มน้อย การท่องบทกวีไม่ใช่การสวดมนต์เพียงไม่กี่ประโยค พวกเราผู้ใช้วิญญาณสามารถทำให้สวรรค์พิภพเปลี่ยนไปได้ด้วยการท่องบทกวี เราสามารถทำให้มนุษย์กระโดดขึ้นสู่อากาศด้วยความปิติยินดี เจ้าทำได้หรือไม่?”

ชายหนุ่มกล่าวเสียงต่ำ “จะรู้ได้อย่างไรหากไม่ทดลอง?”

“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ทดลอง แล้วอย่ากล่าวว่าข้าไม่ให้โอกาส หากล้มเหลว เจ้าต้องจากไปและไม่กลับมาพบบุตรสาวของข้าอีก”

ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับเงื่อนไข เขาเริ่มเดินไปรอบๆและนึกถึงบทกวีที่เคยอ่าน

แต่เขาไม่เคยท่องบทกวีมาก่อน เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร

ในช่วงเวลานี้เขาเห็นมดอยู่บนพื้น เขาเห็นนกและดวงอาทิตย์ตกที่นอกหน้าต่าง ทันใดนั้นเขาก็ตบศีรษะของตนเอง

เขาเริ่มท่อง “นกกระจอกบินต่ำและอสรพิษเลื้อยคลาน มดกลับบ้านเมื่อยามฝนตก”

ภาคใต้มีฝนกตกบ่อยครั้งแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิก็ตาม

ชายหนุ่มพึ่งกล่าวจบ ฝนก็โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณชราเปลี่ยนไป

ชายหนุ่มกล่าวต่อ “ฝนฤดูใบไม้ผลิหยดหนึ่งเหมือนน้ำมัน มากเกินไปจะทำให้เราสับสน”

ฝนเริ่มตกหนักขึ้น ท้องฟ้าเริ่มมืดลง

การแสดงออกของผู้ใช้วิญญาณชราดูไม่น่ามองเล็กน้อย

ชายหนุ่มคว้าศีรษะของตนและเกา “ต้นไม้ผลิบานเมื่อเริ่มทำการเกษตร เส้นผมร่วงหล่นราวกับเมล็ดพันธุ์ที่กระจัดกระจาย”

เมื่อถึงจุดนี้ชายหนุ่มก็ไม่สามารถสร้างสรรค์บทกวีได้อีก

“ข้าควรให้เวลาเจ้ามากกว่านี้” ผู้ใช้วิญญาณชราเย้ยหยัน

ดวงตาของชายหนุ่มส่องประกายขึ้นทันที เขาชี้นิ้วไปที่ผู้ใช้วิญญาณชรา “นายท่านนำธัญพืชทั้งหมดออกไป ท้องที่หิวโหยของเราล้วนเจ็บปวด”

ผู้ใช้วิญญาณชรากระทืบเท้าด้วยความโกรธและผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับโยนถ้วยชาในมือลงบนพื้น

จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปที่ชายหนุ่มและตะโกน “เป็นมนุษย์ธรรมดาแต่กลับกล้าหาญนัก!”

แต่บุตรสาวของเขากลับหัวเราะและปรบมือ “ยอดเยี่ยม! กวีบทนี้สามารถเปลี่ยนแปลงสวรรค์พิภพและยังทำให้ทำให้ท่านพ่อกระโดดขึ้นได้อีกด้วย”

ผู้ใช้วิญญาณชราโกรธที่เห็นบุตรสาวเชิญชูชายหนุ่ม แต่เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

“ดี ดี ดี ถือว่าผ่านการทดสอบที่สอง แต่ยังมีบททดสอบสุดท้าย หากเจ้าต้องการแต่งงานกับบุตรสาวของข้า แล้วของหมั้นอยู่ที่ใด? เจ้าสามารถนำของขวัญที่ทำให้ข้าพอใจมาได้หรือไม่?”

ชายหนุ่มก้มศีรษะลงด้วยความหดหู่ เขาอาศัยอยู่ในกระท่อมมุงจาก นอนบนเสื่อฟาง และมีเสื้อผ้าเก่าๆเพียงชุดเดียว

“ข้าจะใช้ทรัพย์สินทั้งหมดของข้าเป็นของหมั้น” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ให้ข้าดูก่อน!” ผู้ใช้วิญญาณชรากล่าว

ชายหนุ่มนำผู้ใช้วิญญาณชราไปที่บ้านของเขา

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ทั้งหมดนี้คือทรัพย์สินของข้า”

“กระท่อมหลังเก่าที่มีรูอยู่ทุกหนทุกแห่ง?” ผู้ใช้วิญญาณชราชี้นิ้วไปที่กระท่อมด้วยความรังเกียจ

“เสื่อฟางที่กำลังแตกใบ?” ผู้ใช้วิญญาณชราโยนเสื่อฟางลงบนพื้น

“หินพวกนี้คืออุจจาระงั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณชราเตะหินและทำลายมัน

ชายหนุ่มก้มศีรษะลง

ทุกประโยคที่ผู้ใช้วิญญาณชรากล่าวทำให้ศีรษะของชายหนุ่มก้มต่ำลงเรื่อยๆ

แต่จังหวะที่ผู้ใช้วิญญาณชราเตะก้อนหินจนแตก วิญญาณที่งดงามราวกับดวงจันทร์กลับบินออกมา

ผู้ใช้วิญญาณชราตะลึง

ชายหนุ่มก็เช่นกัน เขาหยิบก้อนหินขึ้นมาจากเนินเขาแบบสุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจคัดเลือก

บุตรสาวของผู้ใช้วิญญาณชรากรีดร้องอย่างมีความสุข “วิญญาณดวงนี้เพียงพอแล้วสำหรับเป็นของหมั้นใช่หรือไม่?”

ผู้ใช้วิญญาณชราไม่สามารถโต้แย้ง เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อีกและในที่สุดเขาก็ทำได้เพียงปล่อยให้บุตรสาวของตนแต่งงานกับชายหนุ่มผู้นี้เท่านั้น

ฟางหยวนเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้ว

มันเป็นความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับผู้ใช้วิญญาณและจบลงด้วยชัยชนะของมนุษย์

มันแสดงให้เห็นถึงความกระหายในชีวิตที่ดีขึ้นของมนุษย์เช่นเดียวกับการแสวงหาความสุข

เฉียวซื่อหลิวเล่าเรื่องนี้ให้ฟางหยวนฟังและอธิบายเกี่ยวกับประเพณีของเทศกาลไหว้พระจันทร์อย่างผ่อนคลาย ทั้งยังบอกเหตุผลที่เทศกาลไหว้พระจันทร์ของภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณหรือมนุษย์จะต้องชงชา ท่องบทกวี และผ่าหิน

“เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ขอบคุณเทพธิดาซื่อหลิวที่ตอบข้อสงสัยของข้า” ฟางหยวนกล่าวอย่างสุภาพ

เฉียวซื่อหลิวยิ้ม “เหตุใดต้องสุภาพนัก เรียกข้าว่าซื่อหลิว”

“หือ?” ดวงตาของลั่วมู่ซือเบิกกว้าง

ทัศนคติของเฉียวซื่อหลิวที่มีต่อวูอี้ไห่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับวิธีที่นางปฏิบัติต่อชายหนุ่มอีกสองคน

“เราดื่มชาแล้ว ตอนนี้มาท่องบทกวีกันเถอะ” หลุนเฟยกล่าวและมองฟางหยวนด้วยสายตาที่เย็นชา

ดวงตาที่งดงามของเฉียวซื่อหลิวหันไปทางหลุนเฟย “หลุนเฟย เจ้าช่างกระตือรือร้นนัก เช่นนั้นข้าของฟังผลงานของเจ้าเป็นคนแรก”

หลุนเฟยหัวเราะอย่างมีความสุข เขาเร่งตอบ “เช่นนั้นข้าก็ขอเสนอผลงานทั่วๆไปของข้า”

เขายืนขึ้นและค่อยๆเดินออกไปนอกศาลาขณะท่องบทกวี

ก้าวเข้าสู่สังคมในฐานะเด็กหนุ่มที่โง่เขลา

ข้าเดินไปข้างหน้าด้วยตนเองทีละก้าว

แต่คืนนี้ข้าไม่ได้ดื่มเพียงลำพัง

เพราะความฝันที่งดงามของข้าอยู่ใต้แสงจันทรา

หลุนเฟยในชุดสีฟ้าท่องบทกวีของเขาอย่างช้าๆ

หลังจากท่องบทกวีจนจบ เขาก็เดินกลับเข้าไปข้างใน

เฉียวซื่อหลิวสัมผัสได้ถึงความหลงใหลที่อยู่ในดวงตาของหลุนเฟย ดังนั้นนางจึงเร่งเบี่ยงสายตาไปทางฟางหยวน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่ได้มองนางและไม่แสดงความเกลียดชังต่อหลุนเฟย เขาเพียงดื่มชาอย่างเงียบๆเท่านั้น

นี่ทำให้เกิดร่องรอยของความผิดหวังขึ้นในดวงตาของเฉียวซื่อหลิว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท