เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1326

ตอนที่ 1326

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1326 ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกล

แปลโดย iPAT

ไม่นานหลังจากนั้นฟางหยวนก็ประสบความสำเร็จในการสร้างค่ายกลวิญญาณในอาณาจักรแห่งความฝัน

ค่ายกลวิญญาณนี้ยังใช้วิญญาณแก่นแท้ค่ายกลเป็นแกนกลางโดยมีวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพีลอยนิ่งอยู่ด้านบนขณะที่วิญญาณบนเส้นทางแห่งไฟและวายุหมุนอยู่รอบๆในแนวนอน สำหรับวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารี มันหมุนอยู่ในแนวตั้ง

ค่ายกลวิญญาณนี้ปล่อยแสงสีขาวออกไปปกคลุมเสือดำเอาไว้

มันไม่ได้มีไว้ปกป้องผู้ใช้วิญญาณแต่มีไว้กักขังศัตรู

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี เจ้าเป็นบุตรชายของข้าจริงๆ! อีกหนึ่งเดือนจะมีบททดสอบที่เข้มงวดยิ่งขึ้น มันจะเกี่ยวกับชีวิตและความตายของเจ้า หากไม่ผ่านการทดสอบ เจ้าจะต้องตาย” ตู้ซื่อเฉินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ร่างเล็กของฟางหยวนยืนอยู่ในกรงและชำเลืองมองเสือดำที่กำลังดิ้นรนอยู่ในค่ายกลวิญญาณก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

ฉากที่สองของอาณาจักรแห่งความฝันสิ้นสุดลง

ต่อไปเป็นฉากที่สาม

ฟางหยวนเดินตามตู้ซื่อเฉินไปยังริมแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว

เมื่อมองแม่น้ำสีแดงที่ไหลไปทางทิศตะวันออก ฟางหยวนตระหนักได้ทันทีว่ามันคือแม่น้ำมังกรแดงของภาคใต้

ภาคใต้มีแม่น้ำใหญ่สามสายได้แก่ แม่น้ำมังกรแดง แม่น้ำมังกรหยก และแม่น้ำมังกรเหลือง

ฟางหยวนรู้สึกสังหรณ์ร้ายเมื่อเห็นแม่น้ำสายนี้

ในเวลาต่อมาเขาได้ยินเสียงของตู้ซื่อเฉิน “ข้าจะให้เจ้ายืมวิญญาณ ตอนนี้เจ้าสามารถพึ่งพาตนเองเท่านั้น หากเจ้าไม่สามารถสร้างค่ายกลวิญญาณ เจ้ารู้ดีว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร”

อ่านนิยาย

ฟางหยวนกำลังจะถามแต่ถูกตู้ซื่อเฉินตบแผ่นหลัง

เขาไม่สามารถต้านทานพละพลังมหาศาลและถูกผลักเข้าไปในแม่น้ำมังกรแดงทันที

‘สารเลว!’ ฟางหยวนก่นด่าอยู่ในใจขณะที่เขาตกลงไปในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวและถูกกระแสน้ำพัดพาไป

ฟางหยวนพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ แต่เขามีเพียงร่างกายที่อ่อนแอของเด็กน้อย โชคดีที่ความสามารถในการว่ายน้ำของเขาไม่ธรรมดา ฟางหยวนดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสามารถเงยหน้าขึ้นจากผิวน้ำและสูดหายใจ

ฟาหงยวนเริ่มตรวจสอบวิญญาณที่เขามี

‘บัดซบ!’ เขาลอบสบถอยู่ในใจอีกครั้งเพราะคราวนี้ไม่ได้มีเพียงวิญญาณระดับมนุษย์สี่ดวงแต่เป็นสิบสองดวง

เขาต้องจัดการพวกมันในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนั้นหรือ?

มีหลายวิธีที่จะจัดการพวกมันขณะที่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย นี่ทำให้ความหวังลดน้อยลงอย่างมาก

ฟางหยวนไม่ลังเลและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันโดยตรง

ทันใดนั้นคำตอบก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

เขาเข้าใจสามขั้นตอนแรกและเริ่มสร้างค่ายกลวิญญาณทันที

‘เพียงสามขั้นตอนแรกงั้นหรือ?’ ฟางหยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันต่อไป

ขั้นตอนที่สี่ ขั้นตอนที่ห้า และขั้นตอนที่หก

พวกมันเป็นคำตอบที่ถูกต้อง

แต่ยังเหลือบางขั้นตอนในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณนี้

ฟางหยวนกำลังจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันเป็นครั้งที่สามแต่ในเวลานี้เขากลับถูกกระแสน้ำวนดูดกลืนเข้าไป

“ปัง!”

ฟางหยวนถูกต้นไม้พุ่งชนและหมดสติทันที

วินาทีต่อมาเขาตื่นขึ้นและกลับสู่โลกของความเป็นจริง

จิตวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

เขาเร่งใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างรวดเร็ว

หนึ่ง สอง สาม…หก

ครั้งนี้เขาต้องใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวถึงหกดวงเพื่อกู้คืนจิตวิญญาณ

‘ฉากที่สามยิ่งยากลำบากมากขึ้น สภาพแวดล้อมในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอันตรายมาก’

‘แต่…’

‘ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของข้าบรรลุสู่ระดับกึ่งผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว!’

ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งนี้

ระดับความสำเร็จคือสิ่งใด?

มันคือความเข้าใจเฉพาะทางของผู้ใช้วิญญาณ

ระดับความสำเร็จแบ่งออกเป็นห้าระดับได้แก่ สามัญ ผู้เชี่ยวชาญ ปรมาจารย์ ปรมาจารย์เอก และปรมาจารย์สูงสุด

โดยธรรมชาติแล้วมันยังมีระดับย่อยอยู่ด้วยเช่น กึ่งผู้เชี่ยวชาญ กึ่งปรมาจารย์ กึ่งปรมาจารย์เอก และกึ่งปรมาจารย์สูงสุด

ส่วนใหญ่แล้วผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์จะบรรลุระดับสามัญหลังจากพวกเขาฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดช่วงชีวิต

การบรรลุระดับกึ่งผู้เชี่ยวชาญหาได้ยากในผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ มีเพียงผู้ใช้วิญญาณวัยเยาว์ที่โดดเด่นหรือผู้ใช้วิญญาณที่เต็มไปด้วยประสบการณ์เท่านั้นที่จะบรรลุระดับนี้

สำหรับระดับผู้เชี่ยวชาญ เป็นเรื่องยากที่ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์จะบรรลุถึง อาจมีเพียงหนึ่งในหมื่นคนเท่านั้น ตัวอย่างเช่นในสงครามแย่งชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ มีผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งทาสอยู่เพียงห้าคน หนึ่งในนั้นคือฟางหยวน

ผู้ที่มีความสำเร็จระดับกึ่งปรมาจารย์มักเป็นตัวตนชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับหก

ระดับปรมาจารย์คือความเข้าใจที่ลึกซึ้งและอนุญาตให้ผู้อมตะสามารถเลียนแบบเส้นทางสายอื่น ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะของไห่ฟาน ข้อตกลงหนึ่งร้อยปี มันใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อบรรลุผลลัพธ์เดียวกับเส้นทางแห่งข้อมูล นอกจากนี้มันยังแสดงให้เห็นว่าความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของไห่ฟานอย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์

โดยทั่วไปมีผู้อมตะที่บรรลุระดับปรมาจารย์เพียงไม่กี่คน พวกเขามักต้องใช้เวลาสะสมความเข้าใจหลายร้อยปีควบคู่ไปกับพรสวรรค์ตามธรรมชาติ ในชีวิตแรกของฟางหยวน เขาสามารถบรรลุเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดหลังจากห้าร้อยปีเท่านั้น

ผู้ที่สามารถบรรลุระดับปรมาจารย์ส่วนใหญ่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

เหนือขึ้นไปคือระดับกึ่งปรมาจารย์เอกที่ยากยิ่งกว่า พวกเขามักเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดหรือผู้อมตะระดับแปด

สำหรับระดับปรมาจารย์เอก ผู้อมตะระดับแปดจะบรรลุระดับนี้เมื่อฝึกฝนไปถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต

ผู้ที่สามารถบรรลุระดับกึ่งปรมาจารย์สูงสุดมีไม่กี่คนในรอบหลายพันปี

อ่านนิยาย

ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงความยากลำบากของปรมาจารย์สูงสุด บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ตัวตนระดับนี้มีเพียงสามคนตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน หนึ่งในนั้นคือบรรพชนผมยาว

เดิมทีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนอยู่ในระดับสามัญ แต่ตอนนี้มันก้าวเข้าสู่ระดับกึ่งผู้เชี่ยวชาญแล้ว

ผู้ใช้วิญญาณส่วนใหญ่จะพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงระดับนี้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะทุ่มเทมากเพียงใดก็ตาม

ฟางหยวนบรรลุสิ่งนี้ได้โดยใช้เวลาเพียงสองหรือสามวันหลังจากสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

นี่คือพลังอำนาจของอาณาจักรแห่งความฝัน

อาจกล่าวได้ว่าอาณาจักรแห่งความฝันคือศูนย์รวมความหมายที่แท้จริง เมื่อผู้อมตะประสบความสำเร็จในการคลี่คลายอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขาจะได้รับความหมายที่แท้จริงและทำให้ระดับความสำเร็จของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น

‘เพียงสองฉากก็ทำให้ข้าก้าวเข้าสู่ระดับกึ่งผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งค่ายกลแล้ว อาณาจักรแห่งความฝันนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ’

‘ไม่แปลกใจเลยที่มันยากมาก’

‘แต่ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของตู้ซื่อเฉินมาก่อนจริงๆ…’

วิธีการสอนของเขาทำให้ฟางหยวนรู้สึกพูดไม่ออก แต่คนที่เขาสั่งสอนคือเจ้าของอาณาจักรแห่งความฝันนี้ เห็นได้ชัดว่าเด็กผู้นี้เป็นตัวละครที่สำคัญ

ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเขาอยู่ห่างจากระดับผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น

‘ตราบเท่าที่ข้าผ่านฉากที่สาม ความสำเร็จของข้าจะก้าวเข้าสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน!’

ฟางหยวนเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น

การคลี่คลายอาณาจักรแห่งความฝันช่วยยกระดับความสำเร็จของเขา นี่เป็นทางลัดในการบ่มเพาะ เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถหยุดความปรารถนาอันแรงกล้าต่อมัน

แต่เนื่องจากเขาออกมาจากอาณาจักรแห่งความฝันแล้ว เขาจึงไม่รีบร้อนกลับเข้าไป

เขานึกถึงเหตุการณ์ในฉากที่สามและวิญญาณทั้งหมด

เขารู้จักพวกมันเพียงหกสิบส่วน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณเหล่านั้น

สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์แต่พวกมันส่วนใหญ่สูญพันธุ์ไปแล้ว

ในไม่ช้าฟางหยวนก็พบข้อมูลที่เขาต้องการ

จากนั้นเขาก็อ่านสารานุกรมวิญญาณที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้อีกครั้ง

แต่ความเข้าใจในการอ่านครั้งนี้แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนเข้าใจเพียงผิวเผิน แต่ตอนนี้เขาสามารถเห็นความหมายที่ซ่อนอยู่ด้วยการกวาดตามองเพียงครั้งเดียว นี่ทำให้เขาพบสิ่งใหม่ๆ

อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่ฟางหยวนยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้

ท้ายที่สุดเขาก็ยังเป็นเพียงกึ่งผู้เชี่ยวชาญ ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์สามารถบรรลุถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ แน่นอนว่ามรดกชิ้นนี้ยังมีบางสิ่งที่ฟางหยวนไม่สามารถทำความเข้าใจ

ฟางหยวนหมกมุ่นอยู่กับความลึกซึ้งของค่ายกลวิญญาณ โดยไม่รู้ตัวเวลาก็ค่อยๆผ่านพ้นไป

เมื่อเขากระหายน้ำ เขาจะดื่มน้ำ เมื่อเขาหิว เขาจะกินผลไม้

ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจของเขา เขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อช่วยในการเรียนรู้

ขอบเขตเนื้อหาของเส้นทางแห่งค่ายกลกว้างใหญ่มาก มันเชื่อมโยงกับทุกเส้นทาง

เพียงเมื่อวูอันขอพบฟางหยวน เขาจึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง

“แปดวันผ่านไปโดยไม่รู้ตัว…” ฟางหยวนงุนงงอยู่ชั่วครู่

ความคิดที่วุ่นวายในใจของเขาค่อยๆสงบลง

ในช่วงเกือบสิบวันที่ผ่านมาแห่งการเรียนรู้ มันทำให้พื้นฐานบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาแข็งแกร่งขึ้น

“เขามาที่นี่เพื่อสิ่งใด?” ฟางหยวนขมวดคิ้วอย่างไม่สามารถอดทน

แต่หลังจากครุ่นคิด เขาก็ตัดสินใจอนุญาตให้วูอันเข้าพบ

ปรากฏว่าวูอันนำเทพธิดากระต่ายขาวมารายงานสถานการณ์เกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาสและมอบบัญชีให้ฟางหยวนตรวจสอบ

แม้ฟางหยวนจะไม่สนใจธุรกิจนี้แต่เขายังเป็นผู้นำของธุรกิจ

อีกด้านหนึ่งในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา เทพธิดากระต่ายขาวต้องส่งรายงานให้เขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท