เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1327

ตอนที่ 1327

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1327 จดหมายท้าทาย

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนกวาดตามองบัญชี สิ่งนี้ช่วยให้เขาเข้าใจกองกำลังรอบตัวได้มากขึ้น จากนั้นเขาก็บอกให้วูอันและเทพธิดากระต่ายขาวออกไป

“นายท่าน มีเรื่องหนึ่งข้าไม่รู้ว่าควรกล่าวดีหรือไม่?” ก่อนออกไป วูอันกล่าวด้วยความลังเล

“พูด” ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

วูอันรายงานฟางหยวนเกี่ยวกับข่าวลือที่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ว่าผู้อมตะจื่อซานกำลังจะมาตรวจสอบค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนเข้าใจความหมายของวูอันทันทีและโบกมือให้เขาออกไป

‘เฉียวซื่อหลิวมีผู้ชายหมายปองมากมาย จื่อซานเป็นหนึ่งในคนสำคัญ’

‘เขาไม่เคยมีความคิดที่จะมาตรวจสอบค่ายกลวิญญาณ คราวนี้เขาต้องตั้งใจมาสร้างปัญหาให้ข้า’

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะจะไม่ต่อสู้จนตัวตายแต่พวกเขาจะใช้วิธีสร้างปัญหาและทำลายชื่อเสียงของฝ่ายตรงข้าม

‘ข้าสามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้และไม่สนใจชื่อเสียง’ ฟางหยวนลูบคาง ‘แต่ข้าจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้ความลับถูกเปิดเผย ท้ายที่สุดค่ายกลวิญญาณนี้ก็ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลจื่อ พวกเขาเป็นกองกำลังใหญ่ของภาคใต้ที่มีความเชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งค่ายกล’

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อสร้างค่ายกลวิญญาณนี้ขึ้นมาด้วยตนเอง เขาเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งค่ายกล

การมาถึงของจื่อซานเร็วกว่าที่ทุกคนคาดหมาย

งานเลี้ยงต้อนรับเขาเป็นสิ่งสำคัญ

เนื่องจากจื่อซานเป็นตัวแทนของตระกูลจื่อ เขามีหน้าที่ตรวจสอบค่ายกลวิญญาณทั้งหมด

ระหว่างงานเลี้ยงมีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้น

คนฉลาดจะรู้ว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ของจื่อซานแต่เขากลับเดินทางมาที่นี่ ขณะที่ทุกคนในภาคใต้รู้ว่าจื่อซานกำลังไล่ตามเฉียวซื่อหลิว แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีข่าวลือว่าวูอี้ไห่สนิทสนมกับเฉียวซื่อหลิวเป็นอย่างมาก

วัตถุประสงค์ของจื่อซานในการเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้ชัดเจนมาก

อ่านิยาย

แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงต้อนรับคนผู้นี้

เขายังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันต่อไปอย่างเงียบๆ

หลายคนให้ความสนใจกับเรื่องนี้และรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้เห็นละครฉากใหญ่

ปาเต๋อวางถ้วยชาลง “หลานชายจื่อซาน ข้าได้แนะนำผู้อมตะทั้งหมดแล้ว พวกเขาล้วนเป็นชนชั้นสูง แต่น่าเสียดายที่วันนี้มีบางคนยังไม่ปรากฏตัว เขามาจากทะเลตะวันออกและเข้าร่วมกับกองกำลังของภาคใต้ เมื่อเร็วๆนี้เขาเอาชนะเซี่ยเฟยกุ้ยและสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา เขาคือผู้นำของตระกูลวูในค่ายกลวิญญาณแห่งนี้”

หัวใจของผู้อมตะทั้งหมดในงานเลี้ยงสั่นไหวเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้

พวกเขารู้ว่าปาเต๋อกำลังกล่าวถึงผู้ใด

จื่อซานอยู่ในชุดคลุมสีขาว เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา ดวงตาลึก จมูกเรียวเล็ก เขาอายุหนึ่งร้อยหกสิบปี

ปาเต๋ออาวุโสกว่าจื่อซานมาก ตระกูลจื่อและตระกูลปาเป็นพันธมิตรผ่านการแต่งงาน ดังนั้นปาเต๋อจึงเรียกจื่อซานว่าหลานชาย

จื่อซานยิ้ม “ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของวูอี้ไห่มาก่อน น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถพบเขาในวันนี้ แต่ข้าจะอยู่ที่นี่สักพัก ระหว่างนี้ข้าหวังว่าจะได้พบกับวูอี้ไห่”

งานเลี้ยงสิ้นสุดลง วูอันและวูเหลียวพบช่วงเวลาที่ยากลำบากในงานเลี้ยง

“โอ้ เนื่องจากเป็นกรณีนี้ เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงและส่งคำเชิญไปยังจื่อซาน” ฟางหยวนคิดก่อนกล่าว

วูอันและวูเหลียวชำเลืองมองกันด้วยความตื่นเต้น

เมื่อทั้งสองจากไป ฟางหยวนก็มองไปยังอาณาจักรแห่งความฝัน

ตอนนี้เขาผ่านฉากที่สาม สี่ และห้าเรียบร้อยแล้ว

ตัวละครหลักของอาณาจักรแห่งความฝันยังเป็นตู้ซื่อเฉินที่สั่งสอนบุตรชายของเขาอย่างเหี้ยมโหด ฟางหยวนต้องพบกับความทุกข์ทรมานจากสิ่งนี้จนเขาไม่เหลือพลังงานที่จะสาปแช่งอีกต่อไป

สิ่งนี้ทำให้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางยวนเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้เขากลายเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลไปแล้ว

‘แต่ข้ายังห่างไกลจากระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลที่แท้จริง’ ฟางหยวนรู้สึกอย่างชัดเจน

ยิ่งระดับสูงขึ้น การบรรลุก็ยิ่งยากขึ้น

‘อาณาจักรแห่งความฝันยังไม่จบ ตามขนาดของมัน เหลืออีกอย่างน้อยสองฉาก!’

‘บุตรชายของตู้ซื่อเฉินผู้นี้น่าทึ่งมาก ความสำเร็จของเขาต้องเหนือกว่าระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน’

‘แต่ตอนนี้จื่อซานกำลังตรวจสอบค่ายกลวิญญาณที่อยู่รอบๆ ข้าควรจะหยุดสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันในช่วงเวลานี้’

ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตระกูลจื่อ ฟางหยวนยังไม่เข้าใจรูปแบบของมันอย่างสมบูรณ์ ดังั้นั้นมันจะดีกว่าหากเขาระวังตัว

ฟางหยวนรู้ดีว่าหากความลับเรื่องการคลี่คลายอาณาจักรแห่งความฝันของเขาถูกเปิดเผย มันจะส่งคลื่นความปั่นป่วนและส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก

ในเวลานั้นไม่เพียงภาคใต้แต่อีกสี่ภูมิภาคจะระดมกำลังกันเพื่อตามหาเขา

“วูอี้ไห่เชิญข้าไปงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้งั้นหรือ?” จื่อซานกล่าวกับวูอันด้วยรอยยิ้ม

“ข้าซาบซึ้งในความตั้งใจของเขา แต่…ยกโทษให้ข้าด้วย ข้ายุ่งมาก ตอนนี้ข้ากำลังจัดการเรื่องสำคัญ รอให้ข้าตรวจสอบค่ายกลวิญญาณให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นข้าจะไปเยี่ยมเขา” จื่อซานปฏิเสธคำเชิญของฟางหยวนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

วูอันรู้สึกหมดหนทางขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและอับอาย

การกระทำของจื่อซานคือการตบหน้าตระกูลวู สิ่งนี้ทำให้วูเหลียวและวูอันไม่พอใจ

อย่างไรก็ตามผู้อมตะของตระกูลอื่นลอบหัวเราะกับเรื่องนี้และคิดว่ามันเป็นการแสดงที่ดี

อ่านนิยาย

แต่ฟางหยวนยังสงบนิ่ง

เขามองวูอันและวูเหลียวอย่างเฉยเมย “ในกรณีนี้เราจะรอ”

เขาไม่แสดงความโกรธออกมาแม้แต่น้อย

“แต่…” วูอันและวูเหลียวกังวล แต่เนื่องจากฟางหยวนดูเหมือนจะไม่กังวล พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากออกไป

แม้ฟางหยวนจะไม่สำรวจอาณาจักรแห่งความฝันแต่เขายังมีสิ่งอื่นอีกมากมายที่ต้องทำ

ตัวอย่างเช่นการสร้างถ้ำขดด้ายเพื่อขยายพันธุ์แมงมุมหน้าคน

นี่จะเป็นแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ฟางหยวนเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว

ทั้งหมดคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับแมงมุมหน้าคน

ตามวิธีของเผ่าตงฟาน การสร้างถ้ำขดด้ายต้องจัดตั้งค่ายกลวิญญาณและทรัพยากรอมตะระดับหกและเจ็ด

ฟางหยวนรวบรวมทรัพยากรเหล่านั้นไว้แล้ว

ต่อไปคือการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ

โดยทั่วไปค่ายกลวิญญาณที่อาศัยทรัพยากรอมตะสามารถสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลเท่านั้น

ก่อนที่จะสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ฟางหยวนยังไม่เข้าใจค่ายกลวิญญาณดังกล่าว แต่ตอนนี้เขาเข้าใจมันอย่างชัดเจน ท้ายที่สุดตอนนี้เขาก้กลายเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกลไปแล้ว

นอกจากนั้นฟางหยวนยังได้รับแรงบันดาลใจบางอย่าง

‘บางทีข้าอาจสามารถพัฒนาค่ายกลวิญญาณนี้และเพิ่มวิญญาณความพยายามเข้าไป ตามหลักการของค่ายกลวิญญาณ หากข้าเพิ่มวิญญาณความพยายามเข้าไป ผลผลิตของแมงมุมหน้าคนจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยแปดเท่า!’

หัวใจของฟางหยวนเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

หากเขาสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ ธุรกิจแมงมุมหน้าคนจะนำหน้าธุรกิจปลามังกร ผลกำไรที่เขาได้รับอาจนำหน้ากระทั่งธุรกิจวิญญาณความเด็ดเดี่ยว

สิ่งนี้อาจฟังดูเหมือนเกินจริงแต่หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มันเป็นไปได้!

วิญญาณความเด็ดเดี่ยวถูกจำกัดด้วยปริมาณดวงวิญญาณ ปัจจุบันนิกายหลางหยากำลังพยายามฆ่าสัตว์อสูรเดียวดายที่ไท่ชิวและใช้ดวงวิญญาณของพวกมันผลิตวิญญาณความเด็ดเดี่ยว พวกเขายังนำดวงวิญญาณบางส่วนมาจากสวรรค์สีเหลืองและแดนน้ำแข็งของภาคเหนือ

ประเด็นสำคัญก็คือตระกูลเซียวของทะเลทรายตะวันตกมีกำลังซื้อแมงมุมหน้าคนทั้งหมด พวกเขามีความต้องการสินค้าชนิดนี้สูงมาก

ฟางหยวนเริ่มอนุมาน

แต่ในไม่ช้าเขาก็พบปัญหา

เขาไม่สามารถสร้างค่ายกลวิญญาณไม่ว่าจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญากี่วิธีก็ตาม

‘ข้าเป็นเพียงกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล หากข้าเป็นปรมาจารย์ ข้าจะสามารถพัฒนาค่ายกลวิญญาณนี้ได้อย่างสมบูรณ์” ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้

“อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะไม่ใช่ปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่มีบางคนแถวนี้ที่เป็น”

คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ใดนอกจากจื่อซาน!

หลังจากจื่อซานปฏิเสธคำเชิญของฟางหยวน เขาเริ่มลาดตระเวนไปรอบๆ

ผู้อมตะทุกคนในค่ายกลวิญญาณให้การต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น

จื่อซานตั้งใจตรวจสอบค่ายกลวิญญาณอย่างช้าๆ ทุกคนรู้ดีว่ายิ่งช้าเท่าใด ใบหน้าของตระกูลวูก็ยิ่งเสียหายเท่านั้น

โดยธรรมชาติแล้วมันคือวูอี้ไห่ที่เป็นศัตรูของจื่อซาน ไม่ใช่ตระกูลวู

คู่แข่งความรัก!

‘วูอี้ไห่ เจ้าคิดว่าตนเองสูงส่งและแข็งแกร่งมาก เจ้าดูถูกข้า เจ้าเชิญข้า แต่คิดว่าข้าจะรีบไปหาเจ้างั้นหรือ? ฮืม ข้าจะให้เจ้ามาหาข้าด้วยตนเอง!’ จื่อซานมีความตั้งใจที่แน่วแน่

แต่ในไม่ช้าแผนของเขาก็ถูกทำลาย

เพราะจดหมายท้าทายของฟางหยวนมาถึงมือเขาแล้ว

ในจดหมายฟางหยวนเขียนว่า ครั้งหนึ่งข้าเคยไปเที่ยวจุดชมวิวกับเทพธิดาซื่อหลิวและในเวลานั้นชื่อของเจ้าก็ถูกกล่าวถึง เทพธิดาซื่อหลิวยกย่องว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะบนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่ข้าวูอี้ไห่ไม่ยอมรับเรื่องนั้น ข้าได้สร้างปัญหาบนเส้นทางแห่งค่ายกลขึ้นมา ลองดูว่าเจ้าจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้หรือไม่? หากเจ้าทำได้ มันจะเป็นชัยชนะของเจ้า หากเจ้าทำได้ มันจะเป็นความพ่ายแพ้ของข้า ข้าจะแจ้งให้เทพธิดาซื่อหลิวทราบถึงผลลัพธ์นี้หลังจากนั้น

จื่อซานถูกล่อลวงอย่างสมบูรณ์!

‘วูอี้ไห่ ดังคาด เจ้าทนไม่ไหวแล้ว’

‘แต่เจ้าต้องการใช้เส้นทางแห่งค่ายกลเพื่อสร้างปัญหาให้ข้าจริงๆงั้นหรือ?’

‘เจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่กลับต้องการใช้ปัญหาบนเส้นทางแห่งค่ายกลเพื่อทำให้ข้าอับอายงั้นหรือ? สิ่งใดที่ทำให้เจ้ามีความกล้าถึงเพียงนี้?’

‘เจ้ากำลังร้องขอความอัปยศให้กับตนเอง! ข้าจะบอกเทพธิดาซื่อหลิวเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของเจ้าอย่างแน่นอนและนี่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของข้า จื่อซาน!’

———————–

วันนี้มีหนึ่งตอน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท