เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1335

ตอนที่ 1335

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1335 การตอบสนองของวังสวรรค์

แปลโดย iPAT

“เว่ยหลิงหยางและไป่เฉินเทียนเสียชีวิตขณะที่นักรบหมื่นมังกรหลบหนี…”

ฟางหยวนพึมพำ

ข้อมูลถูกส่งมาถึงเขาในเวลานี้

“เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของวังสวรรค์เป็นอย่างมาก”

“พังพอนหางสุนัข…ม้าของเทพอมตะตะวันเดือด พลังการต่อสู้ของมันน่ากลัวจริงๆ”

“แม้สิ่งนี้จะช่วยยกขวัญกำลังใจของคนเหนือแต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับวังสวรรค์”

ด้วยประสบการณ์ชีวิตห้าร้อยปีและประสบการณ์ในสงครามห้าภูมิภาค ฟางหยวนรู้ว่าวังสวรรค์มีรากฐานที่ลึกล้ำ หากเปรียบเทียบ ถ้ำสวรรค์นิรันดรยังไม่ถือเป็นสิ่งใด

“เหตุการร์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตแรกของข้า”

“หลังจากนี้ภาคเหนือและภาคกลางจะเป็นศัตรูกัน ยิ่งไปกว่านั้นถ้ำสวรรค์นิรันดรและวังสวรรค์ก็จะอยู่คนละฝ่าย”

“ตอนนี้วังสวรรค์จะแก้แค้นหรือไม่? หากพวกเขาทำ มันจะน่าสนใจมาก”

ฟางหยวนไตร่ตรองและพยายามคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ถ้ำสวรรค์นิรันดรเป็นของเทพอมตะตะวันเดือด ขณะที่วังสวรรค์มีสามผู้อมตะระดับเก้า ทั้งสองต่างเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะ แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะต่อสู้กันอย่างรุนแรง

ตอนนี้ผู้อมตะทั้งโลกกำลังให้ความสนใจกับเรื่องนี้

พวกเขากำลังรอดูการตอบสนองของวังสวรรค์

ตามตรรกะ วังสวรรค์ต้องตอบโต้เพราะพวกเขาเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกใบนี้ หากพวกเขาไม่เคลื่อนไหว ชื่อเสียงของพวกเขาจะร่วงหล่นลง

แต่กำแพงภูมิภาคยังเป็นปราการป้องกันสงครามใหญ่ระหว่างผู้อมตะ

และคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้เรื่องวังสวรรค์แห่งโชคของเทพอมตะตะวันเดือด

มันยากเกินไปที่วังสวรรค์จะโจมตี

ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีหรือไม่ พวกเขาก็มีข้อแก้ตัวให้กับตนเอง

และไม่ว่าวังสวรรค์จะเลือกทางใด การเคลื่อนไหวของพวกเขาจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของทั้งห้าภูมิภาค

ฟางหยวนถอนหายใจ

เขาทำนายไว้นานแล้ว

หากวังสวรรค์ส่งผู้อมตะไปช่วยหม่าหงหยุน พวกเขาพบอุปสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ เมื่อพวกเขาล้มเหลว พวกเขาจะหลบหนีกลับภาคกลางและการต่อสู้ครั้งนี้จะใช้เวลานานมาก

แต่เมื่อฟางหยวนได้รับข่าวนี้ เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

มีบางอย่างไม่ถูกต้องแต่เขายังไม่สามารถระบุได้ว่าปัญหาที่แท้จริงคือสิ่งใด

“บางทีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอาจเป็นเพราะการกระทำของข้า มันเกิดจากผลกระทบของการกำเนิดใหม่ของข้า นี่ทำให้ข้อได้เปรียบของการกำเนิดใหม่ลดน้อยลง ดังนั้นข้าจึงรู้สึกไม่สบายใจงั้นหรือ?”

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม

“ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น การเพิ่มความแข็งแกร่งก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

“อาณาจักรแห่งความฝัน ข้ามาแล้ว!”

ไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะเป็นอย่างไร ตราบเท่าที่เขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ฟางหยวนเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและพบว่าตนเองอยู่ในถิ่นทุรกันดารแห่งหนึ่ง

เวลากลางคืน ดวงจันทร์ส่องประกายเย็นเยียบ

หมาป่าเห่าหอนขณะที่ฟางหยวนไม่สามารถเคลื่อนไหว เขาถูกคนสองคนแบกจากด้านหน้าและด้านหลัง

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางหยวนตระหนักว่าตนเองไม่สามารถเคลื่อนไหวและเริ่มประเมินสถานการณ์

“อูด อูด”

เสียงคล้ายหมูดังเข้าหูฟางหยวน

ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่ามันเป็นเสียงของสองคนที่แบกเขาเอาไว้

คนทั้งสองแบกฟางหยวนขึ้นภูเขา

เมื่อเมฆสีดำบนท้องฟ้าลอยออกไป แสงจันทร์ก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา ทั้งสองไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นมนุษย์อสูรที่มีศีรษะเป็นหมู!

‘ในยุคปัจจุบัน มนุษย์อสูรกำลังจะสูญพันธุ์ แต่พวกมันปรากฏตัวในอาณาจักรแห่งความฝัน นี่คือยุคสมัยใด?’ คำถามปรากฏขึ้นในใจของฟางหยวน

ฟางหยวนรู้สึกผิดปกติและเริ่มดิ้นรน แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่าเขาอ่อนแอมากและยังได้รับบาดเจ็บสาหัส

เขาดิ้นรนอย่างหนักแต่เขายังขยับร่างกายได้เพียงเล็กน้อย

“กรอ…”

มนุษย์อสูรหัวหมูป่าเห็นการเคลื่อนไหวของฟางหยวนและเริ่มส่งเสียงคำราม

‘โอ้ ไม่!’ ฟางหยวนกรีดร้องอยู่ภายใน

แต่มนุษย์อสูรทั้งสองเร็วกว่า พวกมันโยนฟางหยวนลงบนพื้น

ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนทำให้เขาแทบหมดสติ

ด้วยความมุ่งมั่น ฟางหยวนพยายามเปิดเปลือกตาขึ้นและเห็นมนุษย์อสูรหัวหมูป่ายกขาขึ้น

มันกระทืบใบหน้าของฟางหยวน

“บึม!”

ศีรษะของฟางหยวนถูกทุบราวกับผลแตงโม เลือดไหลออกมาพร้อมกับมันสมองที่กระจัดกระจายไปทั่ว

‘บัดซบ!’ การสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันสิ้นสุดลง จิตวิญญาณของฟางหยวนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาถูกบังคับให้ออกมา

‘นี่หมายความว่าข้าต้องรอโอกาส ข้าไม่สามารถทำการผลีผลาม?’ ฟางหยวนคิดขณะใช้วิญญาณความเด็ดเดี่ยวรักษาตนเอง

ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันมีจำนวนการใช้งานที่จำกัดเนื่องจากม้าปีศาจฝันร้ายถูกใช้ไปจนหมดแล้ว

แต่วิญญาณความเด็ดเดี่ยวแตกต่างออกไป ตราบเท่าที่มีภูเขาตงฮัน วิญญาณความเด็ดเดี่ยวก็ยังมีเพียงพอ

ดังนั้นฟางหยวนจึงยินดีรับอาการบาดเจ็บทางจิตวิญญาณมากกว่าการใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

คราวนี้ฟางหยวนไม่ขยับเขยื้อนและปล่อยให้มนุษย์อสูรหัวหมูป่าอุ้มไปถึงครึ่งทาง

“กรอ…” เมื่อถึงจุดหนึ่ง มนุษย์อสูรหัวหมูก็หยุดและคำราม

ภายใต้แสงจันทร์ ฟางหยวนเห็นมนุษย์อสูรหัวหมูป่าสองตัวนี้ยืนอยู่บนขอบหน้าผา

‘โอ้ ไม่’ ฟางหยวนกำลังจะต่อสู้เมื่อมนุษย์อสูรหัวหมูป่าโยนเขาลงจากหน้าผา

‘นี่คือ?’ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อมองเห็นหลุมศพขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง

ศพจำนวนนับไม่ถ้วนนอนและส่งกลิ่นเน่าเหม็นออกมารอบๆ

ร่างของฟางหยวนถูกบดขยี้และตายอยู่ท่ามกลางกองซากศพเหล่านั้น

เขาถูกบังคับให้ออกจากอาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง

‘อาณาจักรแห่งความฝันนี้คือสิ่งใด?’

ขณะที่ฟางหยวนกำลังสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน ที่ภาคกลาง ในวังสวรรค์

“ท่านราชันมังกร เชิญ” ผู้อมตะหญิงชราหลังค่อมก้มตัวลงเล็กน้อย

ตอนนี้นางกำลังยืนอยู่ต่อหน้าราชันมังกรด้วยความเคารพ

ราชันมังกรไม่ได้อยู่ในสภาพที่อ่อนแออีกต่อไป หลังจากดูดกลืนพลังชีวิตของมังกรปีศาจ ตอนนี้เขากลับมาแข็งแรงและกลายเป็นผู้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่ง

เขากำลังมองไปยังหอคอยที่อยู่ด้านหน้า “ยายชา เจ้าทำได้ดี”

มันไม่ใช่สิ่งใดนอกจากหอคอยดวงตาสวรรค์

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้า!

แม้มันจะถูกทำลายที่ภาคใต้ แต่วิญญาณอมตะส่วนใหญ่ของมันยังถูกรักษาไว้ หลังจากพวกมันถูกส่งกลับมายังวังสวรรค์ ยายชาก็ตื่นขึ้นและพยายามซ่อมแซมมัน

ตอนนี้นางทำสำเร็จแล้ว หอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์แบบ

“ท่านราชันมังกร เชิญ” ยายชานำทาง

ราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยติดตามยายชาเข้าไปในหอคอยดวงตาสวรรค์

บันไดหยกขาวไม่ต่างจากเดิมแต่หอคอยดวงตาสวรรค์ไม่ได้ถูกกระตุ้นใช้งาน ดังนั้นมันจึงไม่มีภาพใดๆปรากฏขึ้นบนกำแพง

เมื่อสามผู้อมตะเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด พวกเขาก็พบกับวิญญาณอมตะดวงหนึ่งอยู่ที่นี่

วิญญาณอมตะดวงนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณระดับเก้าออกมา มันอยู่ในรูปลักษณ์ของแมงมุมสีขาวดำที่มีบาดแผลสีแดงพาดอยู่บนร่างกายและแทบจะแยกมันออกเป็นสองส่วน

มันก็คือวิญญาณชะตากรรม

วิญญาณชะตากรรมได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีของเทพปีศาจบัวแดงที่หยิบยืมพลังอำนาจของวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณชะตากรรมเกือบตาย แต่หลังจากการทำงานหนักมาหลายชั่วอายุคนของสมาชิกวังสวรรค์ ในที่สุดมันก็ฟื้นตัวขึ้นห้าสิบส่วน

เมื่อมาถึงจุดนี้ มันจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ความเร็วในการฟื้นตัวของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่า

ด้วยการทำงานอย่างหนักของยายชา ตอนนี้มันฟื้นตัวขึ้นหกสิบส่วนแล้ว

“ดีมาก ดีมาก ยายชา เจ้ามีความสำคัญอย่างมากต่อวังสวรรค์และมวลมนุษยชาติ ข้าแน่ใจว่าเมื่อวังสวรรค์ปกครองห้าภูมิภาค ชื่อของเจ้าจะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์และเป็นที่เคารพนับถือของบุตรหลานทุกคนในอนาคต” ราชันมังกรยกย่อง

ยายชายิ้ม “ขอบคุณท่านราชันมังกร ข้าช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นการซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์ก็เป็นความปรารถนาของหญิงชราผู้นี้อยู่แล้ว ฮ่าฮ่า”

ยายชาหัวเราะอย่างต่อเนื่องขณะที่ร่างของนางกลายเป็นฝุ่นควันและถูกลมพัดหายไปในอากาศ

ผู้อมตะระดับแปด ยายชา ปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเสียชีวิตลงแล้ว

นางเหลืออายุขัยเพียงเล็กน้อย นางตื่นขึ้นด้วยความตกใจจากการเสียชีวิตของเจ้าวังคนก่อนและตัดสินใจอุทิศตนเพื่อวังสวรรค์

นี่ทำให้วังสวรรค์สูญเสียผู้อมตะระดับแปดไปในลักษณะนี้

ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

การแสดงออกของราชันมังกรไม่เปลี่ยน เขากล่าว “ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ ผู้อมตะมากมายของวังสวรรค์ต่างเสียสละตนเองในลักษณะนี้เพื่ออนาคตที่สดใสของคนรุ่นหลัง เว่ยหลิงหยาง ไป่เฉินเทียน พวกเขาเสียสละตนเองเช่นเดียวกับยายชา และในอนาคตเราสองคนก็จะทำเช่นเดียวกัน”

“เหตุใดวังสวรรค์ถึงเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งมาตลอด นอกจากสามเทพอมตะยังมีเหตุผลสำคัญอีกประการ นั่นคือผู้อมตะของเราไม่กลัวที่จะเสียสละตนเอง เพราะเรารู้ว่ามนุษยชาติต้องการพวกเรา สวรรค์พิภพต้องการพวกเรา!”

เทพธิดาจื่อเว่ยสูดหายใจลึกและกลับสู่ความสงบ “หากเป็นเช่นนั้น ท่านราชันมังกร ตอนนี้เราจะทำอย่างไรต่อไป?”

ราชันมังกรปิดเปลือกตาก่อนจะเปิดขึ้นอีกครั้ง “ยุคที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นขึ้นแล้ว บางคนไม่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป”

“แต่ฟางหยวน อิงอู๋เซี่ย ราชันภูเขาม่วง และคนอื่นๆล้วนเจ้าเล่ห์ พวกเราไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด มันยากเกินไปที่จะอนุมานตำแหน่งของพวกเขาโดยเฉพาะกำแพงภูมิภาคที่กีดขวางอยู่” เทพธิดาจื่อเว่ยกังวล

“อย่าห่วง” ราชันมังกรโบกมือ “ไม่ว่าตอนนี้พวกเขาจะอยู่ที่ใด เราต่างรู้ว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คืออาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้”

“ลืมเรื่องของภาคเหนือและถ้ำสวรรค์นิรันดรไปได้เลย พวกมันเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ”

“เราต้องกำจัดภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับแรก!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท