เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1316 เทศกาลไหว้พระจันทร์
แปลโดย iPAT
ไม่กี่วันต่อมา
สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขายืนอยู่บนหอยภูเขาราวกับเจ้าของขณะที่ฟางหยวนบินจากไป
ปัญหาเรื่องหอยภูเขาได้รับการแก้ไขแล้ว
ฟางหยวนในฐานะตัวแทนของตระกูลวูบรรลุข้อตกลงกับสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา แม้สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขาจะได้รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่ แต่สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้ก็ยังคงเป็นของตระกูลวู
วูหยงมอบหมายให้ฟางหยวนออกไปรักษาหอยภูเขา ฟางหยวนรักษามันไว้ได้ส่วนหนึ่งแต่ภารกิจยังถือว่าประสบความสำเร็จ
‘สัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขารับเงื่อนไขของข้าเพราะตระกูลวูที่อยู่เบื้องหลัง’
‘สำหรับวูหยง ตอนนี้เขายุ่งอยู่กับปัญหามากมายที่เกิดจากกองกำลังอื่น เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับผลลัพธ์นี้’
‘ตระกูลวูอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ในฐานะน้องชายของวูหยง ข้าไม่ควรเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกและต้องรีบกลับไปอย่างรวดเร็วที่สุด’
ฟางหยวนพอใจกับผลลัพธ์นี้
เขามีคำอธิบายกับตระกูล สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
เขาสามารถสร้างถ้ำขดด้านได้ทันที
ก่อนหน้านี้เขาคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีและนั่นเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีอุบัติเหตุเช่นการต่อสู้ที่ต้องใช้ลูกพลัมแดงอมตะจำนวนมาก ในปัจจุบันมิติช่องว่างของเขาผลิตลูกพลัมแดงอมตะได้ช้ามาก ฟางหยวนทำได้เพียงเปลี่ยนหินวิญญาณอมตะให้เป็นลูกพลัมแดงอมตะเท่านั้น
ตอนนี้พลังงานอมตะของเขาไม่ใช่องุ่นเขียวอมตะอีกต่อไป เขาต้องใช้หินวิญญาณอมตะถึงหนึ่งร้อยก้อนเพื่อเปลี่ยนเป็นลูกพลัมแดงอมตะหนึ่งผล
‘ข้าต้องจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเพื่อสร้างถ้ำขดด้าย ข้ายังต้องใช้ทรัพยากรอมตะระดับหกไหมสีเข้มและทรัพยากรอมตะระดับเจ็ดหินโศกเศร้า’
‘แต่ด้วยผลกำไรในครั้งนี้ ข้าสามารถรวบรวมสิ่งที่ต้องการทั้งหมด มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น’
‘สิ่งสำคัญคือข้าจะสามารถกลับไปยังอาณาจักรแห่งความฝันได้เมื่อใด? ทัศนคติของวูหยงเป็นปัจจัยสำคัญ!’
ฟางหยวนคิดขณะเดินทางกลับ
ที่สำนักงานใหญ่ของตระกูลวู ผู้อมตะสองคนกำลังพูดถึงวูอี้ไห่
หนึ่งคือผู้อมตะระดับแปดของตระกูลวู วูหยง
อีกหนึ่งคือผู้ช่วยที่เชื่อถือได้ของเขา วูฝา
“ผู้ใดจะคิดว่าน้องชายของข้าจะแก้ปัญหาเรื่องหอยภูเขาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ผู้อาวุโสวูฝา ตามกฎของตระกูล เราจะให้รางวัลใดแก่เขา?” วูหยงถาม
วูฝาเงียบไปชั่วขณะ เขารู้ว่าคำถามของวูหยงมีความนัยซ่อนอยู่ เขากำลังสอบถามทัศนคติของเขาที่มีต่อวูอี้ไห่
เนื่องจากตัวตนของวูอี้ไห่พิเศษมาก เขากับวูหยงเป็นพี่น้องกัน!
วูฝาคิดก่อนตอบ “ท่านวูอี้ไห่มีภูมิหลังเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ”
เขากล่าวเพียงประโยคเดียวแต่มันกลับทำให้วูหยงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ถูกต้อง คำกล่าวของเจ้าถูกต้อง อี้ไห่มีนิสัยของผู้บ่มเพาะสันโดษ แม้เขาจะเข้าร่วมกับตระกูล แต่เขาก็ไม่เคยเปลี่ยน เขามักจะคิดถึงการเก็บเกี่ยวเฉพาะหน้าและมองหาผลประโยชน์ราคาถูกเสมอ”
อย่างไรก็ตามวูฝากลับไม่เห็นด้วย “ยอดเขาเยือกแข็งและหอยภูเขาไม่ใช่ผลประโยชน์ราคาถูก”
เสียงหัวเราะของวูหยงหยุดลง เขาพยักหน้า “นั่นไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน หากทุกคนเป็นเช่นนี้ ตระกูลวูจะดำรงอยู่ได้อย่างไร แต่เขาไม่ได้ข้ามเส้นและไม่ทิ้งจุดอ่อนเอาไว้”
วูหยงถอนหายใจก่อนกล่าวต่อ “เขามีความสามารถบางอย่างจริงๆ”
วูฝาไม่เข้าใจความหมายของของวูหยง
วูหยงไม่พอใจที่ฟางหยวนทำกำไรจากสถานการณ์
แต่สถานการณ์ของตระกูลวูทำให้วูหยงไม่มีทางเลือก เขาขาดกำลังคนและต้องส่งวูอี้ไห่ออกไปจัดการบางเรื่อง
และฟางหยวนก็เปิดเผยความสามารถของเขาออกมาด้วยการจัดการทั้งสองภารกิจ
ความสามารถนี้ได้รับการยอมรับโดยวูหยง ดังนั้นวูหยงจึงยังใช้งานฟางหยวนต่อไป แต่เมื่อเวลาและสถานการณ์ของตระกูลวูคลี่คลายลง ฟางหยวนจะถูกวูหยงทอดทิ้ง ตราบเท่าที่ฟางหยวนทิ้งหลักฐานบางอย่างเอาไว้ วูหยงจะใช้โอกาสนั้นจัดการฟางหยวน
ท้ายที่สุดก็ไม่มีตัวตนระดับสูงคนใดที่รู้สึกสบายใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเช่นฟางหยวน
ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการกลับสู่ตระกูลวู
เขาอธิบายเรื่องราวโดยสังเขปและได้รับรางวัลจากตระกูลวูอีกครั้ง
ฟางหยวนเลือกที่จะแลกเปลี่ยนพวกมันกับหินวิญญาณอมตะ
โดยธรรมชาติจำนวนหินวิญญาณอมตะเหล่านี้ไม่สามารถเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา
วันต่อมาฟางหยวนมีช่วงเวลาที่สงบสุขอีกครั้ง
โครงการสร้างถ้ำขดด้ายคืบหน้าไปอย่างช้าๆ นี่คือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญในปัจจุบัน
ทุกช่วงเวลาหนึ่งฟางหยวนต้องวางมิติช่องว่างจักรพรรดิลงและดูดซับปราณสวรรค์พิภพเพื่อสร้างเสถียรภาพ
ท้ายที่สุดแม้น้ำหวนคืนก็เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ มันเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่สำหรับมิติช่องว่าง
แต่เรื่องนี้มีปัญหาเล็กน้อย
ฟางหยวนไม่สามารถดูดซับปราณสวรรค์พิภพได้โดยตรงเพราะปริมาณที่มันดูดซับแต่ละครั้งมหาศาลมาก
มันจะดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องมองหาทรัพยากรอมตะในสวรรค์สีเหลืองที่สามารถเปลี่ยนเป็นปราณสวรรค์พิภพเพื่อหลอมรวมมันเข้ากับมิติช่องว่างจักรพรรดิ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้กลืนกินพลังงานและเงินสำรองของฟางหยวนเป็นจำนวนมาก แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่เขาสามารถทำได้ในเวลานี้
วันเวลาผ่านไปฟางหยวนเริ่มรู้สึกไม่สามารถอดทน
‘ปัญหาที่อาณาจักรแห่งความฝันคลี่คลายลงแล้ว แต่วูหยงยังไม่ส่งข้ากลับไป ดูเหมือนสิ่งที่ข้ากังวลจะเกิดขึ้นจริงๆ เห้อ…’
ฟางหยวนถอนหายใจ
ในโลกนี้ผู้คนมักไม่มีทางเลือก
วูหยงกำลังยุ่งอยู่กับปัญหาที่รุมเร้าจากทุกทิศทาง เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อสร้างเสถียรภาพ หากเขาปล่อยให้ฟางหยวนกลับไปยังค่ายกลวิญญาณ มันจะไม่ใช่การสร้างปัญหาให้กับตัวเขาเองงั้นหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นวูหยงยังเห็นความสามารถบางอย่างของฟางหยวนและต้องการใช้งานเขาต่อไป
สำหรับการยักยอกทรัพยากรของฟางหยวนระหว่างการทำงาน วูหยงสามารถเพิกเฉยต่อมันในเวลานี้
เขาไม่ได้ติดตามเอาความกับฟางหยวน
‘ดูเหมือนข้าต้องทำบางสิ่ง’
วันนี้ฟางหยวนออกจากที่พักของเขาเพื่อแก้ไขสถานการณ์
ฟางหยวนเป็นจิ้งจอกเฒ่า เหตุใดเขาจะไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์นี้?
สิบสองวันต่อมา บนภูเขาเย่ฮวามีผู้อมตะหลายคนนั่งอยู่รอบโต๊ะหิน
แสงจันทร์ส่องลงบนผิวน้ำ
วิหคราตรีส่งเสียงอยู่ในหุบเขาสีเขียว
สายลมพัดผ่านและสร้างเป็นฉากที่งดงามราวกับภาพฝัน
“วันนี้เป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ของภาคใต้ ข้าขอถือโอกาสนี้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน” เฉียวซื่อหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสียงที่ไพเราะของนางราวกับเสียงของน้ำพุธรรมชาติ
แต่รูปลักษณ์ของนางยิ่งงดงามและล้ำค่ามากกว่า ตอนนี้นางอยู่ในชุดผ้าไหมสีขาวและให้ความรู้สึกราวกับนางฟ้าในนิทาน
“ได้รับคำเชิญจากเทพธิดาซื่อหลิวให้มาร่วมเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้ถือเป็นเกียรติของข้า ลั่วมู่จื่อ” ผู้อมตะหนุ่มผู้หนึ่งเปิดปากกล่าว
เขามองเฉียวซื่อหลิวด้วยสายตาที่เร้าร้อน
เฉียวซื่อหลิวเป็นหนึ่งในสามผู้อมตะหญิงที่งดงามของภาคใต้ แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่านั้นก็คือภูมิหลังของนาง
ตระกูลเฉียวเป็นพันธมิตรของตระกูลวูและเป็นกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะ
ท่างกลางผู้อมตะหกคน มีผู้หญิงสองคนและผู้ชายอีกสี่คน มีชายสองคนในกลุ่มกำลังตามเกี้ยวพาราสีเฉียวซื่อหลิว
ทั้งสองคือลั่วมู่ซือและหลุนเฟย
ในความเป็นจริงมีชายที่หมายปองเฉียวซื่อหลิวมากมาย แต่การได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้หมายความว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับคนอื่นๆ
แน่นอนว่าลั่วมู่ซือและหลุนเฟยมีความสุขกับเรื่องนี้และรีบเดินทางมาทันที
แต่ในเวลานี้เฉียวซื่อหลิวกลับกำลังพูดคุยอยู่กับผู้อมตะชายอีกคน “อี้ไห่ ท่านบอกว่าท่านต้องการผสานตนเองเข้ากับภาคใต้ เทศกาลไหว้พระจันทร์ในคืนนี้ถือเป็นประเพณีสำคัญของคนใต้”
“ภาคใต้จะไหว้พระจันทร์ปีละครั้ง มันเป็นเวลาที่พวกเราจะชื่นชมความงดงามของดวงจันทร์”
ดวงตาของนางส่องประกายระยิบระยับ เสียงที่นุ่มนวลอ่อนหวานดังออกมาจากริมฝีปากสีชมพูทำให้ภาพลักษณ์ของนางดูราวกับเทพธิดาจากสวรรค์
ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยขมวดคิ้วทันที พวกเขามองฟางหยวนด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
ทัศนคติที่แตกต่างของเฉียวซื่อหลิวสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้การจัดที่นั่งยังทำให้ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยรู้สึกอารมณ์เสีย
เหตุผลเป็นเพราะที่นั่งหลักคือเฉียวซื่อหลิวขณะที่ที่นั่งด้านขวามือของนางคือฟางหยวนและที่นั่งด้านซ้ายมือคือเทพธิดาเถียนลู่สหายที่ดีที่สุดของนาง
สำหรับผู้อมตะชายคนอื่นๆ พวกเขาถูกจัดวางอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างห่างไกล
“เทศกาลไหว้พระจันทร์?” ฟางหยวนกล่าวราวกับไม่รู้จักแต่แท้จริงแล้วเขารู้ดี “น่าสนใจ แล้วเราจะทำสิ่งใดอีกนอกจากการชื่มชมดวงจันทร์”
“เราจะดื่มชา ท่องบทกวี และผ่าหิน” เฉียวซื่อหลิวอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ผ่าหิน?” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความงุนงง
เฉียวซื่อหลิวไม่ตอบแต่นางยื่นถ้วยชาให้ฟางหยวน “ก่อนอื่นเชิญชิมชาที่ข้าชงเอง”
ลั่วมู่ซือแทบผุดลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
เปลือกตาของหลุนเฟยกระตุกอย่างรุนแรง
ฟางหยวนจิบชาเบาๆและแสดงความคิดเห็น “ชาไม่เลว”
“ไม่เลวงั้นหรือ? นี่คือชาเกลียวหลิวที่มีชื่อเสียงของเทพธิดาซื่อหลิว!”
“มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้งั้นหรือ?” ฟางหยวนมองเฉียวซื่อหลิว
เฉียวซื่อหลิวที่ถูกฟางหยวนจ้องมองเร่งหลบสายตาและหัวเราะเบาๆ
หัวใจของหลุนเฟยเต้นเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสีนงหัวเราะที่มีเสน่ห์ของเทพธิดาผู้นี้
เป็นเทพธิดาเถียนลู่ที่เปิดปากตอบ “หากท่านเขย่าถ้วยชาเบาๆ ชาเกลียวหลิวจะสร้างน้ำวนขึ้นบนพื้นผิว ท่านจะได้รับรสชาติที่ไม่ธรรมดาเมื่อดื่มในเวลานั้น”
“โอ้ เป็นเช่นนี้” ฟางหยวนเขย่าถ้วยชาและสร้างน้ำวนขึ้นทันที
จากนั้นเขาก็ดื่มมันเข้าไปและรู้สึกถึงกลิ่นชาที่อบอวลอยู่ในปากและลำคอ
“ชาเลิศรส!” ฟางหยวนยกย่อง
“แน่นอนว่าต้องเป็นชาที่ยอดเยี่ยม ชาที่เทพธิดาซื่อหลิวชงด้วยตนเองไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถดื่ม!” ลั่วมู่ซือกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ได้รับการยกย่องจากท่าน ความพยายามของซื่อหลิวไม่สูญเปล่าจริงๆ ท่านควรรู้ว่าชาชนิดนี้ต้องใช้เวลาหกชั่วโมงในการชง” เทพธิดาเถียนลู่กล่าว
หลุนเฟยรู้สึกตื่นเต้นมาก “เป็นเกียรติสำหรับชีวิตของข้าที่ได้ลิ้มรสชาติชาเกลียวหลิวที่เทพธิดาซื่อหลิวชงเองในครั้งนี้”
คิ้วของเทพธิดาเถียนลู่ยกขึ้นทันที “ผู้ใดบอกว่าเจ้าสามารถลิ้มรสชาติชาเกลียวหลิว? ซื่อหลิวใช้เวลาว่างจากตารางงานที่ยุ่งมากของนางเพื่อชงชาถ้วยนี้เท่านั้น”
“อา…”