เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1342

ตอนที่ 1342

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1342 เมื่อพี่ชายตาย น้องชายก็รับช่วงต่อ
ห้องโถงบรรพชน

ห้องโถงบรรพชนอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์บนยอดเขาวูอี้

โดยทั่วไปแล้วทุกกองกำลังจะมีห้องโถงบรรพชนเพื่อเก็บป้ายวิญญาณ โคมไฟวิญญาณ หรือสายป่านโลหิต

วิญญาณสายป่านโลหิตเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งเลือดที่หายาก

กระทั่งนิกายใหญ่ของภาคกลางก็มีเพียงป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณเท่านั้น

วูป๋าชงยืนอยู่ในห้องโถงวิญญาณและมองเศษชิ้นส่วนของวิญญาณที่ถูกทำลายด้วยสายตาว่างเปล่า

ป้ายวิญญาณกลายเป็นเศษไม้ขณะที่โคมไฟวิญญาณแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

วูป๋าชงอายุมากแล้วแต่ร่างกายของเขาแข็งแรงราวกับหมี เส้นผมของเขาเป็นสีขาว จมูกกว้าง คิ้วหนา และมีดวงตาที่แหลมคม เขาเป็นผู้รับผิดชอบสถานที่แห่งนี้

เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของตระกูลวูและเป็นทหารผ่านศึก แต่ตอนนี้หน้าผากของเขายังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

“ท่านวูหยงตายแล้ว!?” วูป๋าชงมองชิ้นส่วนวิญญาณระดับมนุษย์สองดวงและยืนนิ่งอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ผู้อมตะระดับแปด เสาหลักของตระกูลวู เขาจะตายได้อย่างไร!?” วูป๋าชงไม่กล้าจินตนาการหรือเชื่อเรื่องนี้

“ท่านวูหยงตายจริงๆงั้นหรือ?” เขาถามตนเอง

หลังจากทั้งหมดป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์ มีความเป็นไปได้ที่พวกมันจะถูกทำลายด้วยวิธีการบางอย่าง

แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถติดต่อวูหยง ไม่ว่าตระกูลวูจะพยายามอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อเขา นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธ

ไม่ว่าวูหยงจะตายหรือไม่สถานการณ์ของเขาก็ย่อมไม่ใช่เรื่องดี

“ผู้ใดสามารถทำเรื่องนี้?”

“ปีศาจอมตะระดับแปดหรือผู้บ่มเพาะสันโดษระดับแปด?”

“หรือตระกูลอื่นร่วมมือกันเพื่อจัดการตระกูลวูของเรา?”

วูป๋าชงยังคาดเดาต่อไป

ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งว้าวุ่นใจ

วูตู๋ซิ่วเสียชีวิต วูหยงหายตัวไป กองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้ไม่มีผู้อมตะระดับแปดปกป้องอีกต่อไป

นี่เป็นสถานการณ์ร้ายแรง ตระกูลวูกำลังเผชิญหน้ากับหายนะและสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือพวกเขายังไม่รู้ตัวคนร้าย!

หลังจากปรับอารมณ์ ความหวาดกลัวยังเกาะกุมอยู่ในหัวใจของวูป๋าชง

โดยปกติวูตู๋ซิ่วหรือวูหยงจะเป็นผู้จัดการทุกสถานการณ์ แต่ตอนนี้พวกเขาควรทำอย่างไร?

วูป๋าชงตระหนักว่าเขาไม่สามารถแบกรับเรื่องนี้

ในยุคของวูตู๋ซิ่ว เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สอง หลังจากวูหยงเข้ารับตำแหน่ง เขาก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม

ในแง่ของความอาวุโส เขาเป็นหนึ่งในคนที่มีประสบการณ์มากที่สุดของภาคใต้ อย่างไรก็ตามมันไร้ความหมายเพราะเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด พลังการต่อสู้ของเขาไม่โดดเด่น หากต้องต่อสู้กับเฒ่าพฤกษาปาเต๋อ เขาจะพบกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

แม้ตระกูลวูจะมีผู้อมตะระดับเจ็ดหลายคนที่สามารถต่อสู้กับปาเต๋อ แต่วูป๋าชงมีฐานะสูงที่สุดในกลุ่มคนเหล่านี้

ดังนั้นเขาจึงเริ่มคิด ‘ข้าควรทำอย่างไร?’

‘แม้ท่านวูหยงจะยังไม่ตาย แต่เขาก็หายตัวไป ขณะที่ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของเขาแตกสลาย เมื่อข่าวรั่วไหลออกไป มันจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ หัวใจของทุกคนจะสั่นคลอน’

‘ข้าควรซ่อนข้อมูลนี้หรือไม่?’

วูป๋าชงส่ายศีรษะ

ผู้อมตะของตระกูลวูหลายคนรู้ข่าวนี้แล้ว

หากวูหยงตายจริง คนร้ายจะฉวยโอกาสโจมตีตระกูลวูอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปิดข่าวนี้แม้เขาจะต้องการก็ตาม

‘เราต้องตามหาท่านวูหยงอย่างเร่งด่วนหรือข้าควรเรียกผู้อมตะของตระกูลที่อยู่ข้างนอกให้กลับมาปกป้องตระกูล?’

วูป๋าชงขมวดคิ้ว

ทั้งสองตัวเลือกล้วนอันตราย

การตามหาวูหยงอันตรายอย่างแน่นอน ผู้อมตะระดับเจ็ดจะสามารถต่อสู้กับคนที่สามารถทำลายป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของวูหยงได้อย่างไร

ในทางตรงข้ามหากเรียกกลุ่มผู้อมตะกลับมา แหล่งทรัพยากรของตระกูลจะถูกฉกชิงไป ตระกูลวูจะประสบความสูญเสียครั้งใหญ่

แล้วเขาควรทำอย่างไร?

วูป๋าชงลังเล เขาติดอยู่ระหว่างสองทางเลือกที่ยากลำบาก

เมื่อเวลาผ่านไป เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากและตัดสินใจปัดทางเลือกทั้งสองทิ้งไป เขาจะจัดประชุมและจะดำเนินการตามมติของที่ประชุม

วูหยงหายตัวไปและไม่สามารถติดต่อ พายุใหญ่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ

…..

ภาคใต้ ค่ายกลวิญญาณ

ฟางหยวนนั่งปิดเปลือกตาบ่มเพาะขณะฟังรายงานจากเทพธิดากระต่ายขาว

เทพธิดากระต่ายขาวได้รับมรดกที่แท้จริงกระต่ายขาว

นี่เป็นมรดกที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในภาคใต้ ผู้รับสืบทอดมรดกนี้ต้องมีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ เมื่อพวกเขาบ่มเพาะมันในอนาคต พวกเขาก็ยังต้องรักษาจิตใจที่บริสุทธิ์เอาไว้ มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถใช้ทักษะของมรดกนี้ หากฝ่าฝืน พวกเขาจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ

แน่นอนว่าเทพธิดากระต่ายขาวมีคุณสมบัติดังกล่าวและได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วไป

วูอันสังเกตเห็นสิ่งนี้ตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงโน้มน้าวเทพธิดากระต่ายขาวให้เป็นคนกลางในการดำเนินธุรกิจซื้อขายโอกาส

เทพธิดากระต่ายขาวจะเข้ามาภายในค่ายกลวิญญาณและรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับธุรกิจซื้อขายโอกาสให้ฟางหยวนทราบเป็นครั้งคราว

แม้ฟางหยวนจะไม่ได้รับประโยชน์จากธุรกิจนี้ แต่เขาต้องรับฟังสถานการณ์ทางธุรกิจเพราะมันทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆอาณาจักรแห่งความฝัน

เสียงของเทพธิดากระต่ายขาวเหมือนสายน้ำที่ราบเรียบ นางกล่าวพร้อมกับมองหน้าฟางหยวน

ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของวูอี้ไห่ ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาและสง่างามมาก

เทพธิดากระต่ายขาวตกหลุมรักเขาอย่างหมดหัวใจ นางจงใจกล่าวช้าๆเพื่อใช้เวลาอันมีค่านี้กับฟางหยวน

น่าเสียดายที่ทุกครั้งที่นางพบฟางยวนห เขาจะพูดเพียงสองประโยค ประโยคแรกคือขอให้เทพธิดากระต่ายขาวนั่งลงและรายงาน ประโยคที่สองคือบอกให้นางจากไป

แต่ถึงกระนั้นเทพธิดากระต่ายขาวก็พอใจมากแล้ว

นางรู้ดีว่าวูอี้ไห่มีสถานะสูงส่ง นางรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยและไม่สามารถเปรียบเทียบกับฟางหยวน นางมีความสุขมากแล้วที่ได้ใช้เวลากับเขาในลักษณะนี้

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงของเทพธิดากระต่ายขาวหยุดลง

เพราะนางเห็นการแสดงออกของฟางหยวนที่เปลี่ยนแปลงไป

สถานการณ์นี้หาได้ยากมาก หัวใจของเทพธิดากระต่ายขาวบีบรัดตัวแน่น เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านวูอี้ไห่? เขากำลังพบกับปัญหาใดหรือไม่?

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างอุกอาจ

“วูอี้ไห่ ตอนนี้เจ้ายังมีอารมณ์ผ่อนคลายและใช้เวลาอยู่กับผู้หญิงอีกงั้นหรือ?” ผู้อมตะหญิงผู้หนึ่งบุกเข้ามาในห้องโถง

เทพธิดากระต่ายขาวหันหลังกลับเพื่อพบกับหญิงสาวในชุดสีเขียว ผิวของนางขาวราวหิมะ ร่างกายของนางละเอียดอ่อนราวกับต้นหลิว

นางมีใบหน้าที่งดงามมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่ทรงเสน่ห์ของนางที่ซ่อนอยู่ภายใต้แพขนตายาว

‘นางคือเฉียวซื่อหลิวของตระกูลเฉียว!’ เทพธิดากระต่ายขาวจำหญิงผู้นี้ได้ทันทีขณะที่นางกลายเป็นตื่นตระหนก

นางรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหญิงผู้นี้กับฟางหยวน

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือเกี่ยวกับฟางหยวนและเฉียวซื่อหลิวที่แพร่กระจายออกไป

‘เทธิดาซื่อหลิวงดงามสมคำล่ำลือ’

‘มีเพียงคนเช่นนี้ถึงจะคู่ควรกับท่านวูอี้ไห่’

เทพธิดากระต่ายขาวคิดเช่นนี้ขณะที่นางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

เฉียวซื่อหลิวมองเทพธิดากระต่ายขาวที่กำลังก้มหน้าลงและดูเหมือนจะไม่สนใจแต่แท้จริงแล้วนางสนใจมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวซื่อหลิวได้พบกับเทพธิดากระต่ายขาว

นางพิจารณาร่างกายที่บอบบางของเทพธิดากระต่ายขาว ดวงตาสีทับทิม หูกระต่ายที่น่ารักและพบว่าหญิงผู้นี้ด้อยกว่านางเพียงเล็กน้อย แต่ผู้ชายมักชื่นชอบสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่เต็มไปด้วยความน่ารักเช่นนี้เสมอ

‘แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาจัดการเรื่องนาง’ เฉียวซื่อหลิวลอบถอนหายใจ นางเดินผ่านเทพธิดากระต่ายขาวและเดินเข้าไปหาฟางหยวน

ฟางหยวนเปิดเปลือกตาและลุกขึ้นพร้อมกับเผยรอยยิ้ม “เทพธิดา การมาเยือนของท่านช่างน่ายินดีนัก”

เทพธิดากระต่ายขาวมองฟางหยวนและคิดด้วยความงุนงง ‘วูอี้ไห่ยิ้มอีกครั้ง ข้าไม่เห็นเขายิ้มมานานแล้ว เมื่อเขายิ้ม เขาดูเหมือนดวงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ หากเพียงแค่เขาจะยิ้มให้ข้า!’

เฉียวซื่อหลิวมองฟางหยวนอย่างจริงจัง “ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้เรื่องจริงๆ! เห้อ…คำกล่าวต่อไปของข้าจะทำให้เจ้าตกตะลึงและไม่มีความสุข”

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

เฉียวซื่อหลิวไม่ตอบ นางหันหน้าไปทางเทพธิดากระต่ายขาวและกล่าว “เจ้าออกไปก่อน ข้าต้องการคุยกับเจ้านายของเจ้า”

“อา…” เทพธิดากระต่ายขาวมึนงง

ฟางหยวนโบกมือ “กระต่ายขาว ออกไปก่อน”

เทพธิดากระต่ายขาวไม่กล้าไม่ทำตามและต้องจากไปเท่านั้น

เมื่อประตูปิดลง เฉียวซื่อหลิวก็เริ่มกล่าว “วูหยงหายตัวไป ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณของเขาถูกทำลาย ข่าวยังไม่แพร่กระจายออกไป แต่ตอนนี้ตระกูลวูกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย”

“กระไรนะ!?” ฟางหยวนตกตะลึง

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป

ป้ายวิญญาณและโคมไฟวิญญาณถูกทำลาย มันหมายความว่าวูหยงตายแล้ว

เขาเป็นเสาหลักของตระกูลวู หากเขาตาย ตระกูลวูจะปกป้องอาณาจักรของพวกเขาได้อย่างไร?

เฉียวซื่อหลิวกล่าวต่อ “อี้ไห่ ข้ามาที่นี่เพื่อยืมมือเจ้า เจ้าเป็นน้องชายของวูหยง เจ้าเป็นคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดที่สุดของเขาและมีระดับการบ่มเพาะที่เพียงพอ เมื่อวูหยงหายตัวไป เจ้าต้องรับช่วงต่อและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูลวู”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท