เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1344

ตอนที่ 1344

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1344 บ้านไม้ไผ่สายลม
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” เฉียวซื่อหลิวไม่เข้าใจ

ฟางหยวนไม่ตอบ เขาเดินไปรอบๆและใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาคิด

สถานการณ์ซับซ้อนมาก ผู้บงการอยู่เบื้องหลังยังซ่อนตัวอยู่ในขณะที่วูหยงหายสาบสูญ ทุกอย่างถูกปกคลุมไปด้วยชั้นเมฆหมอก แต่ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดสินใจดำเนินการบางอย่าง

เขาไม่มีทางเลือก

ผู้อมตะตระกูลวู ผู้อมตะตระกูลเฉียว รวมถึงสถานการณ์ของภาคใต้ ทั้งหมดราวกับถูกบังคับให้ออกจากค่ายกลวิญญาณ

นี่คือความไร้หนทางของฝ่ายธรรมะ

ฟางหยวนต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบที่ยากลำบาก

เขาไม่อยากเป็นตัวหมากของตระกูลวูและตระกูลเฉียว เขาต้องการรักษาผลประโยชน์ของเขาเอาไว้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้

แต่เขาจะทำอย่างไร?

ฟางหยวนคาดเดาความตั้งใจและความปรารถนาของวูป๋าชงไว้แล้ว

‘บางทีข้าอาจใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้’ ฟางหยวนตัดสินใจ

เขาหยุดเดินไปรอบๆและเผชิญหน้ากับเฉียวซื่อหลิว “เมื่อพวกเขาต้องการให้ข้าเป็นผู้นำ ข้าก็จะออกคำสั่ง”

“อี้ไห่ นี่คือสิ่งที่วีรบุรุษจะกระทำ!” ดวงตาของเฉียวซื่อหลิวส่องประกายขึ้น

ฟางหยวนกล่าวต่อ “คนร้ายยังซ่อนตัวอยู่ เราต้องเดินหมากโดยคำนึงถึงความปลอดภัย ข้าจะสั่งให้ผู้อมตะของตระกูลวูสละแหล่งทรัพยากรที่อยู่ห่างไหลและกลับมาที่ภูเขาวูอี้ เราจะกระตุ้นใช้งานคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพื่อป้องกันภัยมืด”

เฉียวซื่อหลิวพอใจกับการกระทำของฟางหยวน

ฟางหยวนบอกให้นางทราบถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องภายในของตระกูลวูและไม่ปฏิบัติต่อนางในฐานะคนนอก

เฉียวซื่อหลิวมีความสุขมาก นางกล่าว “นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัย แต่มันก็เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ กองกำลังที่อยู่รอบๆจะบุกเข้ายึดครองแหล่งทรัพยากรเหล่านั้น”

“เราไม่มีทางเลือก ความแข็งแกร่งของตระกูลวูกระจัดกระจายเกินไป ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน เราทำได้เพียงจัดขบวนทัพใหม่เพื่อป้องกันภัยคุกคามในอนาคต” ฟางหยวนถอนหายใจ

“นั่นสมเหตุสมผลแล้ว ไปกันเถอะ เราควรกลับภูเขาวูอี้” เฉียวซื่อหลิวเห็นด้วยกับความคิดของฟางหยวน

แต่ฟางหยวนกลับส่ายศีรษะ “ไม่ เราจะไม่ไป”

“มันอันตรายเกินไป”

“กระทั่งพี่ชายของข้ายังถูกซุ่มโจมตี เราเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด คนร้ายสามารถจัดการพวกเราได้อย่างง่ายดาย”

“หากผู้บงการคนนี้ต้องการทำลายตระกูลวู เป้าหมายต่อไปของพวกเขาก็คือข้า ข้าจะออกไปตอนนี้ได้อย่างไร? เส้นทางกลับตระกูลวูอันตรายเกินไป!”

ข้อแก้ตัวของฟางหยวนสมบูรณ์แบบมาก

การแสดงออกของเฉียวซื่อหลิวกลายเป็นเคร่งขรึม นางพยักหน้า “ถูกต้อง! เราต้องปลอดภัย จะดีกว่าหากพวกเขานำคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมารับพวกเรา”

หลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวเฉียวซื่อหลิว นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่เขายังขมวดคิ้ว

แม้เขาจะสามารถอยู่ในค่ายกลวิญญาณต่อไป แต่เขาจะอยู่ได้นานเพียงใด?

ความตายของวูหยงยังไม่แน่ชัด สถานการณ์นี้ทำให้แม้แต่ฟางหยวนที่รู้อนาคตบางอย่างยังรู้สึกหมดหนทาง

…..

ในค่ายกลแม่น้ำโลหิตสีม่วง

ตอนนี้มีแม่น้ำเลือดมากกว่าสิบสาย

ความคิดสีม่วงปะทุออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง

ไท่เมี่ยนเฉินตะโกนเสียงดังและส่งม่านทรายออกมาปกป้องตนเอง

แต่ความคิดสีม่วงเปลี่ยนจากของแข็งเป็นภาพหลอนและทะลวงผ่านการป้องกันของไท่เมี่ยนเฉินเข้าไปโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

“บัดซบ!” ไท่เมี่ยนเฉินกัดฟันแน่น เขาไม่สามารถต่อต้านการโจมตีชนิดนี้

แต่ในช่วงเวลาวิกฤต สายลมกลับพัดมาและทำให้ภาพหลอนเหล่านั้นแตกเหมือนฟองสบู่

“เกือบแล้ว…” ไท่เมี่ยนเฉินหันหน้าไปขอบคุณวูหยง

ความคิดสีม่วงก่อตัวเป็นพายุหมุนอยู่รอบๆวูหยงพร้อมกับอสูรโลหิตที่ปะปนอยู่ภายใน

แต่กระทั่งการต่อสู้จะดุเดือด วูหยงก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บ เขายังมีพลังงานเหลือพอที่จะดูแลไท่เมี่ยนเฉินและเฉียวจื่อไคที่อยู่ห่างออกไป

“ค่ายกลนี้เป็นค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งภูตผี หากเราไม่กำจัดซากศพค้างคาวมรณะ มันจะไม่จบสิ้น” เฉียวจื่อไคตะโกน

เขาต้องตะโกนเพราะวิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาเช่นการถ่ายทอดความคิดใช้งานไม่ได้

ไท่เมี่ยนเฉินมองไปรอบๆและพบซากศพค้างคาวมรณะสามสิบถึงสี่สิบศพ ส่วนใหญ่เป็นค้างคาวมรณะระดับสัตว์อสูรเดียวดายแต่ยังมีค้างคาวมรณะระดับสัตว์อสูรบรรพกาลหลายตัวและกระทั่งค้างคาวมรณะระดับสัตว์อสูรแรกำเนิดหนึ่งตัว

ไท่เมี่ยนเฉินตระหนักถึงบางสิ่ง

ซากค้างคาวเหล่านี้ค่อยๆหลอมละลายไปกับแม่น้ำเลือด บางส่วนเปลี่ยนเป็นความคิดสีม่วง

แต่กระทั่งเขาจะรู้เรื่องนี้ แล้วอย่างไร?

ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเริ่มต่อสู้ ราชันภูเขาม่วงก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

วูหยงถูกขังอยู่ที่นี่และพยายามป้องกันการโจมตีทั้งหมด

‘ไม่ใช่เรื่องฉลาดที่จะให้ท่านวูหยงทำลายซากค้างคาวมรณะที่ผู้อมตะผมม่วงพยายามใช้มันสร้างความได้เปรียบ’

‘ในสถานการณ์นี้ เฉียวจื่อไค่และข้าต้องร่วมมือกันกำจัดซากศพค้างคาวมรณะ’

‘หากผู้อมตะผมม่วงโจมตี ท่านวูหยงจะสามารถหยุดเขาและปกป้องพวกเรา…’

แต่หากวูหยงทำไม่ได้หรือการช่วยพวกเขาอาจทำให้สูญเสียโอกาสที่จะทำลายค่ายกลวิญญาณนี้ วูหยงจะทำอย่างไร?

ไท่เมี่ยนเฉินลังเลเพราะพวกเขาขาดความไว้วางใจซึ้งกันและกัน

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้กลิ่นอายที่แปลกประหลาดกลับปะทุออกมาจากใจกลางสนามรบ

แขนเสื้อของวูหยงกระพือขึ้นและทำให้เขาดูราวกับราชาแห่งสายลม

“เมื่อเจ้าต้องการเห็นวิญญาณอมตะระดับแปดที่แม่ข้าทิ้งไว้ ข้าก็จะแสดงให้เจ้าดู!” วูหยงคำรามเสียงเย็น

ความคิดสีม่วงถูกพัดออกไป แม่น้ำเลือดเกิดความปั่นป่วน

เฉียวจื่อไคตะลึงแต่ยังรู้สึกสนุนสนานอยู่ภายใน

ไท่เมี่ยนเฉินกรีดร้องด้วยความประหลาดใจ “นี่คือ…คฤหาสน์วิญญาณอมตะงั้นหรือ!?”

วูหยงโจมตีโดยปราศจากการแจ้งเตือน

เขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะแต่เขานำคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาจากมิติช่องว่างของเขาโดยตรง

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ไม่ได้ดูยิ่งใหญ่ มันมีลักษณะเหมือนบ้านไม้ไผ่ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในภาคใต้และมักถูกสร้างขึ้นบนภูเขา

บ้านสองชั้นสร้างจากไม้ไผ่ทั้งหมด มันมีกระทั่งใบไผ่ที่แตกใบอยู่บนต้นไผ่และน้ำค้างที่หยดลงมา

วูหยงบินเข้าไปในบ้านไม้ไผ่หลังนี้

เขานั่งอยู่ริมหน้าต่างและส่งน้ำค้างสิบหยดพุ่งออกจากหลังคา

ทุกที่ที่พวกมันเคลื่อนผ่าน ไม่ว่าจะเป็นความคิดสีม่วงหรือแม่น้ำเลือด ทุกสิ่งจะสลายไปตามสายลม

“น่าประทับใจมาก!” เฉียวจื่อไคชมเชย การเคลื่อนไหวนี้ช่วยคลี่คลายวิกฤตของเขา

‘เดิมทีตระกูลวูมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลัง แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะมีสี่! และคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้มีกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับแปดสองดวง…วูหยงซ่อนมันไว้ลึกจริงๆ’ ไท่เมี่ยนเฉินคิดด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านขึ้น

ผู้อมตะทั้งสองได้รับการช่วยชีวิตและสามารถเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะของวูหยง

“นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่แม่ของข้าสร้างขึ้น บ้านไม้ไผ่สายลม” วูหยงอธิบาย

“ยอดเยี่ยมมาก! ด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ เราจะไม่เสียเปรียบและจะสามารถหลบหนี” เฉียวจื่อไครู้สึกยินดี

หากวูหยงใช้วิญญาณอมตะระดับแปดสองดวงของวูตู๋ซิ่วเพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะ เฉียวจื่อไคจะกังวลมากเพราะมันมีโอกาสล้มเหลว ยิ่งท่าไม้ตายทรงพลังเท่าใด มันก็ยิ่งมีโอกาสล้มเหลวและได้รับผลกระทบย้อนกลับเท่านั้น

วูหยงได้รับวิญญาณอมตะระดับแปดสองดวงนี้มาในระยะเวลาสั้น

โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องจัดการปัญหามากมายของตระกูลวู แล้วเขาจะมีเวลาฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะมากน้อยเพียงใด นี่เป็นปัญหาใหญ่

แต่ตอนนี้วิญญาณอมตะระดับแปดทั้งสองกลับถูกใช้สร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะ ทุกคนรู้ดีว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะใช้งานง่ายและไม่มีผลกระทบย้อนกลับ

อารมณ์ของไท่เมี่ยนเฉินซับซ้อนมากกว่า เขาคิด ‘ตระกูลวูมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสี่หลังและนี่เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่เหนือกว่าวิญญาณอมตะอีกสามหลัง ตราบเท่าที่พวกเขามีพลังงานอมตะเพียงพอ มันก็เหมือนกับตระกูลวูมีผู้อมตะระดับแปดสามคน วูหยงเก็บเรื่องนี้ไว้ลึกจริงๆ!’

ด้วยวิธี้นี้ เขาจึงต้องประเมินวูหยงใหม่อีกครั้ง

ตระกูลวูเผชิญหน้ากับภัยคุกคามรอบตัว พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ แต่ตราบเท่าที่เขาใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้ ปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข ชื่อเสียงของตระกูลวูจะพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งและกองกำลังอื่นจะหยุดความโลภของพวกเขา

แต่วูหยงกลับไม่ทำ

เขาใช้กำลังของตนเองเพื่อจัดการปัญหาต่างๆและซ่อนคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้เอาไว้ กระทั่งผู้อมตะตระกูลวูก็ยังไม่รู้เรื่องนี้

หากพวกเขาไม่ติดอยู่ในค่ายกลนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าวูหยงมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดซ่อนอยู่

‘ด้วยสิ่งนี้ วูหยงก็ไม่ด้อยกว่าวูตู๋ซิ่ว โชคดีที่ตระกูลไท่ของข้าอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของภาคใต้ ขณะที่ตระกูลวูอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียวใต้ เราอยู่ห่างกันและก่อนหน้านี้ตระกูลไท่ก็ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับตระกูลวู’ ไท่เมี่ยนเฉินลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

กองกำลังใหญ่ของภาคใต้ปกครองอาณาเขตของตนมาอย่างยาวนาน พวกเขาเข้าใจกันอย่างชัดเจน แต่เมื่อวูตู๋ซิ่วเสียชีวิต ความสมดุลนี้จึงพังทลายลง ดังนั้นกองกำลังอื่นจึงพยายามฉกฉวยผลประโยชน์จากตระกูลวู

แต่ทันทีที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ถูกเปิดเผยออกไป มันจะเข้าแทนที่วูตู๋ซิ่วและสามารถปราบปรามภาคใต้อีกครั้ง

วูหยงวางแผนอย่างลึกซึ้ง เมื่อเขานำคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ออกมา ตระกูลอื่นจะพบกับความทุกข์ทรมานและการสูญเสียครั้งใหญ่!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท