เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1359

ตอนที่ 1359

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1359 การแทรกแซงของวังสวรรค์
ฟางหยวนพบสิ่งที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

อายุขัยของกายาแห่งความฝันมีความสัมพันธ์กับระดับการบ่มเพาะของพวกมัน ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูง อายุขัยของพวกมันก็ยิ่งสั้น ในทางตรงข้าม กายาแห่งความฝันระดับมนุษย์มีชีวิตได้ถึงสองหรือสามปี นี่เป็นการวิจัยของฟางหยวนในระยะเวลาสั้นๆนี้

‘ก่อนหน้านี้ข้าสงสัยว่าเหตุใดนิกายเงาถึงไม่ใช่วิธีนี้สร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมากระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน’

‘แต่ดูเหมือนการสร้างกายาแห่งความฝันเช่นอิงอู๋เซี่ยจะไม่ใช่เรื่องง่าย’

‘เพื่อช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกเขาต้องสร้างกายาแห่งความฝันจำนวนมากเพื่อลดปริมาณอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขามีความมุ่งมั่นอย่างมาก!’

ฟางหยวนถอนหายใจและตระหนักถึงทัศนคติที่แน่วแน่ของนิกายเงา

ไม่เพียงฟางหยวนที่จับกายาแห่งความฝัน แต่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะคนอื่นๆก็ไม่โง่ พวกเขาเริ่มจับเชลยบางคนเช่นกัน

กายาแห่งความฝันคือผลลัพธ์จากงานวิจัยของนิกายเงา ผู้ใดก็ตามที่สามารถค้นคว้าเกี่ยวกับพวกมัน พวกเขาจะมีความก้าวหน้าอย่างมากในการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝัน

อย่างไรก็ตามนิกายเงายังทำสิ่งนี้โดยไม่ลังเล

นี่เป็นฉากที่วุ่นวายมาก

ราชันภูเขาม่วงยังไม่ปรากฏตัว เขายังสร้างกายาแห่งความฝันต่อไป

รังไหมแสงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อาณาจักรแห่งความฝันกลายเป็นยุ่งเหยิงและทำให้ภูมิประเทศซับซ้อนมากขึ้น

ฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจต่อสู้กันอย่างดุเดือด

แม้ฝ่ายธรรมะจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่สนามรบวุ่นวายมากเกินไป ดังนั้นกายาแห่งความฝันจึงสามารถออกจากสนามรบท่ามกลางความสับสน

‘บัดซบ! เทพปีศาจจิตวิญญาณอาจซ่อนตัวอยู่ในร่างเหล่านี้!’ ฟางหยวนสังเกตและกำลังจะโจมตีจากระยะไกล แต่ทันใดนั้น!

แสงที่แหลมคมเหมือนเข็มกลับพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

กายาแห่งความฝันถูกโจมตีโดยตรงและเสียชีวิตลงทันที

‘หือ? ผู้ใด!?’ รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง

เขาเป็นคนควบคุมสถานการณ์ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นสิ่งนี้

ราชันภูเขาม่วงขมวดคิ้ว ‘ในที่สุดวังสวรรค์ก็ลงมือ!’

เขาคาดเดาสิ่งนี้ไว้แล้ว ด้วยการเตรียมการบางอย่างในสวรรค์สีขาว หอคอยดวงตาสวรรค์จึงถูกขัดขวางอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

แต่น่าเสียดายที่ฟางหยวนกอบกู้สถานการณ์ไว้ได้ แผนการของราชันภูเขาม่วงจึงหยุดชะงัก

ค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะขัดขวางแผนการของราชันภูเขาม่วงเป็นอย่างมาก

เขาสูญเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดไปแล้ว หอคอยดวงตาสวรรค์เข้าสู่การต่อสู้ในที่สุด

“ครืน…”

แสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและกำจัดกายาแห่งความฝันที่พยายามหลบหนีออกจากสนามรบอย่างง่ายดาย

ต่อมาคฤหาสน์วิญาณอมตะที่ยิ่งใหญ่ก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า

ภาพที่น่าตื่นตานี้ดึงดูดความสนใจของผู้อมตะทั้งหมด

พวกเขาเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า บางคนงุนงง แต่ผู้อมตะส่วนใหญ่จำหอคอยดวงตาสวรรค์ได้ในทันที

หลังจากทั้งหมดหอคอยดวงตาสวรรค์มีชื่อเสียงมากเกินไป

วังสวรรค์!

กลุ่มผู้อมตะตกใจมาก

การแทรกแซงของวังสวรรค์ทำให้การต่อสู้นี้ยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้นไปอีก

ชั้นบนสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์ ราชันมังกรกำลังเฝ้ามองสนามรบ

“ปีศาจจิตวิญญาณเจ้าเล่ห์เกินไป เราไม่สามารถปล่อยให้กายาแห่งความฝันหลบหนีไป พวกมันต้องตายทั้งหมด! แน่นอนว่ากายาแห่งความฝันเหล่านี้อาจเป็นเหยื่อล่อ เทพปีศาจจิตวิญญาณอาจแฝงตัวอยู่ในผู้อมตะคนอื่นๆ ดังนั้นผู้อมตะทั้งหมดจะต้องถูกกำจัด!”

“รับทราบ” ด้านหลังราชันมังกร เทพธิดาจื่อเว่ยและผู้อมตะอีกจำนวนหนึ่งตอบรับคำสั่ง

ราชันมังกรคิดก่อนกล่าว “เราจะกำจัดสมาชิกนิกายเงาก่อน แต่ผู้ใดที่พยายามออกจากสนามรบจะถูกกำจัดทั้งหมด!”

หอคอยดวงตาสวรรค์บินลงมาราวกับภูเขาสูงตระหง่านที่ทรงพลังอำนาจ

สนามรบที่วุ่นวายกลายเป็นหยุดนิ่ง

หอคอยดวงตาสวรรค์ทรงพลังเกินไป การเคลื่อนไหวของมันจะตัดสินทิศทางของการต่อสู้

หัวใจของผู้อมตะฝ่ายธรรมะเต้นแรง

วังสวรรค์มาจากภาคกลาง พวกเขาจะเป็นกำลังเสริมให้ฝ่ายใด?

ฝ่ายนิกายเงาตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าวังสวรรค์และนิกายเงาเป็นศัตรู

การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นเคร่งขรึม โดยเฉพาะเมื่อเขามองไปที่หอคอยดวงตาสวรรค์ คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นแม้เขาจะคาดคิดไว้แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นก็ตาม

‘วังสวรรค์ปรากฏตัวอีกครั้ง สถานการณ์เลวร้ายมาก พวกเขาสามารถสร้างหอคอยดวงตาสวรรค์ขึ้นมาใหม่ได้ในเวลาอันสั้น ข้าสงสัยว่าคราวนี้มีผู้อมตะระดับแปดมาที่นี่กี่คน!?’

การปรากฏขึ้นของหอคอยดวงตาสวรรค์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อแผนการของฟางหยวน

แต่โชคดีที่ฟางหยวนอยู่ในค่ายกลวิญญาณ มันสามารถป้องกันการโจมตีจากหอคอยดวงตาสวรรค์

ฟางหยวนมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับหอคอยดวงตาสวรรค์มาก่อน

แม้มันจะใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุด แต่ฟางหยวนคาดเดาว่าค่ายกลวิญญาณนี้ยังสามารถรับการโจมตีได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง

ฟางหยวนตัดสินใจสังเกตสถานการณ์ต่อไป

ราชันภูเขาม่วงเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งปัญญา แล้วเขาจะไม่มีแผนสำรองได้อย่างไร?

ราชันภูเขาม่วงถ่ายทอดคำสั่ง “จ้าวเย่ฮุ้ย ตามข้อตกลงของเรา ศัตรูของเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้ารอสิ่งใดอยู่ พวกเขามาจากวังสวรรค์!”

“วังสวรรค์!?” จ้าวเย่ฮุ้ยคำรามและระเบิดคลื่นเสียงออกไปรอบๆ

“บึม!”

พลังงานความมืดระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวเย่ฮุ้ยและทำให้ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางหมอกสีดำ

หลังจากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปหาหอคอยดวงตาสวรรค์ราวกับกระสุนปืนใหญ่

หอคอยดวงตาสวรรค์ระเบิดพลังออกมา แต่หมอกดำที่ปกคลุมร่างของจ้าวเย่ฮุ้ยช่วยปกป้องและอนุญาตให้มันทะลวงผ่านอุปสรรคทั้งหมด

จ้าวเย่ฮุ้ยเคลื่อนที่ราวกับอุกกาบาตและเดินทางผ่านระยะทางหลายร้อยลี้ไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์ในเสี้ยวพริบตา

“ฮืม! อวดดี!” ราชันมังกรก่นเสียงเย็นและกระตุ้นใช้พลังอำนาจของหอคอยดวงตาสวรรค์ทันที

ทันใดนั้นโลกทั้งหมดพลันถูกอาบย้อมไปด้วยแสงสีขาว

นี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของหอคอยดวงตาสวรรค์ พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา!

มันพึ่งพาพลังอำนาจของวิญญาณชะตากรรมระดับเก้า

การโจมตีนี้ไม่สามารถหลบเลี่ยง ตราบเท่าที่ยังไม่บรรลุระดับเก้า ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ต้องพ่ายแพ้ต่อการโจมตีนี้

แสงสีขาวระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง

ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจ ทุกคนต่างกระอักเลือดออกมาและได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้คนส่วนใหญ่หมดสติ ณ จุดเกิดเหตุ

ครึ่งหนึ่งของสนามรบถูกเก็บกวาดทันที

มีผู้อมตะบางคนที่ได้รับการปกป้องโดยอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขาไม่ถูกแสงและรอดชีวิตมาอย่างฉิวเฉียด

กระทั่งจ้าวเย่ฮุ้ยยังไม่สามารถต่อต้าน มันตกลงบนพื้นและกระอักเลือดออกมา แต่ไม่นานมันก็คลานขึ้นมาและอ้าปากคำรามไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์

ในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะภาคกลางแสดงออกด้วยความตกใจ

แม้แต่ราชันมังกรยังประหลาดใจ

จ้าวเย่ฮุ้ยไม่ตายเพราะการโจมตีพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา นั่นเป็นเรื่องปกติ มันแข็งแกร่งกว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั่วไปและมีความสามารถในการฟื้นตัวที่ไม่น่าเชื่อ

จ้าวเย่ฮุ้ยเป็นปัญหาของโลกผู้อมตะภาคใต้มาอย่างยาวนาน ผู้อมตะภาคใต้เคยระดมคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพื่อฆ่ามันแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาเพียงได้รับชัยชนะเท่านั้น

แต่อาการบาดเจ็บของจ้าวเย่ฮุ้ยก็น้อยกว่าการคาดเดาของราชันมังกรไปมาก

จ้าวเย่ฮุ้ยสามารถบ่มเพาะ หลังจากหลายปี มันจึงแข็งแกร่งขึ้น นอกจากนั้นมันยังได้รับความช่วยเหลือจากนิกายเงา ราชันภูเขาม่วงจงใจมอบวิญญาณอมตะให้มันเพื่อสร้างท่าไม้ตายมากมาย

เมื่อจ้าวเย่ฮุ้ยยืนขึ้นอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของมันก็หายดีแล้ว

ความเร็วในการฟื้นตัวของมันน่ากลัวมาก

มันพุ่งเข้าไปหาหอคอยดวงตาสวรรค์อย่างไม่เกรงกลัว

ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายเย็นเยียบ เขาใช้การโจมตีพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาอีกครั้ง

จ้าวเย่ฮุ้ยล้มลงบนพื้น แต่ในไม่ช้ามันก็ลุกขึ้น แม้มันจะได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง แต่มันยังเต็มไปด้วยพลังงาน

ผู้อมตะภาคกลางตกตะลึงเป็นอย่างมาก

“นี่คือความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรแรกกำเนิดในตำนานงั้นหรือ? น่าอัศจรรย์นัก!”

“มีเรื่องยุ่งยากเล็กน้อย” เทพธิดาจื่อเว่ยแสดงออกด้วยใบหน้าที่น่ากลัว ความแข็งแกร่งของจ้าวเย่ฮุ้ยเกินกว่าจินตนาการของนาง แม้หอคอยดวงตาสวรรค์จะสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังเช่นพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา แต่มันก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

ท้ายที่สุดวิญญาณชะตากรรมระดับเก้าก็ยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บอย่างสมบูรณ์

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท