เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1357

ตอนที่ 1357

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1357 ควบคุมฝ่ายธรรมะ
ร่างกายของปาเต๋อสั่นเทาเมื่อเขาฟื้นคืนสติ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย

ก่อนที่จื่อกุ้ยจะหมดสติ เขาให้ฟางหยวนยืมวิญญาณทั้งหมดของค่ายกลวิญญาณนี้ ดังนั้นตอนนี้ฟางหยวนจึงกลายเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณทั้งหมด

‘ดีมาก ตอนนี้ค่ายกลวิญาณนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า ข้ามีอำนาจเหนือทุกคนในสนามรบแห่งนี้!’

การเสียสละวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดไม่ได้ไร้ประโยชน์

ด้วยวิธีนี้เขาจะมีพลังอำนาจเพียงพอและสามารถรอคอยโอกาส

เขากล่าวกับผู้อมตะฝ่ายธรรมะอย่างเคร่งขรึม “ออกไปให้ห่างจากข้า หากผู้ใดเข้าใกล้ข้าจะถือว่าคนผู้นั้นเป็นคนทรยศและจะถูกขับไล่ออกจากกลุ่ม”

“หมายความว่าอย่างไร?” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะมองฟางหยวนด้วยความระมัดระวัง

ปาเต๋อเร่งอธิบาย “ข้าเห็นด้วยกับวูอี้ไห่ ห้ามผู้ใดเข้าใกล้เขา จื่อกุ้ยได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติไปแล้ว มันเกิดการจากลอบโจมตีโดยคนทรยศปาฉวนฟง!”

เขาส่งภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ผ่านวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งหมด

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตกตะลึง พวกเขารู้แล้วว่าหากฟางหยวนไม่กอบกู้ค่ายกลวิญญาณนี้ พวกเขาจะตายกันหมด

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้แต่พวกเขาก็เริ่มระวังตัวมากขึ้นเช่นกัน

ปาเต๋อมองฟางหยวนก่อนจะกลับไปจัดการสถานการณ์

แม้ปาเต๋อจะไม่สามารถรักษาจื่อกุ้ย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆจะไม่สามารถทำได้

ปาฉวนฟงถูกสาปแช่งอย่างหนัก

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะบางส่วนพักผ่อนและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่รออยู่

ในเวลาเดียวกัน ไกลออกไปจากค่ายกลวิญญาณ

ร่างสีดำขนาดมหึมาราวกับภูเขาเริ่มขยับเขยื้อน

มันอ้าปากและสูดหายใจลึก

กลิ่นอายของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนปะทุออกมาก่อนที่มันจะยิงลำแสงสีเทาออกมาอีกครั้ง

ปราศจากเสียง ปราศจากการระเบิด

มันเงียบมาก

แต่แนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณกลับส่องประกายสว่างไสว

เสียงดังขึ้นทำให้กลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะรู้สึกประหม่า

หากค่ายกลวิญญาณไม่สามารถป้องกันสิ่งนี้ พวกเขาจะกลายเป็นเนื้อที่วางอยู่บนเขียง

คนฉลาดหลายคนเริ่มสังเกตการแสดงออกของฟางหยวน

ฟางหยวนเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณทั้งหมด ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของทุกคน

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของฟางหยวนยังสงบนิ่งมาตลอด ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาความคิดของเขา

แต่ความสงบของฟางหยวนก็หมายถึงความมั่นใจและความปลอดภัย นี่ทำให้ผู้อมตะฝ่ายธรรมะรู้สึกผ่อนคลายลง

ไม่นานหลังจากนั้นลำแสงสีเทาก็หยุดลงขณะที่แสงหลากหลายสีสันของแนวป้องกันที่สามก็เลือนหายไป

“พวกเราป้องกันมันได้!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

“ทำได้ดีมากท่านวูอี้ไห่!”

ขวัญกำลังใจของผู้อมตะฝ่ายธรรมะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งขณะที่พวกเขาต้องมองฟางหยวนในมุมมองใหม่

“ข้าคิดไม่ผิดจริงๆ วูอี้ไห่ เจ้าช่วยพวกเราเอาไว้” จื่อกุ้ยตื่นขึ้นแล้วและพึมพำด้วยความยินดี

ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เขายังต้องการให้ฟางหยวนควบคุมค่ายกลวิญญาณนี้ต่อไป

เฉียวซื่อหลิวมองไปที่ฟางหยวนเช่นกัน

ฟางหยวนช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ เขากลายเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง ก่อนหน้านี้เฉียวซื่อหลิวไม่มีความรู้สึกใดๆต่อฟางหยวน แต่ตอนนี้เมื่อนางมองเขา หัวใจของนางกลับเต้นแรงขณะที่นางเกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาด

ท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทากับค่ายกลวิญญาณ มันคือการต่อสู้ระหว่างหอกและโล่

แต่ในที่สุดฝ่ายหลังก็ได้รับชัยชนะ โล่ที่แข็งแกร่งสามารถป้องกันหอกที่น่าสะพรึงกลัว

เมื่อฝุ่นควันจางหาย จ้าวเย่ฮุ้ยก็มองค่ายกลวิญญาณด้วยดวงตาเบิกกว้าง

อาณาจักรแห่งความฝันไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

มันยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ในแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ ฟางหยวน ปาเต๋อ เฉียวซื่อหลิว และผู้อมตะฝ่ายธรรมะคนอื่นๆได้รับการคุ้มครองแต่มันสามารถป้องกันอาณาจักรแห่งความฝันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

“เราจะบุกเข้าไปหรือไม่?” อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน ไป่หนิงปิง และคนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจมาก นี่ไม่เหมือนสิ่งที่ราชันภูเขาม่วงบอกพวกเขา

ไม่นานมานี้พวกเขาได้รับการถ่ายทอดเสียงจากราชันภูเขาม่วง ชายชราบอกว่าค่ายกลวิญญาณจะถูกทำลาย พวกเขาต้องบุกโจมตีในช่วงเวลานั้นเพื่อคว้าชัยชนะ

“จื่อกุ้ยหมดสติไปแล้ว มันเกิดสิ่งใดขึ้น?” ไกลออกไป ราชันภูเขาม่วงถอนหายใจ

มันกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

พวกเขาสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้วแต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโจมตีโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด

ราชันภูเขาม่วงปกปิดกลิ่นอายของตนมาตลอด คนอื่นๆไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของเขา หลังจากมาถึงที่นี่ เขาได้เตรียมความพร้อมสำหรับแผนการใหญ่ของเขาไว้แล้ว

ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงต้องใช้วิธีการดังกล่าว!

ทันใดนั้นโลกพลันเปลี่ยนสี

แสงสีรุ้งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ราวกับคลื่นยักษ์ทำให้กลุ่มผู้อมตะตกตะลึง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” สมาชิกนิกายเงาปิดเปลือกตาลง

ค่ายกลวิญญาณสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะต่างตื่นตระหนก “เกิดสิ่งใดขึ้น? นี่คือท่าไม้ตายอมตะงั้นหรือ?”

ใบหน้าของฟางหยวนปรากฏให้เห็นถึงความประหม่า เขาประกาศ “ท่าไม้ตายอมตะนี้ไม่ได้เล็งเป้ามาที่พวกเราหรือค่ายกลวิญญาณ แต่มันเป็นการโจมตีอาณาจักรแห่งความฝันโดยตรง!”

หลังจากการระเบิดที่รุนแรง แสงสีรุ้งก็จางหายไปและเผยให้เห็นรังไหมแสง

“อาณาจักรแห่งความฝันหายไป พวกมันเปลี่ยนเป็นรังไหมแสงจำนวนนับไม่ถ้วน!”

“โอ้ มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“วิธีการทั่วไม่สามารถทำเช่นนี้ เว้นเพียงมันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน!”

“หมายความว่าเป้าหมายของปีศาจอมตะเหล่านี้ก็คืออาณาจักรแห่งความฝัน”

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะกรีดร้อง

ท่ามกลางพวกเขา บางคนมองฟางหยวนด้วยสายตาดุร้าย “ข้าบอกแล้วว่าธุรกิจซื้อขายโอกาสเป็นความคิดที่ไม่ดี! มันจะกระตุ้นความทะเยอทะยานของฝ่ายปีศาจ สิ่งนี้มีประโยชน์มหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย มิฉะนั้นผู้อตะมากมายจะไม่สนใจผลที่ตามมาและโจมตีพวกเราได้อย่างไร?”

คำกล่าวเหล่านี้ทำให้การแสดงออกของผู้อมตะส่วนใหญ่เปลี่ยนไป

แต่ฟางหยวนไม่ตอบสนอง

ปาเต๋อมองผู้อมตะตระกูลเซี่ยด้วยความโกรธธและตะโกน “หุบปาก!”

ในเวลาเช่นนี้ตระกูลเซี่ยยังหว่านความไม่ลงรอยโดยเฉพาะเมื่อคนผู้นี้กำลังยั่วยุตัวตนที่สำคัญเช่นฟางหยวน นี่เป็นเรื่องที่โง่เขลาเกินไป ปาเต๋อโกรธมาก

แต่ในเวลาต่อมาผู้อมตะตระกูลเซี่ยผู้นั้นกลับหายไปจากจุดเกิดเหตุและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนอกค่ายกลวิญญาณ

“เหตุใดเขาถึงออกไป?” ผู้อมตะฝ่ายธรรมะตกตะลึง

ฟางหยวนหัวเราะ “คนผู้นี้มีเจตนาร้าย เขาพยายามหว่านความไม่ลงรอย ดังนั้นข้าจึงส่งเขาออกไปข้างนอก ขยะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ตอนนี้เราควรใช้เขาตรวจสอบความสามารถของศัตรู”

“บัดซบ! ผู้ใดให้อำนาจเจ้าทำเรื่องนี้ เจ้ากำลังเพิกเฉยต่อสิทธิ์ของเรา!”

“เร็ว ให้ผู้อมตะของตระกูลเรากลับมา!”

“เร็ว!”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาขณะที่กลุ่มผู้อมตะตระกูลเซี่ยที่กรีดร้องหายตัวไปทันที

ในเวลาต่อมาพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นนอกค่ายกลวิญญาณ เมื่อเห็นค่ายกลวิญญาณอยู่ในระยะไกล พวกเขาต่างตกตะลึง

“วูอี้ไห่!” ปาเต่อรู้สึกกระวนกระวายใจ “เจ้าทำเกินไปแล้ว!”

ฟางหยวนมองเขาและกล่าว “ท่านต้องการออกไปอีกคนงั้นหรือ?”

ปาเต๋อตะลึง

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะทั้งหมด “…”

หน้าอกของปาเต๋อขยับขึ้นลงอย่างรุนแรงด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แต่เขายังกล่าว “อย่าลืมว่าวิญญาณอมตะที่ใช้สร้างค่ายกลวิญญาณนี้เป็นของพวกเราทั้งหมด”

เขากำลังขู่

แต่ฟางหยวนกลับหัวเราะ “ท่านคิดว่าตอนนี้วิญญาณเหล่านั้นยังจดจำท่านได้หรือไม่?”

การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนแปลงไป

จื่อกุ้ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เห้อ…ทุกคน นี่คือค่ายกลวิญญาณที่ถูกสร้างขึ้นโดยท่านจื่อชิวหยู ก่อนหน้านี้เพื่อป้องกันคนทรยศและป้องกันไม่ให้ค่ายกลวิญญาณถูกทำลายจากภายใน ดังนั้นแนวป้องกันที่สามและสี่จึงมีเพียงผู้เดียวที่สามารถควบคุม คนอื่นไม่สามารถยุ่งเกี่ยว กระทั่งข้าก็ไม่สามารถทำสิ่งใด เว้นเพียงวูอี้ไห่จะโอนกรรมสิทธิ์คืนให้ข้าอีกครั้งเท่านั้น”

จื่อกุ้ยมองฟางหยวนอย่างจริงใจและจริงจัง

“ท่านจื่อกุ้ย ท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านช่วยพวกเรามามากเกินไปแล้ว ท่านควรพักรักษาตัว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นชาและบดขยี้ความหวังของจื่อกุ้ยลงทันที

ปาเต๋อเต็มไปด้วยความโกรธ

ผู้อมตะคนอื่นๆกระสับกระส่าย

มันหมายความว่าตอนนี้ชีวิตของพวกเขาขึ้นอยู่กับฟางหยวน

เฉียวซื่อหลิวและคนอื่นๆที่มีความใกล้ชิดกับตระกูลวูรู้สึกยินดี แต่การแสดงออกของผู้อมตะตระกูลปา ตระกูลเหยา และตระกูลอื่นที่มีความขัดแย้งกับตระกูลวูกลับดูน่าเกลียดมาก

‘จื่อชิวหยู เจ้าแก่โง่!’ บางคนสบถสาปแช่งอยู่ในใจ

จื่อชิวหยูลอบจัดการค่ายกลวิญญาณนี้ภายใต้เหตุผลเรื่องการรักษาความปลอดภัย แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตระกูลจื่อกลับสูญเสียการควบคุมและถูกแทนที่ด้วยคนนอก

“อย่ากังวล ข้า วูอี้ไห่ ไม่ใช่คนไร้เหตุผล ในสถานการณ์นี้พวกเราฝ่ายธรรมะต้องร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อก้าวข้ามวิกฤต”

“ตระกูลวูของข้ายังเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของฝ่ายธรรมะ ในสถานการณ์เช่นนี้เราต้องออกหน้ารับผิดชอบอย่างแน่นอน”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท