เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1375

ตอนที่ 1375

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1375 การต่อสู้สิ้นสุด
“สัตว์อสูรแรกกำเนิดอีกตัว!”

“มีคนออกจากสนามรบ!”

“ดูเหมือนมันจะมาจากทิศทางของค่ายกลวิญญาณ”

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดนำฟางหยวน อิงอู๋เซี่ย และคนอื่นๆออกจากสนามรบอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

ในความเป็นจริงเมื่อกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ หลายคนก็เริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

“ผู้อมตะที่อยู่บนแผ่นหลังของนกอินทรีย์ตัวนั้นคือกลุ่มที่โจมตีพวกเรา!”

“วูอี้ไห่กำลังทำสิ่งใด?”

“เร็วเข้า ให้เราเข้าไป!”

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เริ่มประท้วง

อย่างไรก็ตามไม่มีการตอบสนองจากวูอี้ไห่

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์และหลบหนีไปแล้ว

“จื่อกุ้ย ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ” เฒ่าพฤกษาปาเต๋อเดินเข้าไปหาจื่อกุ้ย

ไม่สำคัญว่าผู้อมตะคนอื่นๆจะติดต่อวูอี้ไห่ไม่ได้

สิ่งสำคัญคือตระกูลวู ตระกูลเฉียว โดยเฉพาะเทพธิดาเฉียวซื่อหลิวก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากวูอี้ไห่ ชัดเจนว่าเขามีปัญหา

วูอี้ไห่ควบคุมค่ายกลวิญญาณทั้งหมด หากเขาผิดพลาด มันจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรง

จื่อกุ้ยพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขารู้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้

ค่ายกลวิญญาณนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูจื่อ จื่อชิวหยู แม้จื่อกุ้ยจะไม่สามารถควบคุมค่ายกลวิญญาณ แต่เขายังสามารถตรวจอสบสถานะของมัน

มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น

หลังการตรวจสอบ การแสดงออกของจื่อกุ้ยเปลี่ยนไปทันที

ปาเต๋าสังเกตเห็นความหวาดกลัวของจื่อกุ้ยและเร่งถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“วูอี้ไห่หายตัวไป ค่ายกลวิญญาณถูกควบคุมโดยสองกองกำลัง พวกเขากำลังต่อสู้กัน หนึ่งเป็นผู้อมตะภาคกลาง อีกหนึ่งเป็นผู้อมตะภาคเหนือ จากกลิ่นอายของทั้งสอง พวกเขาต่างเป็นผู้อมตะระดับแปด!” จื่อกุ้ยกล่าวอย่างยากลำบาก

ปาเต๋อตะลึง

เรื่องนี้ร้ายแรงเกินไป

เขาสูดหายใจลึกสองสามครั้งขณะที่เหงื่ออันเย็นเยียบปกคลุมอยู่บนหน้าผากของเขา

อันตรายเกินไป!

สถานการณ์นี้อันตรายเกินไป

‘วูอี้ไห่หายตัวไปอย่างลึกลับ เขาน่าจะถูกฆ่าไปล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะระดับแปดคนใดที่แทรกซึมเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ พวกเขาก็สามารถสังหารวูอี้ไห่ที่เป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ด!’

ปาเต๋อเริ่มอนุมาน

ตอนนี้เขายังคิดไม่ถึงว่าฟางหยวนเป็นคนทรยศ

นี่เป็นผลมาจากการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของฟางหยวนเช่นการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาก่อนหน้านี้

สิ่งสำคัญก็คือพวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าวูอี้ไหจะร่วมมือกับนิกายเงา

เพราะเหตุใด?

เพราะไม่นานมานี้หลังจากปาฉวนฟงหักหลังผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ ค่ายกลวิญญาณไม่สามารถใช้งาน ในช่วงเวลาสำคัญ ฟางหยวนได้ช่วยชีวิตของพวกเขาเอาไว้โดยการกระตุ้นใช้งานแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ

เรื่องนี้ทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของผู้อมตะภาคใต้

หากคนผู้นี้เป็นสายลับของนิกายเงา เขาจะขัดขวางแผนการของนิกายเงาในช่วงเวลาสำคัญได้อย่างไร?

‘คิดไปแล้วเป็นความโชคดีที่ปาฉวนฟงหักหลังพวกเรา หากข้าเป็นผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณ เวลานี้ข้าอาจมีจุดจบเดียวกับวูอี้ไห่ ข้าควรขอบคุณวูอี้ไห่ที่ตายแทนข้า’ จื่อกุ้ยลอบถอนหายใจอยู่ภายใน

ไม่ว่าวูอี้ไห่จะตายหรือไม่ ป่าเต๋าก็ต้องยอมรับในไม่ช้า

เขาไม่ใส่ใจความตายของวูอี้ไห่และยังรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลก

แต่ปาเต๋อไม่สามารถหัวเราะออกมา

‘ค่ายกลวิญญาณไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพวกเราแล้ว นิกายเงาล่าถอย แต่วังสวรรค์ยังอยู่ที่นี่ พวกเขาต้องการสิ่งใด?’ ปาเต๋อไตร่ตรองปัญหาร้ายแรงนี้

ก่อนหน้านี้วังสวรรค์และผู้อมตะฝ่ายธรรมะของภาคใต้ยืนหยัดร่วมมือกันต่อต้านนิกายเงา

แต่ตอนนี้นิกายเงาจากไปแล้ว ขณะที่เทพปีศาจจิตวิญญาณถูกจับกุม

วังสวรรค์จะทำสิ่งใดต่อไป?

ปาเต๋อไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้

เพราะไม่นานมานี้วังสวรรค์ได้จัดตั้งกลุ่มลับบุกภาคเหนือและทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะ แม้สุดท้ายพวกเขาจะต้องล่าถอยด้วยความพ่ายแพ้ก็ตาม

สถานการณ์ปัจจุบันคล้ายกันมาก

วังสวรรค์จัดกลุ่มบุกภาคใต้ มันไม่ง่ายที่จะบอกจุดยืนของพวกเขา

แม้ทั้งสองกองกำลังจะเป็นกองกำลังฝ่ายธรรมะเช่นเดียวกัน แต่ปาเต๋อผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงของฝ่ายธรรมะมาอย่างยาวนาน เขารู้บางสิ่ง

การเมืองไม่เคยให้ความสำคัญกับศีลธรรม แต่มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์

พวกเขาจะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้อย่างไร?

คำตอบคือความแข็งแกร่ง!

หากค่ายกลวิญญาณยังอยู่ในการควบคุมของพวกเขา กองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้จะมีความมั่นใจในการเจรจากับวังสวรรค์

แต่ตอนนี้วูอี้ไห่หายตัวไปขณะที่ค่ายกลวิญญาณถูกผู้อื่นยึดครอง

ยิ่งปาเต๋อคิดมากเท่าใด การแสดงออกของเขาก็ยิ่งไม่น่ามองมากเท่านั้น

แต่เขาไม่เสียเวลาคิดมากเกินไป

เขาอ้าปากและตัดสินใจอย่างยากลำบาก “ถอย”

“ถอย? เราจะละทิ้งค่ายกลวิญญาณงั้นหรือ? วิญญาณอมตะของเราอยู่ที่นี่” จื่อกุ้ยชี้นิ้วไปยังอาณาจักรแห่งความฝัน “ดูอาณาจักรแห่งความฝันเหล่านี้ วังสวรรค์อาจมีวิธีรวบรวมพวกมัน หากเราล่าถอย วิญญาณอมตะและอาณาจักรแห่งความฝันทั้งหมดอาจถูกฉกชิงไป แล้วผู้ใดจะรับผิดชอบเรื่องนี้?”

ปาเต๋อมองจื่อกุ้ยอย่างเย็นชา “หากเจ้าต้องการอยู่ก็อยู่ หากไม่ก็หนีไป”

เขาทิ้งประโยคนี้ไว้และนำผู้อมตะคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของตระกูลปาจากไปทันที

การแสดงออกของปาเต๋าสร้างความโกลาหลขึ้น

ก่อนที่ปาเต๋อจะจากไป เขาแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาแล้ว

ตระกูลวูและตระกูลเฉียวพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่โดยเฉพาะการหายตัวไปของวูอี้ไห่

ค่ายกลวิญญาณไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพวกเขาอีกต่อไป ดังนั้นผู้อมตะภาคใต้คนอื่นๆจึงเริ่มเลียนแบบปาเต๋อและล่าถอย

อย่างไรก็ตามวูเหลียวไม่ได้จากไป

วูอี้ไห่เป็นน้องชายของวูหยง ตอนนี้เขาหายตัวไป ในฐานะผู้อมตะตระกูลวู เขาจะล่าถอยได้อย่างไร?

“ข้าเชื่อว่าท่านวูอี้ไห่ยังมีชีวิตอยู่และสบายดี” เฉียวซื่อหลิวคิดก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้อมตะตระกูลเฉียว

ผู้อมตะภาคใต้ส่วนใหญ่ล่าถอย เหลือเพียงจื่อกุ้ย วูเหลียว และผู้อมตะอีกสองสามคน พวกเขาเลือกที่จะเชื่อในวังสวรรค์เพราะคนเหล่านั้นเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะเช่นกัน

หอคอยดวงตาสวรรค์ยังต่อสู้อยู่กับจ้าวเย่ฮุ้ย

จ้าวเย่ฮุ้ยเกลียดชังผู้อมตะของวังสวรรค์มาก มันไม่ใช่เพียงความอยากอาหาร

จุดนี้ได้รับการคำนวณมาอย่างแม่นยำโดยราชันภูเขาม่วง

“ผู้ใดกล้าขวางทางข้า!” ในที่สุดเทพธิดาจื่อเว่ยก็สามารถทำลายเจตจำนงของราชันภูเขาม่วงลงอย่างสมบูรณ์

ผู้อมตะระดับแปดผู้นี้บรรลุเป้าหมายของนางและเข้าควบคุมค่ายกลวิญญาณ

อย่างไรก็ตามนางกลับไม่มีความสุขแม้แต่น้อย

ฟางหยวนกลายเป็นผู้นำนิกายเงาและหลบหนีไปใต้จมูกของนาง

เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักถึงความเร็วของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด นางไม่สามารถไล่ล่าศัตรูได้ในเวลานี้

อารมณ์ของนางแย่มาก

หลังจากควบคุมค่ายกลวิญญาณ นางรีบติดต่อราชันมังกร “ท่านราชันมังกร สถานการณ์ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง?”

ทั้งหมดที่นางได้ยินคือเสียงดัง

รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นก่อนที่ผู้อมตะระดับแปดจะบินออกมาจากภายใน

เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากราชันมังกร

มันเป็นเพียงว่าเขาดูไม่ทรงพลังเหมือนก่อนหน้าขณะที่ใบหน้าของเขามืดมนและบูดบึ้งราวกับเขากำลังอดทนต่อบางสิ่ง

หัวใจของเทพธิดาจื่อเว่ยกระตุก นางกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณนำราชันมังกรเข้าไปทันที

“ท่านราชันมังกร เกิดสิ่งใดขึ้น?”

ราชันมังกรกัดฟันกล่าว “เทพปีศาจจิตวิญญาณยังเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อข้าย้ายประตูแห่งชีวิตและความตายมาไว้ในมิติช่องว่างเทียมของข้า เทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามใช้พลังอำนาจของประตูแห่งชีวิตและความตายเพื่อทำลายดวงวิญญาณของข้า เราต้องกลับวังสวรรค์ทันทีและใช้พลังของวังสวรรค์แยกเทพปีศาจจิตวิญญาณออกจากร่างของข้าและกำหราบมัน!”

หัวใจของเทพธิดาจื่อเว่ยจมดิ่งลง นางไม่คิดว่าสถานการณ์จะรุนแรงถึงเพียงนี้

เทพปีศาจจิตวิญญาณเคยเป็นผู้อมตะระดับเก้า แม้เขาจะถูกจับกุมโดยวังสวรรค์และมีโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่เขายังสามารถตอบโต้อย่างรุนแรง

“ทราบแล้ว!” เทพธิดาจื่อเว่ยเร่งตอบรับ

“แต่เราจะจัดการจ้าวเย่ฮุ้ยและผู้อมตะภาคใต้อย่างไร? ฟางหยวนหลบหนีไปแล้ว” เทพธิดาจื่อเว่ยคิดก่อนถาม

ราชันมังกรกล่าวโดยไม่ลังเล “จ้าวเย่ฮุ้ยไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันไม่สามารถติดตามหอคอยดวงตาสวรค์ ลืมกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไปซะ เทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในร่างของข้าแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบเราไม่ได้ล้มเหลว เราทั้งคู่อยู่ในค่ายกลวิญญาณของฝ่ายธรรมะ การโจมตีฝ่ายธรรมะไม่เป็นประโยชน์ต่อแผนการใหญ่ของเราในอนาคต สำหรับฟางหยวน…”

ขณะกล่าวถึงเรื่องนี้ ราชันมังกรมองไปที่เทพธิดาจื่อเว่ย

ความละอายใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “ข้าพลาด”

อย่างไรก็ตามราชันมังกรกลับเผยรอยยิ้ม “ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใด”

เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ “ท่านราชันมังกรเป็นคนฉลาด โจรชั่วฟางหยวนถูกโจมตีด้วยวิธีการบางอย่างของข้าแล้ว เช่นเดียวกับสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา”

“ดี กำลังเสริมของผู้อมตะภาคใต้กำลังมาจากทุกทิศทาง เราต้องล่าถอยอย่างรวดเร็วที่สุด” ราชันมังกรพยักหน้า

ในที่สุดกำลังเสริมของกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้ก็มาถึง

แต่สิ่งที่พวกเขาพบมีเพียงสนามรบที่พังทลาย

อาณาจักรแห่งความฝันกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง พวกมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ค่ายกลวิญญาณหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อเทพธิดาจื่อเว่ยสามารถควบคุมมัน นางก็สามารถทำลายมัน วิญญาณอมตะจำนวนมากของภาคใต้ถูกยึดครองโดยวังสวรรค์

ราชันมังกรและเทพธิดาจื่อเว่ยเข้าสู่หอคอยดวงตาสวรรค์และบินขึ้นสู่สวรรค์สีขาว

จ้าวเย่ฮุ้ยไม่ยินดีปล่อยพวกเขาไป มันพุ่งเข้าสู่สวรรค์สีขาวเช่นกัน

ผู้อมตะภาคใต้มารวมตัวกันที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบร้อยปี

วูหยง จื่อชิวหยู และคนอื่นๆมองสนามรบด้วยใบหน้าซีดขาว

พวกเขาพบความสูญเสียครั้งใหญ่!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท